ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 74
ยามเช้าตรู่วันที่ 21 ธันวาคม
เมิ่งชวนนั่งอยู่บนเตียงและค่อยๆลูบดาบของเขาอย่างอ่อนโยน
“การฝึกฝนสิบสองปีที่ผ่านมานี่ก็เพื่อวันๆนี้เท่านั้น” เมิ่งชวนพึมพำเบาๆ ในที่สุดวันสอบเข้าเขาหยวนชูก็มาถึงแล้ว มันเป็นวันที่เขารอมาเนิ่นนาน
เมิ่งชวนนึกถึงคนมากมาย พ่อของเขา แม่ ย่าทวด ผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสสาม และผู้อาวุโสในตระกูลอีกมากมายที่หวังอยากจะให้เขาเข้าสู่เขาหยวนชูได้
…
ที่ห้องข้างๆ เมิ่งต้าเจียงจ้องมองไปที่ภาพแขวนบนผนัง มันเป็นภาพของภรรยาเขา
‘ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง’ เมิ่งต้าเจียงมองไปที่ภาพวาด ‘ข้าทำทุกอย่างที่ข้าจะทำได้แล้ว ข้าทำให้ชวนเอ๋อร์สนใจในวิชากระบี่ ข้าประลองกับเขา ข้าหาอาจารย์ของสำนักเต๋าที่เข้ากับเขาให้ แต้มที่ข้าสะสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ถูกแลกเป็นผลใจน้ำแข็งให้ชวนเอ๋อร์ ข้าทำทุกอย่างที่ข้าจะทำได้แล้ว!’
‘ข้า เมิ่งต้าเจียง เป็นเพียงคนธรรมดา แต่ลูกชายที่ข้าเลี้ยงดูมาคือความภาคภูมิใจที่สุดของข้า! เหนียนหยุน ลูกของพวกเราจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูอย่างแน่นอน’ เมิ่งต้าเจียงเองก็รู้สึกกังวลเช่นกัน
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก “นายน้อยเมิ่ง นายน้อยเหยียน ท่านขุนนางเรียกแล้วขอรับ พวกเขากำลังเตรียมพร้อมจะออกเดินทาแล้วง”
‘พวกเราจะต้องไปแล้วรึ?’ เมิ่งต้าเจียงเช็ดหางตาและเดินออกจากห้องไป เขาตะโกน “ฉวนเอ๋อร์ ชวนเอ๋อร์ ได้เวลาไปแล้ว”
เอี๊ยด
เมิ่งชวนเดินออกมาจากห้องพร้อมกระบี่ข้างเอว เขายิ้มให้พ่อ “เราไปกันเถอะ”
เมิ่งชวน เมิ่งต้าเจียงและเหยียนจินไปรวมตัวกันที่ทางเข้าของอาคารรับรอง
แม้ว่าจะมีหิมะตกเมื่อวานนี้ แต่หิมะที่อยู่ในสวนของอาคารรับรองก็ถูกจัดการไปนานแล้ว มีเพียงบนต้นไม้หรือหลังคาเท่านั้นที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
“นายน้อยเมิ่ง”
“นายน้อยเหยียน” ทุกคนที่ทางเข้าทักทายพวกเขา
ในบรรดาคนหนุ่มสาวทั้งสิบสองคนมีเพียงเหยียนจินที่มาคนเดียว คนอื่นๆนั้นมีผู้ใหญ่มาด้วย
“ทุกคนมากันแล้วสินะ งั้นก็ไปกันเถอะ” ขุนนางเมฆาใต้เดินเข้ามาและกวาดสายตามองดู จากนั้นทุกๆคนก็เดินตามเขาออกไป
ภายในสวนที่กว้างขวางของอาคารรับรองมีนกสีแดงเพลิงรออยู่ พวกเขาขึ้นไปขี่บนหลังนกกันทีละคน
เมิ่งชวน เหยียนจินและเมิ่งต้าเจียงนั่งอยู่ที่ตรงๆส่วนหลังๆของนก
“ไปกันเถอะ” ขุนนางเมฆาใต้กล่าว
นกสีแดงเพลิงพุ่งขึ้นทันที เม่ื่อมองจากด้านบนจะสามารถมองเห็นถนนและอาคารที่สวยงามทุกแห่งในเมืองหยวนชู มันช่างเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่
…
ในขณะเดียวกันที่ตระกูลเมิ่งในเมืองตงหนิง
ในโถงใหญ่ของจวนบรรพบุรุษ เมิ่งเซียนกูนั่งคุกเข่าบนเบาะภาวนา เธอประสานมือเข้าด้วยกันอย่างคาดหวัง
“ท่านบรรพบุรุษโปรดอวยพรให้ให้พวกเรา โปรดอวยพรให้ลูกหลานตระกูลเมิ่งของเรา เมิ่งชวน โปรดให้เขาผ่านการทดสอบและเข้าสู่เขาหยวนชูได้” ใบหน้าของเมิ่งเซียนกูซีดเซียวดูใกล้ตาย เพราะการรุกรานของอสูรนั้นได้ทำร้ายร่างกายเธอมากเกินไป ร่างของเธอใกล้จะมอดดับแล้ว หากว่าไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเธอ เธอคงจะไม่รอดจนถึงทุกวันนี้แล้ว
เมิ่งชวนคือความหวังของตระกูลเมิ่ง หากเธอเสียชีวิตไป เมิ่งชวนจะเป็นเสาหลักในอนาคต
ดังนั้น เธอจึงเฝ้ารอข่าวความสำเร็จของเมิ่งชวน จากนั้น เธอถึงจะได้จากไปโดยสงบ
…
‘อาชวน’ บนยอดเขาหยวนชู หลิวชีเยว่ใจลอย เธอมองออกนอกหน้าต่างไปที่ทะเลเมฆที่กว้างใหญ่และรู้สึกกังวลเล็กน้อย ‘อาชวนจะสอบวันนี้สินะ? เขาผ่านแน่นอนอยู่แล้ว!’
…
‘การสอบเข้าเขาหยวนชูคือวันนี้ วันที่ 21 ธันวาคม เขาจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูได้รึเปล่านะ?’ อวิ๋นชิงผิงอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้ขณะที่เธอฝึกฟันกระบี่ในตอนเช้า จากนั้นเธอก็ส่ายหน้า ‘ทำไมข้าถึงต้องคิดเรื่องนี้กันนะ?’ เธอฝึกฝนวิชากระบี่ต่อไป
…
เมิ่งชวนและคนอื่นๆนั่งอยู่บนหลังนกสีแดง นกตัวนี้บินอยู่ที่ความสูงกว่าร้อยจั้ง มันไม่เร็วมาก ทำให้คนที่นั่งอยู่สามารถมีความสุขกับวิวทิวทัศน์ของเมืองหยวนชูได้ มันบินไปหลายลี้ก่อนจะค่อยๆบินต่ำลงมาอย่างช้าๆ มันลงจอดในวังที่กว้างใหญ่ และที่ด้านหน้าของวังนั่นเอง มีตัวอักษรสามตัวใหญ่ๆเขียนอยู่ วังตะวันฉาย
“ไปกันเถอะ” หลังจากที่ขุนนางเมฆาใต้พาส่งเมิ่งชวนและคนอื่นๆไปถึงจุดหมายปลายทาง เขาก็บังคับนกของเขาเบาๆ นกสีแดงเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปสู่เขาหยวนชู
“พวกท่านตามข้ามาขอรับ” พนักงานคนหนึ่งจากอาคารรับรองที่มากับพวกเขากล่าว “ท่านขุนนางมีเรื่องที่ต้องทำขอรับ พวกท่านตามข้ามาก็พอ”
พนักงานคนนั้นยิ้มและพูดว่า “วังตะวันฉายนั้นเป็นพื้นที่สำรองของเขาหยวนชู ทุกๆปี การสอบเข้าเขาหยวนชูถูกจัดขึ้นทุกปีที่นี่ แน่นอนว่าอาคารรับรองเราได้ลงทะเบียนอัจฉริยะทั้งสอบสองของรัฐอู๋ไว้แล้ว ทุกๆท่านขอรับ โปรดตามข้ามาทางนี้ ข้าว่าในอีกครึ่งชั่วยาม เทพอสูรเขาหยวนชูจะมา การสอบเข้าจะเริ่มต้นเมื่อนั้นขอรับ”
“ขอบใจมาก คุณหวาง” จากนั้น พวกผู้ใหญ่ก็เริ่มคุยกัน
เมิ่งชวนและคนอื่นๆเข้าไปที่วังตะวันฉายพร้อมกัน
เมื่อมองผ่านประตูวังก็สามารถมองเห็นจัตุรัสได้ มีหนุ่มสาวจำนวนมากอยู่ในจัตุรัสนั้นแล้ว มีทั้งผู้ใหญ่และคนรับใช้อยู่ข้างๆด้วย
“ฮืม?” หลายๆคนมองมาเมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา
“นั่นคือคนจากรัฐอู๋ คนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มพร้อมกระบี่ข้างเอวนั่นชื่อเมิ่งชวน ว่ากันว่าเขาสังหารแม่ทัพอสูรสองตัวติดกันด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก” หญิงสาวในชุดสีม่วงกล่าวขึ้นมาหลังจากหันไปดู “เขาหยวนชูมีที่ว่างยี่สิบที่ เขาต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่ๆ นอกจากนี้ ยังมีคนชุดขาวที่อยู่ข้างๆเขาอีก คนๆนั้นแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับควบแน่นแก่นแท้มากเลยทีเดียว อีกอย่าง เขายังเป็นลูกชายลำดับที่เจ็ดของราชาทะเลตงไห่อีกด้วย”
“ลูกชายคนที่เจ็ดของราชาทะเลตงไห่? เจ้าแน่ใจรึ?” เด็กหนุ่มร่างสูงข้างๆเธอถามด้วยความประหลาดใจ
“ระดับข้อมูลจากท่านเจ้าหญิงแล้วจะไปพลาดได้อย่างไรกัน?” เด็กหนุ่มอีกคนในชุดคลุมสีทองหัวเราะ
“เดิมทีเรื่องนี้เป็นความลับ แต่หลังจากที่ตรากระบี่ของราชาทะเลตงไห่ช่วยเมืองตงหนิงเอาไว้ ทางราชสำนักก็พบว่าลูกชายคนที่เจ็ดอันแสนลึกลับของราชาทะเลตงไห่ได้ไปที่เมืองตงหนิงภายใต้นามแฝงว่าเหยียนจิน” เด็กสาวชุดสีม่วงกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากหรอก การสอบเข้าเขาหยวนชูไม่สนใจว่าจะเป็นใครมาจากไหน มีเพียงความแข็งแกร่งและความเป็นไปได้เท่านั้น คราวนี้มีอัจฉริยะมากมายที่ดูจะเป็นปัญหาอยู่ เมิ่งชวนจากรัฐอู๋ หนิงอี่โบจากรัฐเจี๋ยง… คนดังๆทั้งหมดก็นับได้เป็นสิบคนแล้ว แถมยังคงมีคนที่ยังเก็บซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่อีก บางทีอาจจะมีบางคนที่เป็นม้ามืดก็ได้ ถึงข้าจะไม่ค่อยมั่นใจว่าจะได้เป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า”
“เจ้าหญิง การยิงเกาฑัณฑ์ของเจ้าดีที่สุดในหมู่หนุ่มสาวในเมืองหลวงเลยนะ เจ้าต้องเข้าสู่เขาหยวนชูได้อย่างแน่นอน” เด็กหนุ่มในชุดสีทองกล่าวชม
…
กลุ่มของเมิ่งชวนรออยู่ด้วยกันเฉยๆ
จู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอกวัง
เด็กหนุ่มชุดแดงเดินเท้าเปล่าเข้ามา คนกลุ่มหนึ่งตามมาหลังเขา ทั้งห้าคนมีกระแสพลังอันน่ากลัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือเทพอสูร
“ไม่เห็นต้องตามข้ามาเลย ทำไมต้องตามข้ามาด้วยกัน?” เด็กหนุ่มชุดแดงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ฮ่าฮ่า ถงเอ๋อร์ วันนี้เจ้าเข้าร่วมการทดสอบของเขาหยวนชู พวกเราทุกคนต่างเป็นกังวล พวกเราเลยอยากจะมาดูกันยังไงเล่า”
“ในฐานะเจ้าปู่ของเจ้า ข้าอยากเห็นเจ้าเข้าสู่เขาหยวนชู” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหลังเขาหัวเราะเบาๆ
เด็กหนุ่มชุดแดงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ด้านหลังของเขามีพ่อแม่และผู้อาวุโสกับคนในตระกูลที่ดูมียศสูงตามมา
“นั่นคือหยานซื่อท่ง อัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองหยวนชู เขาเป็นลูกชายคนเดียวของขุนนางทะเลตะวันตก เขามีพรสวรรค์มาก เขาเข้าถึง”พลัง”ได้แม้จะอายุเพียงสิบสามในปีนี้ด้วยซ้ำ! เพราะเขายังเด็กมาก ถึงเขาจะถูกจัดอันดับไปเกินยี่สิบ แต่เขาหยวนชูก็คงยังรับเขาเข้าอยู่ดี”
“ข้าหวังว่าเขาจะถูกจัดอันดับเกินยี่สิบนะ! เขายังอายุแค่สิบสามปีเอง ทำไมถึงมาแข่งกับพวกเรากัน?”
“ตระกูลหยานมีราชาถึงหนึ่งคน แถมยังมีขุนนางอีกหนึ่ง กับเทพอสูรเกือบยี่สอบคน การที่มีอัจฉริยะอีกคนเกิดขึ้นมาแบบนี้ มันช่างเป็นเรื่องนี่น่ายินดีเสียจริง…”ลูกหลานของตระกูลเทพอสูรโบราณทุกคนถอนหายใจด้วยความทึ่งใจ แม้แต่ตระกูลใหญ่ของเมืองหยวนชูและเมืองหลวงยังต้องเคารพตระกูลหยาน!
เมิ่งชวนและเมิ่งต้าเจียงแอบเงี่ยหูฟัง
พวกเขาไม่ค่อยได้ฟังข่าวสารอะไรมากมายนัก เลยไม่ค่อยได้ยินชื่ออัจฉริยะมากมายเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเมิ่งก็เป็นเพียงตระกูลเทพอสูรธรรมดาในเมืองตงหนิง ผู้นำของตระกูล เมิ่งเซียนกู ยังไม่ได้เข้าสู่เขาหยวนชูด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีคนมารวมตัวกันในลานกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนจากเมืองหยวนชูหลายคน ส่วนมากมีผู้ใหญ่ตามมาสามถึงห้าคน
ปึง!
ในที่สุด ประตูของวังตะวันฉายก็ปิดลง กันไม่ให้คนที่มาสายเข้าร่วมได้หลังจากเลยเวลาที่นัดไว้
ใกล้จะได้เวลาเริ่มแล้ว หนุ่มสาวกว่าสามร้อยคนใจเต้นตึกตัก