ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 48
ตอนที่ 48 ทุกสรรพสิ่ง (บทสุดท้ายของภาค)
“ถ้าหากมันหนีไปได้ ข้าคงจะต้องพาเจ้าไปที่เขาหยวนชู” เมิ่งเซียนกูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณท่านย่าทวดมากขอรับ ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องเจอปัญหาใหญ่เป็นแน่” เมิ่งชวนกล่าวขอบคุณ
มู่หรงหยูที่ถูกมัดอยู่ข้างๆเหมือนเกี๊ยว จ้องไปที่เมิ่งชวนและพูดด้วยเสียงต่ำ “นายน้อยเมิ่ง ข้าประทับใจจริงๆ เจ้าทำตัวเหมือนจอมยุทธในระดับก่อกำเนิดที่พึ่งเข้าถึงวิชาลับ แม้ว่าจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ก็ตาม เจ้าซ่อนความลับไว้ได้อย่างดี ข้าแพ้แต่โดยดี พวกเราคำนวนไว้แล้ว รวมไปถึงความสามารถในการสอดส่องของเมิ่งเซียนกูและจ้าวตำหนักวังหยกสุริยันด้วยเช่นกัน หากพวกข้ามีเวลาแค่เพียงชั่วครู่ เทพมารพวกนี้คงจะไม่พบพวกข้าเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยนึกฝันเลยว่าน้องๆของข้าจะตายด้วยน้ำมือของเจ้า ขนาดข้ายังถูกเจ้ายื้อเอาไว้เป็นเวลานานเลย!
มันถูกยื้อมานานเกินไป จนทำให้เมิ่งเซียนกูจับตัวมันได้ หากมันมีเวลามากกว่านี้ มันคงจะหลบซ่อนในถ้ำใต้ดิน และทำให้ยากที่จะเจอตัว
ดินและหินเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการจับสัมผัสใดๆ แม่น้ำก็ขัดขวางการจับสัมผัสได้ดีเช่นกัน ในตอนที่มู่หรงหยูกระโดดลงไปในแม่น้ำ เมิ่งชวนก็สัมผัสที่จับได้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว หากมันมีเวลาอีกห้าวินาทีล่ะก็ แม้จะเป็นเมิ่งเซียนกูก็คงจะจับสัมผัสมันไม่ได้อย่างแน่นอน
“เจ้าหุบปากเสียดีกว่า” เมิ่งเซียนกูเหลือบมอง ในขณะที่ด้ายที่มองไม่เห็นแทงเข้าไปในร่างกายของมู่หรงหยู มู่หรงหยูไม่สามารถส่งเสียงได้อีกต่อไป มันมองไม่เห็นและไม่ได้ยินอีกต่อไป
“ตอนนี้มันจะไม่ได้ยินหรือมองเห็นอะไรทั้งนั้น” เมิ่งเซียนกูกระซิบ “ตอนที่เจ้าประลองกับพ่อของเจ้าและข้า…เจ้าแข็งแกร่งพอๆกับพ่อของเจ้า แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่านั้นหลายเท่าเมื่อตอนที่เจ้าปลดปล่อยพลังเต็มที่ก่อนหน้านี้ กระทั่งนำมู่หรงหยูไปได้ ขนาดรองหัวหน้าสาขาทั้งสองคนนั้นมันยังตายด้วยน้ำมือเจ้าเลย หรือนี่จะเป็นเพราะพื้นที่ตรงหว่างคิ้วของเจ้าอย่างนั้นรึ?”
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า “เพียงแต่ข้าใช้ท่าได้เพียงไม่กี่ท่าเท่านั้น ข้าสังหารรองหัวหน้าทั้งสองด้วยการสองท่าแรก และสามท่าที่เหลือนั้นทำได้แค่เพียงทำให้มู่หรงหยูบาดเจ็บสาหัส ข้าสังหารมันไม่ได้”
“สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้มากเพียงนี้” เมิ่งเซียนกูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน จำไว้ว่า เรื่องนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับ แม้ว่าเจ้าจะได้เข้าร่วมการประเมินของเขาหยวนชู แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเผยพื้นที่ตรงหว่างคิ้วของเจ้าหากเจ้ามั่นใจว่าจะผ่าน หลังจากที่เจ้าเข้าสู่เขาหยวนชูแล้ว ให้อ่านคู่มือและหาดูว่ามันหมายถึงอะไร จากนั้นเจ้าค่อยตัดสินใจได้ว่าจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับการมีอยู่ของมันหรือไม่”
“อย่างไรก็ตาม พื้นที่ลึกลับเช่นนี้อาจเป็นเรื่องที่ดี มันอาจเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างด้วย” เมิ่งเซียนกูกล่าว
“เข้าใจแล้วขอรับ”เมิ่งชวนพยักหน้า
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปถึงระดับไร้ตำหนิได้เมื่อไหร่?” เมิ่งเซียนกูถาม
“รากฐานเทพอสูรของข้าลึกซึ้งและแข็งแกร่งมาก ข้าจะอยู่ในระดับก่อกำเนิดนานกว่านี้อีกหน่อย ข้าคาดว่าจะไปถึงระดับไร้ตำหนิภายในสิ้นปีหรือต้นปีหน้า” เมิ่งชวนกล่าว
“เป็นเรื่องดีที่จะมีระยะเวลาเติบโตนานขึ้น” เมิ่งเซียนกูพยักหน้า “แม้ว่าเจ้าจะไปถึงระดับไร้ตำหนิภายในสิ้นปีนี้ เจ้าก็ต้องเสริมรากฐานของเจ้าอยู่ดี เป็นเรื่องดีหากเจ้าบีบอัดแก่นของเจ้าได้! จากนั้นเจ้าสามารถเข้าร่วมการประเมินของเขาหยวนชูได้ในปลายปีหน้า เจ้าควรเข้าร่วมการประเมินตอนอายุ 18 ปี แม้ว่าเจ้าจะล้มเหลว แต่เจ้าก็มีโอกาสเข้าร่วมได้อีกครั้งตอน19 ไม่ก็ 20”
ตามแผนของเมิ่งเซียนกู เขามีโอกาสทั้งหมดสามครั้ง
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า
“ไม่มีใครเห็นการสนทนานี้ใช่ไหม?” เมิ่งเซียนกูถาม
“ตอนนี้ค่อนข้างดึกและสถานที่ลอบสังหารที่นิกายอสูรฟ้าเลือกไว้นั้นค่อนข้างห่างไกล ไม่มีจอมยุทธอยู่”
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปก่อนได้ แต่อย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้” เมิ่งเซียนกูกล่าว “ให้ข้ารับผิดชอบการตายของพวกมันเอง”
“ขอรับ” เมิ่งชวนรู้สึกผ่อนคลาย เมิ่งเซียนกูไม่ได้โลภ ในฐานะที่เคยเป็นเทพอสูรมาเกือบ 80 ปี เธอไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง สิ่งที่เธอทำคือการปกป้องเมิ่งชวน
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com
…
การต่อสู้ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็จบลงอย่างเงียบๆ
เมิ่งชวนกลับไปที่จิงหูเมิ่ง
“อาชวน เจ้าไม่ได้ไปที่คฤหาสน์ของบรรพบุรุษรึ? เจ้ากลับมาไวจัง” หลิวชีเยว่ที่พึ่งกลับก็พบว่าเมิ่งชวนอยู่ข้างหลังเธอ
“ข้าวิ่งมาเต็มแรง แน่นอนอยู่แล้วว่าข้าเร็ว” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิวชีเยว่ไม่รู้สึกเลยว่า ในช่วงเวลาที่พวกเขาแยกจากกัน ก็มีการต่อสู้กันอย่างลับๆ ที่มีผลสืบเนื่องยาวนานแห่งเมืองตงหนิง ได้เกิดขึ้น
…
ที่คฤหาสน์บรรพบุรุษตระกูลเมิ่ง ภายในห้องทรมาน
“ข้าสาบานว่าข้าจะบอกเจ้าทุกเรื่องที่ข้ารู้ หากปล่อยข้าออกไป!” มู่หรงหยูที่ถูกล่ามโซ่ตะโกน ร่างกายของมันสั่นสะท้าน
เมิ่งเซียนกูยืนอยู่นิ่งๆและพูดอย่างเฉยเมยว่า “อย่าฝันเลยว่าจะได้มีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ที่ข้าจับเจ้าได้ เจ้าก็ชะตาขาดแล้ว แต่หากเจ้าบอกข้าว่านิกายอสูรฟ้าสาขาตงหนิงอยู่ที่ไหน ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ตายดี ไม่เช่นนั้น เจ้าจะไม่ได้ต้องทนการทรมาณเพียงสิบยี่สิบวัน แต่เป็นปี! เจ้าจะไม่ได้ตายอย่างที่หวังแน่ ต้องทนทรมาณทั้งวันทั้งคืน ติดอยู่ในนรกตลอดกาลไม่มีทางหนีรอด”
เมิ่งเซียนกูมีประสบการณ์ในการทรมานกากเดนเหล่านี้จากนิกายอสูรฟ้า
“สาขาตงหนิงรึ ไม่ไม่…” มู่หรงหยูไม่ยอมง่ายๆ “ปล่อยข้าออกไปเป็นๆก่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้อะไรจากข้า”
“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูกัน” เมิ่งเซียนกูจับไม้เท้าของเธอขณะที่ด้ายที่มองไม่เห็นแทงเข้าไปในร่างกายของมู่หรงหยู มู่หรงหยูร้องไห้ออกมาทันที
ในความเจ็บปวด เวลาดูเหมือนจะผ่านไปช้าลงหลายพันเท่า มู่หรงหยูประสบกับความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ปล่อยข้าออกไป” ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ทำให้มู่หรงหยูยังคงต่อต้าน แต่เมิ่งเซียนกูยืนนิ่งไร้ความรู้สึก ด้ายแทงเข้าไปในร่างกายของมู่หรงหยูและทรมานมัน
สองชั่วโมง สี่ชั่วโมง หกชั่วโมง…
เวลามันช่างผ่านไปอย่างเนิ่นนานสำหรับมู่หรงหยู มันถูกทรมานจนแทบคลั่ง มันอยากจะเป็นอิสระ มันต้องการที่จะหลุดพ้นจากความทรมาณไม่มีที่สิ้นสุดนี้
“ข้าจะพูด” มู่หรงหยูยอมแพ้ในที่สุด
ก่อนดวงอาทิตย์จะขึ้น มู่หรงหยูได้บอกทุกอย่างที่เมิ่งเซียนกูต้องการออกไป และหลังจากนั้น มันก็ได้รับสิ่งที่ต้องการ การปลดปล่อย!
เมิ่งเซียนกูเดินออกจากห้องทรมาน
ในไม่ช้า เมิ่งเซียนกูก็นำผู้อาวุโสออกเป็นเก้าคน และสมาชิกระดับก่อกำเนิด120 คนจากตระกูลเมิ่งที่ถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดทีม และดำเนินการหลายอย่างพร้อมกัน
พวกเขาทำลายสำนักงานใหญ่และที่ซุ่มทั้งหกแห่ง ทั้งหกแห่งเป็นโรงรับจำนำ บ้านพักพ่อค้ารายใหญ่ บริษัทคุ้มกัน ฯลฯ และพวกมันก็ถูกตระกูลเมิ่งทำลายทิ้งจนหมดภายในสองชั่วโมง
…
บ่ายวันรุ่งขึ้น
เมิ่งเซียนกูย้ายไปที่จิงหูเมิ่งชั่วคราวอีกครั้ง
“ท่านย่าทวด หนังสือพวกนี้คือ?” เมิ่งชวนมองไปที่กล่องหนังสือในลานบ้าน นอกจากนี้ยังมีภาพวาดและสิ่งของอื่นๆ
“ข้าสอบปากคำมู่หรงหยูเมื่อคืนและได้ข้อมูลนิกายอสูรฟ้าสาขาตงหนิงมา” เมิ่งเซียนกูกล่าว “ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆของสาขาตงหนิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้นำทั้งสามของพวกมันตายไปหมดแล้ว พวกมันโดนทีเผลอ และตระกูลเมิ่งของเราสามารถบุกจู่โจมพวกมันทั้งหมดได้ภายในหนึ่งชั่วยาม(2 ชั่วโมง) สาขาตงหนิงถูกกวาดล้าง มีจอมยุทธในระดับก่อกำเนิดเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดพ้นไปได้”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นิกายอสูรฟ้าจะไม่มีหูตาในเมืองตงหนิง พวกมันจะไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในเมืองตงหนิงและสร้างเครือข่ายข้อมูลได้ในอีกไม่กี่ปีนี้เป็นแน่” เมิ่งเซียนกูยิ้ม “เมิ่งชวน เจ้าได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อเมืองตงหนิง”
เมิ่งชวนยิ้ม รู้สึกมีความสุข
หากไม่มีนิกายอสูรฟ้ามาก่อปัญหาอยู่เสมอๆ เมืองตงหนิงจะปลอดภัยกว่าเดิมมาก อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป นิกายอสูรฟ้าจะค่อยๆแทรกซึมกลับเข้ามาในเมืองตงหนิงอีกครั้ง
“หนังสือเหล่านี้ข้าพบในที่ซ่อนของพวกมัน มันเหมาะสำหรับเจ้า” เมิ่งเซียนกูกล่าว “ลองอ่านดูว่าเจ้าจะเปิดโลกทัศน์ของเจ้าให้กว้างขึ้นได้หรือไม่”
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้าก่อนจะเริ่มพลิกดูหนังสือ
หนังสือเหล่านี้กล่าวถึงความลับของโลกเป็นหลัก นิกายอสูรฟ้ารับผิดชอบในการตรวจสอบข้อมูลทุกประเภทที่เกี่ยวกับมนุษย์ มีหนังสือหลายเล่มที่มีข้อมูลที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
โลกนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน มนุษย์มีสามราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ ได้แก่ ราชวงศ์โจว ราชวงศ์ทรายดำ และราชวงศ์หยู ราชวงศ์โจวก่อตั้งขึ้นโดยนิกายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เขาหยวนชู ราชวงศ์ทรายดำก่อตั้งขึ้นโดยถ้ำทรายดำสวรรค์ ราชวงศ์หยูก่อตั้งขึ้นโดยเกาะสองโลก เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย สำหรับเขาหยวนชู ถ้ำสวรรค์ทรายดำ เกาะสองโลก…พวกเขาเป็นสามนิกายสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ทั้งสามนิกายยิ่งใหญ่เหล่านี้มีเทพอสูรที่ทรงพลังอยู่ในนั้น พวกเขาร่วมกันป้องกันการรุกรานของอสูร เพราะเหล่าอสูรนั้นแข็งแกร่ง
เมิ่งชวนอ่านบันทึก อสูรมีพลังมากกว่ามนุษย์มาก
มนุษย์ทั้งสามนิกายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันพวกมัน พวกเขาตั้งรับอย่างเต็มที่! เทพอสูรมีอิทธิพลในเมืองใหญ่ๆหลายที่ เช่นเทพอสูรที่มีชื่อเสียงอย่างราชาทะเลตงไห่ก็เป็นคนคุมเมืองปราการที่สำคัญและปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามทั้งสามนิกายไม่ได้สูญเสียดินแดนใดๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะถูกอสูรยึดครองเพียงชั่วคราว แต่ก็จะยึดคืนกลับมาอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว
‘พวกสวะนิกายอสูรฟ้า’ ยิ่งเขาอ่านเขาก็ยิ่งโกรธ
บางคนคิดว่าไม่มีความหวังสำหรับมนุษย์ บางคนหวังผลประโยชน์ที่จะได้รับจากอสูร ง่ายๆคือ พวกมันได้ก่อตั้งนิกายขึ้นมา มันคือนิกายอสูรฟ้า มันแทรกซึมเข้ามาในเผ่าพันธุ์มนุษย์ นิกายอสูรฟ้าแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งเพื่อให้ข้อมูลมนุษย์แก่อสูร เหล่ามนุษย์เกลียดชังพวกมันอย่างหนัก นิกายอสูรฟ้าสาขาย่อยที่เมิ่งชวนกำจัดออกไปก็เป็นเพียงเม็ดทรายท้องทะเลอันกว้างใหญ่เท่านั้น
‘ข้ายังคงเป็นมนุษย์ สิ่งที่ข้าทำได้ยังคงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น’
…
การทำลายนิกายอสูรฟ้าสาขาตงหนิงเกิดขึ้นอย่างลับๆ มีเพียงระดับสูงของเมืองตงหนิงเท่านั้นที่รู้ สำหรับการเสียชีวิตของผู้นำนิกายอสูรฟ้าสาขาตงหนิงทั้งสาม ศาลจักรวรรดิตั้งให้เมิ่งเซียนกูเป็นคนรับผิดชอบ
วันคืนของเมืองตงหนิงสงบสุขและเงียบสงบมากตามปกติ
ในวันที่ 25 มีนาคม วังหยกสุริยันประกาศว่าเหยียนจินได้เข้าถึง “พลังกระบี่” แล้ว ทันทีที่ข่าวแพร่กระจาย มันสะเทือนทั้งห้าตระกูลเทพอสูรในเมืองตงหนิงทันที เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็เข้าถึง “พลัง” ได้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด เขาเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ เป็นอัจฉริยะที่เทียบได้กับปรมาจารย์จาง
สามวันต่อมา ตระกูลเมิ่งประกาศว่าเมิ่งชวนเข้าใจ “พลังกระบี่” ได้แล้วเช่นกัน เมื่อหวินฟู่อันแห่งตระกูลหยุนทราบข่าว เขาก็โมโหทุบเครื่องเคลือบลายครามที่เขาชอบทั้งหมดในห้องของเขา และสถานะของตระกูลเมิ่งก็เพิ่มขึ้นในบรรดาตระกูลเทพอสูรทั้งห้า ไม่มีสี่ตระกูลเทพอสูรใดกล้าที่ดูถูกดูแคลนพวกเขาอีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว มันแน่นอนว่าเขาจะได้รับคัดเลือกจากเขาหยวนชูหลังจากที่เข้าใจ”พลัง”ตั้งแต่อายุ 17 ปี และอนาคตที่สดใสก็รอเมิ่งชวนอยู่
(จบภาคสอง บันทึกสรรพชีวิต)