ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 สืบสวนอย่างละเอียด
ด้านนอกสวนหินร้าง
การต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นระหว่างจอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าผู้ปลดปล่อยไออสูร และบ่าวชราระดับไร้ตำหนิที่กินยาโลหิตเทพ
พวกเขาได้ปล่อยพลุขอความช่วยเหลือ มันจะใช้เวลาไม่นานสำหรับจอมยุทธจากตระกูลเทพอสูรทั้งห้าและวังหยกสุริยันจะมาถึง ชายหลังค่อมได้เปรียบ เขากดดดันผู้รับใช้ระดับไร้ตำหนิทุกด้าน และกำลังยุ่งอยู่กับการคิดเรื่องอื่นๆ เขามองไปที่บ่าวชราที่บ้าคลั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความรังเกียจ “ยาโลหิตเทพช่างพิเศษเหลือเกิน พละกำลังส่วนใหญ่ของข้าถูกขัดขวางโดยสายน้ำที่ไหลรอบตัวเขา ยาโลหิตเทพช่วยให้เขามีพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่อำนาจของยาโลหิตเทพยังไม่จบสิ้นข้าก็เอาชนะเขาไม่ได้”
“ข้าไม่มีความหวังที่จะเอาชนะเขาได้ภายในสิบลมหายใจนี้ ลืมมันไปเสียเถอะ ข้าจะไปแล้ว ข้าจะตกอยู่ในอันตรายถ้าหากลากถ่วงไปนานกว่าสิบลมหายใจ” ชายหลังค่อมตัดสินใจแล้วก็หันกายจากไป
สิบลมหายใจคือช่วงเวลาปลอดภัยของเขา
ยิ่งเขาลากถ่วงไปนานเท่าไหร่….
จอมยุทธจากตระกูลเทพอสูรทั้งห้าและวังหยกสุริยันก็จะมีโอกาสมาถึงมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเมืองตงหนิงจะมีขนาดใหญ่มากและสวนหินร้างก็ค่อนข้างห่างไกล และจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะต้องใช้เวลามาถึงในสามสิบอึดใจ แต่าเขาไม่กล้าเสี่ยง จากมุมมองของเขา มันเป็นเรื่องดีที่จะฆ่าเมิ่งชวนและพวกได้ แต่หากเลือกไม่ได้ เอาชีวิตรอดไว้ก่อนนับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าแฝงตัวอยู่ในทุกมุมของโลกมนุษย์ พวกเขาระมัดระวังและเก็บเนื้อเก็บตัว นี่เป็นสัญชาตญาณ
“วืด”
ชายหลังค่อมรีบหันกลับและจากไป ร่างของเขาพร่ามัวและในพริบตาเขาก็พุ่งตัวผ่านสวนหินร้าง หายไปในยามค่ำคืน
“หือ” เมื่อบ่าวชราเห็นชายคนนี้จากไปในทิศตรงกันข้าม ไม่ได้ไล่ตามนายน้อยและคนอื่นๆอีกต่อไป เขาจึงไม่พัวพันกับอีกฝ่าย หากว่าเลือกที่จะเอาชีวิตรอดได้…. เขาก็จะเลือกที่จะเอาชีวิตรอดไว้เช่นเดียวกัน
“นายน้อย”บ่าวชรารีบตรงไปยังเหยียนจินและคนอื่นๆทันที
“เขาไปแล้วรึ” เหยียนจิน เมิ่งชวน และหลิวชีเยว่ถอนหายใจโล่งอก
“เมื่อข้าขัดขวางเขาไว้ เขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะติดตามพวกท่านทัน” บ่าวชราข่มพลังของตนเองอย่างแรงพร้อมกับพูดว่า “แม้ว่าเขาจะมีพลัง แต่เขาก็กลัวว่ากลุ่มตระกูลเทพอสูรทั้งห้าและพระราชวังหยกสุริยันจะมาถึง”
“ชีเยว่วางข้าลง” เมิ่งชวนพูดเสียงแหบ
“อาชวนเจ้ารู้สึกดีขึ้นไหม” หลิวชีเยว่วางเขาลงและถามทันที
“อาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและกระดูกของข้าไม่เป็นอะไร แต่มันค่อนข้างลำบากอยูู่บ้างที่จะขับไล่ไออสูรออกไป ตอนนี้ข้าแทบจะไม่สามารถยับยั้งมันได้แล้ว ข้าอาจจะใช้เวลาสองสามวันในการขับไล่มันออกไปจนหมด” ไออสูรกำลังหมุนวนรอบกายของเขาอย่างแผ่วเบา
เหยียนจินเต็มไปด้วยเลือดและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด อย่างไรก็ตามเขายังคงพูดว่า “นายน้อยเมิ่ง คุณหนูหลิว เรื่องนี้เป็นเพราะข้า ถ้าเราทำตามที่นายน้อยเมิ่งบอก โดยให้คนของเราสั่งแก๊งหมาป่าดำส่งมอบหงหยูมาให้ นั่นคงไม่เกิดปัญหาทั้งหมดนี้ นั่นเป็นเพราะข้าค้นหาสวนหินร้าง จึงทำให้จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าปรากฏตัวขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้า”
“ข้าก็ต้องการช่วยผู้หญิงที่น่าสงสารด้วยเช่นกัน พี่เหยียนจินอย่าคิดมากเลย”
ด้านข้าง บ่าวชรากล่าวทันทีว่า “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายน้อยเมิ่ง จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้ารวดเร็วเกินไปในการโจมตีนายน้อยจนกระทั่งข้าไม่สามารถที่จะช่วยเขาได้ทันเวลา ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการโจมตีด้วยกระบี่ของท่าน นายน้อยของข้าจึงรอดชีวิต”
“ขอบคุณ”เหยียนจินกล่าว เขาจำการโจมตีที่เมิ่งชวนส่งออกไปในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้น การโจมตีที่ช่วยชีวิตเขา
อ่านบทล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
“จะต้องขอบคุณข้าไปทำไมกัน ในเมื่อเราต้องผนึกกำลังกันต่อสู้กับศัตรู” เมิ่งชวนหัวเราะ แต่เขาอดไม่ได้ที่จะไอสองครั้งในขณะที่หัวเราะ การกระทำนี้ส่งผลกระทบต่อการบาดเจ็บของเขาจนทำให้ต้องทำหน้าบิดเบี้ยว
“วืด วืด”
ร่างสองร่างตกลงมาในทันที ความเร็วของพวกเขานั้นน่ากลัว นั่นทำให้บ่าวชรารู้สึกกระวนกระวายใจ
เมิ่งชวน หลิวชีเยว่ และเหยียนจินหันหน้าไปหาพวกเขา
“พ่อ” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ตะโกนออกมาทันที
“ชีเยว่” หลิวเย่ป๋ายรีบมองไปยังลูกสาวของเขา
“ชวนเอ๋อร์” เมื่อเห็นไออสูรและเสื้อผ้าเปื้อนเลือดบนลูกชาย เมิ่งต้าเจียงก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เขารีบคว้าแขนลูกชายและส่งพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของลูกชาย
“พ่อ ข้าสบายดี ไม่เกิดอะไรขึ้น เป็นอาชวนและนายน้อยเหยียนจินที่ต่อสู้กับจอมยุทธของนิกายอสูรฟ้า” หลิวชีเยว่กล่าว
นั่นจึงค่อยทำให้หลิวเย่ป๋ายผ่อนคลายลง ลูกสาวของเขาไม่ได้รับอันตรายจริง
“เมิ่งชวนเป็นอย่างไรบ้าง” หลิวเย่ป๋ายถาม
“หลังจากที่จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าทำอันตรายชวนเอ๋อร์ เขาก็ไม่สามารถที่จะเผด็จศึกได้ ดังนั้นชวนเอ๋อร์จึงยังไม่เป็นไร และควรจะสามารถขับไล่ไออสูรออกจากร่างได้หมดสิ้นภายในสามวัน ส่วนเอ็นและกระดูกน่าจะฟื้นตัวได้ภายในสิบวัน” เมิ่งต้าเจียงผ่อนคลาย เขาค่อนข้างกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงไออสูรภายในตัวลูกชายของเขา
จอมยุทธที่สามารถปลดปล่อยไออสูรอาจฆ่าลูกชายของเขาได้จากเพียงสองสามท่าเพลง จากที่พวกเขาเห็นในตอนนี้ ผลลัพธ์นี้นับว่าพอรับได้
“แล้วชายจากนิกายอสูรฟ้าล่ะ” เมิ่งต้าเจียงสอบถาม
“เขาถูกข้ายับยั้งไว้ พอเขารู้ว่าเขาไม่สามารถฆ่านายน้อยและคนอื่นได้ เขาก็จากไปทันที” บ่าวชรากล่าว “ถ้าเขายังสู้ต่อ พวกท่านสองคนก็คงจะมาถึงและยับยั้งเขาได้”
แม้ว่าบ่าวชราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสะกดพลังของตัวเอง แต่กระแสพลังของเขาก็ยังคงพลุ่งพล่าน
“ยาโลหิตเทพรึ” หลิวเย่ป๋ายและเมิ่งต้าเจียงสามารถสรุปผลได้ และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เหยียนจิน
“คนรับใช้กลับมียาโลหิตเทพอย่างงั้นรึ เหยียนจินคนนี้มีเบื้องหลังแบบไหนกัน” พวกเขาสองคนค่อนข้างแปลกใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดมากเกินไป เนื่องจากอีกฝ่ายไม่เคยประกาศตัวต่อสาธารณชน จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ตามความเป็นจริง ถ้าเจ้าวังหยกสุริยันเต็มใจที่จะปกป้องเขา นั่นก็เป็นการพิสูจน์ทางอ้อมแล้วว่า เด็กหนุ่มชื่อเหยียนจินคนนี้มีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา
“พวกเจ้าพบคนจากนิกายอสูรฟ้าได้อย่างไร”หลิวเย่ป๋ายถาม
“พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกแก๊งหมาป่าดำลักพาตัวไป พวกเราเชื่อว่ามีผู้หญิงที่น่าสงสารมากกว่านี้ในสวนหินร้าง เรากำลังจะค้นหาตอนที่จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าปรากฏตัว” หลิวชีเยว่กล่าว
หลิวเย่ป๋ายกล่าวอย่างเย็นชา “ฐานที่มั่นของแก๊งหมาป่าดำนี้เป็นที่ซ่อนของจอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าอย่างงั้นรึ ดูเหมือนว่าเราจะต้องสอบสวนแก๊งหมาป่าดำให้ดีแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง” ดวงตาของเมิ่งต้าเจียงเย็นชา “ฐานที่มั่นของแก๊งหมาป่าดำทั้งหมดจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีใครสามารถหลบหนีการสอบสวนนี้ได้”
…
ฐานหลักของแก๊งหมาป่าดำที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา
หลิวฉางหัวหน้าแก๊งกำลังดื่มกินขณะที่ฟังเพลง
“อาจารย์” ร่างหนึ่งรีบเข้าไปในอาคาร
“หือ” หลิวฉางขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปที่ชายหนุ่มที่วิ่งเข้ามา “อาฉวนทำไมเจ้าถึงสติแตกแบบนี้”
ชายหนุ่มเหลือบมองนักร้องข้างๆพวกเขา
“ออกไปก่อน” หลิวฉางสั่ง นักร้องต่างพากันเชื่อฟังยอมถอยออกไป เหลือเพียงอาจารย์กับศิษย์อยู่ข้างใน
จากนั้นเด็กหนุ่มก็พูดด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่สวนหินร้าง ข้าไม่ได้รายงานท่านก่อนหน้านี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสวนหินร้าง มีผู้หญิงหายไปจากสวนหินร้างเป็นบางครั้ง แต่พวกเธอไม่ได้ไปอยู่ในซ่องโสเภณีที่ควบคุมโดยแก๊งหมาป่าดำของเรา ผู้หญิงที่หายตัวไปเป็นหญิงพรหมจารีซึ่งสามารถขายได้ในราคาสูง”
“ใช่ ข้าได้สั่งให้เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น ทำไมรึ เกิดอะไรขึ้นรึ” หลิวฉางถาม
“วันนี้นายน้อยเมิ่งชวน และคุณชายจากวังหยกสุริยันมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาทำการค้นสวนหินร้างทั้งหมดและก็มีจอมยุทธที่น่ากลัวปรากฏตัวขึ้น” เด็กหนุ่มกล่าว “ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยหมอกสีเขียวและเล็บของเขายาวมาก ดวงตาของเขาเป็นสีเขียว มันน่ากลัวมาก เขาโจมตีนายน้อยเมิ่งชวนและคนอื่นๆเข้าไปตรงๆ”
“หมอกเขียวรึ เล็บของเขายาวขึ้นและตาของเขาก็เป็นสีเขียวรึ” สีหน้าของหลิวฉางเปลี่ยนไป “แล้วต่อจากนั้น”
“การต่อสู้ครั้งนี้น่ากลัวมาก พี่น้องของเราและสตรีในสวนหินร้างหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย พวกเราหนีกระจัดกระจาย” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างร้อนรน “อาจารย์ ข้ามารายงานท่านด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้านายน้อยเมิ่งชวนและคนอื่นๆตาย พวกเราคงต้องตกที่นั่งลำบากแน่ๆ”
“นายน้อยเมิ่งชวนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” หลิวฉางถาม
“ข้าไม่รู้ ข้ารีบหนีทันทีเมื่อข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้าไม่กล้าอยู่ต่อ” เด็กหนุ่มกล่าวทันที
“อย่างงั้นรึ”
หลิวฉางถามว่า “เจ้าไม่ได้บอกใครว่าเจ้าสงสัยสวนหินร้างใช่มั้ย”
“ไม่ ข้าทำตามที่ท่านสั่งให้ทำ อาจารย์ ตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อไป” ชายหนุ่มถาม
“เจ้าประจำอยู่ในสวนหินร้าง หากตระกูลเทพอสูรทั้งห้าและวังหยกสุริยันตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาอาจสอบสวนเจ้า” หลิวฉางกล่าว “ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มสี่สิบห้า และประตูเมืองจะปิดเวลาสองทุ่มสิบห้า ยังมีเวลาให้เจ้าออกจากเมืองไปที่โจรม้าบินภูเขาตะวันออกและซ่อนตัวไว้ หากพวกเขาไม่ได้สอบสวนเจ้า ข้าค่อยขอเจ้าคืน จำไว้ว่า…ไปที่โจรม้าบินและเก็บไว้เป็นความลับ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เด็กหนุ่มพยักหน้า
“ออกไปเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี” หลิวฉางกล่าว “เมื่อประตูเมืองปิดลง วังหยกสุริยันและตระกูลเทพอสูรทั้งห้าจะเริ่มการสืบสวนของพวกเขาไม่นานหลังจากนั้น พรุ่งนี้เจ้าจะออกไปไม่ได้”
“ขอรับ”
เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าจะปลอดภัยกว่าสำหรับเขาที่จะออกจากเมืองในตอนนี้เช่นเดียวกัน เขารีบออกจากฐานใหญ่ของแก๊งทันทีและมุ่งหน้าไปที่ประตูเมือง
หลังจากที่เขาวิ่งไปครึ่งกิโลเมตรจากสำนักงานใหญ่ของแก๊ง…
“ฟิ้ว” วัตถุบินลับวาบผ่านและแทงทะลุร่างของเด็กหนุ่ม
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างและทรุดตัวลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ หลิวฉางที่สวมหน้ากากก็ปรากฏตัวข้างๆเขา
“อาฉวน อาจารย์ไม่กล้าที่จะเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับนิกายอสูรฟ้า ข้าคงจะถึงวาระสุดท้าย ถ้ากลุ่มตระกูลเทพอสูรพบว่าข้าได้ค้นพบบางสิ่งที่ผิดปกติในสวนหินร้างแต่เลือกที่จะเมินเฉย คนที่ตายเท่านั้นที่จะหุบปากตลอดไป อย่าโทษข้าเลย” หลิวฉางรีบไปจากบริเวณศพของเด็กหนุ่ม
…
หลังจากนั้น หลิวฉางก็กลับไปที่ฐานใหญ่ของแก๊งหมาป่าดำโดยไม่มีใครรู้
เขาวาดภาพอย่างสบายๆในห้องทำงาน
“ หลิวฉาง” มีเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้น
หลิวฉางเดินออกจากห้องทำงานทันที เมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนชุดขาวอยู่ข้างนอกเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “อา นายท่านสาม ข้าพอจะรู้ได้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
“เจ้ากำลังถามว่าเรื่องนี้คืออะไรงั้นรึ เจ้าเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์” ชายวัยกลางคนสวมชุดขาวกล่าวพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟ้น “เจ้าสร้างปัญหาใหญ่ให้ข้า เรื่องการจัดการแก๊งหมาป่าดำ จอมยุทธของนิกายอสูรฟ้าปรากฏตัวในสวนหินร้าง”
“อะไรกัน นิกายอสูรฟ้ารึ นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า นั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า” หลิวฉางเกือบจะร้องไห้ด้วยความตกใจ เขาพูดทันทีว่า “นายท่านสาม ท่านรู้ว่าข้าไม่กล้า”
“นายน้อยสองคนเมิ่งชวนและเหยียนจินจากวังหยกสุริยันได้รับบาดเจ็บสาหัส เมิ่งเซียนกูเกือบบ้า เธอได้เริ่มระดมกำลังตระกูลเมิ่งแล้ว นอกจากนี้เจ้าวังหยกสุริยันยังมีคำสั่งให้ดำเนินการสอบสวนร่วมกับตระกูลเมิ่ง คืนนี้ทั้งเมืองจะไม่มีทางได้สงบสุข” ชายวัยกลางคนสวมชุดขาวกัดฟัน “เจ้าขยะ รีบตามข้าไปพบพี่ชายของข้า”