ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 152
ตอนที่ 152 หนึ่งปี
ศิษย์พี่เมิ่ง ข้าเห็นอสูรสามหมื่นกว่าตัวถูกแช่แข็งอยู่นอกกําแพงทิศเหนือ มีตัวไหนหลบหนีไปได้บ้างหรือเปล่า? ชายร่างผอมถาม
ก่อนหน้านี้พวกมันอาจจะแยกกองทัพออกไปก่อน เมิ่งชวนกล่าว แต่จากสามหมื่นกว่าตัวที่ข้าพบนั้น ไม่มีตัวไหนที่หนีรอดไปได้
ชายร่างผอมลอบตระหนก หนีไม่พ้นแม้แต่ตัวเดียวรึ? ศิษย์ผู้นี้ช่างน่าเกรงขามเสียจริง!
เอาล่ะ ข้าไม่มีคําถามแล้ว ชายร่างผอมยิ้มและพูดว่า ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของหน่วยตาข่ายปฐพีเถอะ
เข้าใจแล้ว เมิ่งชวนเองก็รู้ถึงกระบวนการเช่นกัน เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งทะยานออกไปในทันที เขาวางเท้าที่ยอดเขาที่อยู่ห่างไกลแห่งหนึ่งก่อนจะพุ่งต่อหายไปโดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่ต้นจนจบเมิ่งชวนไม่ได้เผยตัวในฐานะผู้ลาดตระเวนแม้แต่น้อย ตัวตนในฐานะผู้ลาดตระเวนนั้นเป็นความลับ สําหรับคนส่วนมากแล้ว เมิ่งชวนเพียงบังเอิญอยู่ใกล้ๆในขณะที่อสูรบุกโจมตีเข้ามา
ขนาดเรื่องที่ว่าเมิ่งชวนช่วยเมืองฉงชานเอาไว้ก็ยังถูกเก็บเป็นความลับ! บางครั้งเราจะได้ยินเรื่องราวของเทพอสูรที่มาช่วยเมืองเอาไว้ แต่ตัวตนของเทพอสูรเหล่านั้นไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ หากตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยล่ะก็ พวกอสูรคงจะสามารถตัดสินขนาดของ หน่วยลาดตระเวน ของพวกมนุษย์ได้ สุดท้ายแล้ว มีเทพอสูรเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะบังเอิญไปอยู่ตรงนั้นพอดี ส่วนมากต่างเป็นผู้ลาดตระเวนที่รุดออกไปช่วยทั้งนั้น!
สายฟ้าพุ่งผ่านท้องฟ้าและลงบนด่านเปยเหอ มีคนกว่าสองหมื่นคนอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ถ้าเทียบกันแล้ว ด่านเปยเหอไม่ได้เล็กไปกว่าเมืองฉงชานเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งชวนกลับถึงบ้านอย่างรวดเร็ว หน้าต่างยังคงเปิดอยู่และเขาก็เข้าไปในคฤหาสน์ทางหน้าต่าง
หลิวชีเยว่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงโดยมีโคมไฟที่ส่องสว่างให้ เมื่อเธอเห็นเมิ่งชวนสีหน้าของเธอก็ดูยินดี อาชวน เจ้ากลับมาแล้วงั้นรึ? ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือเปล่า?
ใช่ เมิ่งชวนวางกระบอสูรสังหารไว้ข้างเตียง เขาถอดเสื้อคลุมและขึ้นไปบนเตียง เขายิ้มและพูดว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตอนที่ข้าไปถึงพวกอสูรยังไม่ได้โจมตีเมือง ข้าสังหารราชาอสูรไปหกตัว กับอสูรธรรมดาประมาณสามหมื่นตัว
หลิวชีเยว่พยักหน้า การต่อสู้แบบนี้เป็นเรื่องปกติสําหรับเธอ ในฐานะเทพอสูรมหาสุริยันที่มีร่างเทพวิหคเพลิงที่สมบูรณ์แบบ เธอจึงแข็งแกร่งกว่าเมิ่งชวนเล็กน้อยในแง่ของการทําลายในวงกว้าง เปลวไฟของวิหคเพลิงเธอนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เธอก็ช้ากว่าเมิ่งชวนมาก หากอสูรกว่าสามหมื่นตัวนั้นหลบหนีไปคนละทิศคนละทางคงจะมีอสูรเกือบห้าพันตนหนีรอดไป
มีมนุษย์ประมาณสองสามร้อยคนถูกสังหารไปตอนที่ราชาอสูรเข้าไปในเมือง เมิ่งชวนส่ายหน้าเบาๆ
ดีแล้วที่มีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนตายในระหว่างการบุกรุกของอสูร หลิวชีเยว่ปลอบโยนเขา
ใช่ ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าชินแล้ว ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น นอนต่ออีกหน่อยเถอะ เมิ่งชวนพูดและนอนลงไป
เข้าใจแล้ว หลิวชีเยว่วางหนังสือลงและนอนต่อ
พวกอสูรไม่เข้ามาโจมตีที่ด่านเปยเหออีกเลย บางทีพวกมันคงกําลังหาวิธีจะจัดการกับอุปสรรคใหญ่อย่างเมิ่งชวน
ในวันที่ 27 สิงหาคม เมิ่งชวนได้รับคําขอความช่วยเหลือในตอนเช้าตรู่ เขาเดินทางไปกว่า 600 ลี้ มุ่งไปยังเมืองเกาหลานในมณฑลตะวันหยก ประตูพิภพปรากฏขึ้นห่างจากเมืองเกาหลานประมาณสิบสองลี้ มีราชาอสูรระดับสองหนึ่งตนพร้อมกับอสูรอีก 5000 ตนบุกเมืองเกาหลาน และเพราะเกาหลานไม่มีเทพอสูรคอยดูแล พวกเขาจึงไม่สามารถต้านทานไว้ได้
หลังจากที่เมิ่งชวนไปถึง เขาก็ สังหารราชาอสูรก่อนเป็นอันดับแรก ใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีในการวนรอบเมืองเกาหลานและสังหารอสูรที่กระจัดกระจายไปทั่ว มีประชากรประมาณ 8000 คนจากทั้งหมด 90000 คนที่ถูกสังหาร!
เพราะเมืองเกาหลานนั้นมีการป้องกันที่อ่อนแอ ดังนั้นสิ่งที่คนทําเป็นอย่างแรกคือซ่อนตัวในอุ โมงค์ พวกอสูรกระจัดกระจายไปทุกส่วนของเมืองเพราะกําลังหาวิธีจะเข้าไปในอุโมงค์ที่เต็มไป ด้วยกับดักนี้! พวกอสูรไม่ทันจะได้ทะลวงเข้าไปในอุโมงค์เมิ่งชวนก็มาถึงก่อน หากเขามาช้ากว่านั้น สิบห้านาที ก็คงจะไม่เหลือมนุษย์อยู่ในเมืองนี้แล้ว
แต่เมิ่งชวนสามารถเดินทางได้เกือบ 3000 ในเวลา 15 นาที! เขาเร็วกว่าเฟิงโหวเทพอสูรเสีย อีก ถือได้ว่าเร็วในหมู่ราชันเทพอสูรเลยด้วยซ้ํา หากเขาขึ้นเป็นเฟิงโหวเทพอสูรล่ะก็ ความเร็วคง จะมหาศาลเลยทีเดียว! หากเขายังแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆอีก เขาคงจะเข้าใกล้กับความเร็วของแสงมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ในวันที่ 19 กันยายน เมิ่งชวนที่พึ่งกินข้าวเย็นเสร็จและกําลังฝึกวิชากระบี่ก็ได้รับคําขอความช่วยเหลือ
เขาเดินทางกว่าห้าร้อยลี้เพื่อมุ่งไปยังเมืองหยู่เซ็นในมณฑลกู่เหอ เขาสังหารราชาอสูรระดับสองและอสูรอีกกว่าหกพันตน และมีประชากรของเมืองหยู่เซ็นประมาณ 3000 คนจาก 60000 คน ที่ถูกสังหาร
เวลาค่อยๆผันผ่านไป และในที่สุดก็มาถึงสิ้นปี เมิ่งชวนอยู่ในด่านเปยเหอมาหนึ่งปีแล้ว แต่พึ่งจะได้เจอกับการรุกรานของอสูรในเมืองด่านเพียงหนึ่งครั้งกับคําร้องขอความช่วยเหลืออีกสามครั้ง
ในวันที่ 3 ธันวาคม เขาหยวนชู ตอนกลางคืน
ท่านปรมาจารย์ นี่คือเอกสารของวันนี้ เจ้าเขาหยวนชูวางเอกสารลงบนโต๊ะ
ปรมาจารย์จินหวูที่กําลังอ่านหนังสืออยู่ก็วางลง เขาหยิบเอกสารออกมาอ่านก่อนจะขมวดคิ้ว วันนี้มีประตูพิภพถึงสองแห่งปรากฏขึ้นในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราอย่างนั้นรึ?
ขอรับ เจ้าเขาหยวนชูพยักหน้า ช่วงนี้ประตูพิภพที่ไม่เสถียรปรากฏขึ้นมาบ่อยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประตูพิภพทั้งสองแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองมาก! พวกอสูรไม่ได้ส่งกําลังเข้ามาโจมตี แต่ว่าจากการสํารวจของหน่วยข่ายปฐพีแล้ว คงจะมีอสูรที่ใช้โอกาสนี้เข้ามาแทรกซึมในโลกมนุษย์เป็นแน่ขอรับ
อย่างนั้นรี ปรมาจารย์จินขมวดคิ้วและพยักหน้าเบาๆ จํานวนอสูรที่เข้ามา แทรกซึมในโลกมนุษย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ประตูพิภพที่ไม่เสถียรปรากฏขึ้นได้ทุกที่ อันที่จริงแล้ว มีเพียงไม่กี่อันเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นใกล้เมือง
ส่วนใหญ่ปรากฏขึ้นในถิ่นทุรกันดารหรือภูเขาที่ห่างไกล มันอยู่ไกลจากเมืองใดๆมาก ตราบใดที่พวกมันอยู่ห่างออกไป 50 ลี้ การส่งกองทัพอสูรออกมาก็มีแต่จะโดนพบเข้าระวห่างทาง! ด้วยความเร็วที่อสูรระดับต่ําสามารถเดินทางได้นั้น กําลังเสริมของเทพอสูรคงจะไปถึง ก่อนที่มันจะไปถึงเมืองเสียอีก
ดังนั้นอสูรจึงไม่คิดจะโจมตีเมืองต่างๆหากประตูพิภพอยู่ไกลเกินไป แต่พวกมันจะส่งอสูรสองสามตัวเข้ามาเพื่อแทรกซึมในโลกมนุษย์ พวกมันจะกระจายออกตามหาโอกาสสร้างความโกลาหล
นั่นก็เพื่อความอยู่รอด ในดินแดนอสูรก็ไม่สามารถดูแลอสูรได้ครบทุกตัว และพวกมันยังมีสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นอีก ด้วยความช่วยเหลือของประตูพิภพที่ไม่เสถียรพวกมันจึงสามารถส่งอสูรเข้ามาในโลกมนุษย์ได้นิดหน่อย และนั่นก็ช่วยลดภาระของกลุ่มอสูรหลายๆกลุ่ม อีกทั้งพวกที่เข้ามาในโลกมนุษย์นั้นยังได้ ทํางานหาเลี้ยงชีพ อีก! เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย!
อสูรพวกนี้แอบเข้ามาและหลบอยู่ในพื้นที่ต่างๆ พวกมันหลบอยู่ในทะเลสาบและภูเขา ปกติแล้วพวกอสูรระดับสูงจะนํากลุ่มอสูรระดับต่ําด้วย เจ้าเขาหยวนชูกล่าว การจะตามหาพวกมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงพวกเราจะตามหามันเจอ พวกเราก็จัดการได้แค่ไม่กี่ตัว อสูรพวกนี้กําลังหาโอกาสเพื่อโจมตีใส่หมู่บ้านและปราการของพวกเรา
ใช่ ปรมาจารย์จินหวูพยักหน้า
ในปัจจุบัน หมู่บ้านของมนุษย์นั้นต้องมีป้อมปราการเพื่อรับมือกับการลอบโจมตีของอสูรหลายต่อหลายครั้ง
เพื่อป้องกันความไม่สงบ เราจึงอ้างไปว่าจู่ๆประตูพิภพก็ปรากฏตัวขึ้น จึงทําให้อสูรโจมตีใส่ป้อมปราการ ปรมาจารย์จินหวูกล่าว แต่อันที่จริงแล้ว การลอบโจมตีเล็กๆน้อยๆนี้ถูกทําโดยพวก อสูรที่หลบซ่อนอยู่ในโลกมนุษย์ ยิ่งอสูรโผล่ออกมามากเท่าไหร่ พวกเราก็เก็บซ่อนความจริงเอาไว้ได้ยากมากขึ้นเท่านั้น เมื่อผู้คนรู้ว่ามีอสูรมากมายหลบซ่อนอยู่ทั่วทุกที่ ข้าเกรงว่าคงจะทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ข่ายปฐพีกําลังทําหน้าที่ค้นหาอยู่ เจ้าเขาหยวนชูกล่าว พวกเขากวาดสํารวจไปทั่วโลก เมื่อเจอกับกลุ่มอสูรใดก็จะทําลายทิ้ง พวกอสูรเองก็ไม่กล้าที่จะโผล่ออกมาง่ายๆเช่นกัน
แต่อสูรต่างจากพวกเรา พวกมันหลายตัวอาศัยอยู่ใต้ดินหรือในน้ํา ปรมาจารย์จินหวู กล่าว ตามที่เอกสารว่า ข่ายปฐพีกําลังขาดเทพอสูร หากสามารถเพิ่มจํานวนเทพอสูรในหน่วยข่ายปฐพีได้ประมาณห้าส่วน การค้นหาคงจะได้ผลดีกว่านี้
เมืองด่านหลายๆเมืองเองก็ต้องการเทพอสูรมากเช่นกัน เจ้าเขาหยวนชูกล่าวอย่างช่วยไม่
จินหวพยักหน้า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ในสงครามครั้งนี้คือการที่ไม่มีเทพอสูรเพียงพอ!
หากเรามีผู้ลาดตระเวนเร็วเพิ่มขึ้นซักสองสามคน พวกเราคงจะคลายแรงกดดันนี้ได้ เจ้าเขาหยวนชูกล่าว อย่างเช่นเมิ่งชวนที่รับหน้าที่ดูแลมณฑลสิบแปดเขตในระยะพันล้ําจากด่านเปยเหอ เขาทําหน้าที่ได้ดีมากในปีที่ผ่านมานี้ ไปถึงอย่างรวดเร็วทุกครั้ง การสูญเสียของเมืองฉงชานนั้นเรียกได้ว่าน้อยมาก ส่วนอีกสองเมืองเล็กนั้นก็น้อยมากเช่นกัน
มีเทพอสูรเพียงคนเดียวที่มีร่างอสูรตัดสายฟ้าที่สมบูรณ์ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปถึงการขัดเกลาจุดที่เจ็ดหรือแปด และความเร็วของพวกเขานั้นด้อยกว่าของเมิ่งชวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงถูกสั่งให้ดูแลในบริเวณที่แคบกว่า ปรมาจารย์จินหวูกล่าว ข้ามีความคิดดีๆแล้ว เมืองด่านขนาดเล็กที่อยู่ในเขตของราชวงศ์โจวจะมีเทพอสูรระดับมหาสุริยันธรรมดาคอยดูแล และหน้าที่อีกอย่างของพวกเขาคือการช่วยเหลือหน่วยข่ายปฐพี
ทุกๆเดือน พวกเขาจะต้องค้นหาอสูรในบริเวณ 300 จิ้งรอบๆเมืองเป็นเวลาสิบวัน เพราะไม่ว่ายังไงเมืองด่านขนาดเล็กพวกนี้ก็ค่อนข้างจะปลอดภัย เทพอสูรระดับมหาสุริยันธรรมดาคงจะไม่มีปัญหาในการจัดการกับการบุกรุกของอสูรมากนัก ปรมาจารย์จินหวูกล่าว และหากมีเทพอสูรระดับมหาสุริยันคอยค้นหาบริเวณรอบๆเป็นเวลาสิบวันทุกๆเดือน ภาระของหน่วยข่ายปฐพีก็จะลดลงไปมาก
นี่เป็นเพียงความคิดของข้า ลองไปปรึกษากับผู้อาวุโสคนอื่นและดูว่ามันเหมาะสมหรือเปล่า ปรมาจารย์จินหวูสั่ง
เจ้าเขาหยวนชูพยักหน้าเบาๆ ข้าจะตรวจสอบความแข็งแกร่งของเมืองด่านขนาดเล็กอย่างละเอียด และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เมืองด่านขนาดเล็กยังแข็งแกร่งเพียงพอในขณะที่เพิ่มความแข็งแกร่งของหน่วยข่ายปฐพี่ไปด้วย
ท่านปรมาจารย์ เจ้าเขาหยวนชูอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ในปีที่ผ่านมานี้ มีเทพอสูรตายในการต่อสู้มากกว่าปีก่อนหน้านั้นอีก เขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดํายังคงรักษาตัวไว้ได้ แต่สถานการณ์ในเกาะสองโลกตอนนี้ค่อนข้างจะยุ่งเหยิง…
ข้ารู้ เจ้ากลับไปก่อนได้เลย ปรมาจารย์จินหวูกล่าว
ขอรับ เจ้าเขาหยวนชูทําได้เพียงเดินออกไป
ปรมาจารย์จินหวูนั่งอยู่เฉยๆเป็นเวลานานก่อนจะหยิบหนังสือออกมาอ่านต่อไป