ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 จิตรับรู้
ราชาตงเหอมีมาตรฐานสูง มีเพียงหลังจากที่เมิ่งชวน ซงชาและชี่หยวนถงผ่านรอบที่หกไปเท่านั้นเขาถึงจะพึงพอใจ
“ถ้าพวกเขาสามารถผ่านรอบหกมาได้ สามคนนี้จะได้ติดอันดับหนึ่งในสิบอย่างแน่นอน” ชายที่ดูกระเซอะกระเซิงกล่าวผ่านกระแสเสียง “เจ้าคิดว่าใครจะติดอันดับหนึ่งในสาม?”
“ชี่หยวนถงมีอะไรพิเศษ” หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้ากล่าว “ข้าเดิมพันว่าเขา”
“ข้าคิดก็ว่าน่าจะเป็นเขาเหมือนกัน ผลงานในสองส่วนแรกค่อนข้างดี อีกอย่างเขาดูเหมือนจะหลบลูกเห็บได้ง่ายๆอีกต่างหาก” ชายผมกระเซิงกล่าวชื่นชม “ข้าว่านี่คงยังไม่ใช่ที่สุดของเขา แต่ซงชากับเมิ่งชวนก็ยังไม่ถูกคัดออกเหมือนกัน ซงชาเป็นนักเกาฑัณฑ์ เขานั้นมีอนาคตที่ยาวไกล ส่วนเมิ่งชวนเองก็ไวมาก ข้าคิดว่าเขานั้นคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน หากชีวิตยืนยาวมันก็มีหวังสำหรับทุกเรื่องอยู่แล้ว”
พวกเขาอารมณ์ดีที่ได้เห็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เป้าหมายของเขาหยวนชูคือการคัดเลือกอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อมาดูแล
…
เหลืออยู่แค่สามคน ความตื่นเต้นทำให้เลือดของเมิ่งต้าเจียงเดือดพล่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมิ่งชวนจะเป็นในหนึ่งในสามของการทดสอบส่วนที่สามนี้แน่ เมิ่งต้าเจียงพึงพอใจมาก
‘เพราะไม่ว่ายังไง อัจฉริยะทั้งหมดของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ต่างรวมกันอยู่ที่นี่! เมื่อได้เห็นความสำเร็จของลูกอย่างนี้แล้ว คนเป็นพ่อจะขออะไรได้อีกล่ะ?’
ในหัวของเขา ความคิดที่ว่าลูกชายของเขานั้นจะได้เป็นที่หนึ่งในการสอบเข้าเขาหยวนชูแล้วได้เขาหยวนชูคอยชุบเลี้ยงนั้นก็ปรากฏขึ้นมา แต่ว่ามันก็เป็นแค่ความคิดลอยๆ ประการแรกเขาไม่อยากกดดันลูกชายมากเกินไป ประการที่สองสมุนไพรหายากที่อัจฉริยะคนอื่นๆได้กินนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของที่เมิ่งชวนได้รับเลย พวกเขาเองก็ยังได้รับคำแนะนำจากเทพอสูรที่ทรงพลัง สภาพแวดล้อมการฝึกของพวกเขาดีกว่าของเมิ่งชวนมาก
‘แต่นี้ก็ดีมากแล้ว’ เมิ่งต้าเจียงมองอย่างมีความสุข ดวงตาของรื้นน้ำตาขึ้นมา ‘ข้าคงจะสุขใจมากๆถ้าเขาได้เข้าสู่เขาหยวนชู’
…
ทุกคนจ้องไปที่เมิ่งชวน ซงชาและชี่หยวนถง
ราชาตงเหอยิ้ม ลูกเห็บจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศก่อนที่มันจะเริ่มตกลงมาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
เมิ่งชวน ซงชาและชี่หยวนถงต่างตั้งสมาธิอย่างเต็มที่ พวกเขาหลบลูกเห็บความเร็วสูงพวกนั้นในวงกลมเพียงหนึ่งจั้ง ลูกเห็บในตอนนี้มันเหมือนกับภาพติดตาในตอนที่มันร่วงลงมาจากระยะ15จั้ง ระยะทางมันใกล้เกินไป! ความเร็วเองก็มากเกินไป!
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
ฟิ้วๆๆๆๆ!
ซงชานั้นอาจจะดูธรรมดาและไม่น่าจดจำ แต่เขานั้นเป็นนักเกาฑัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในการสอบเข้าเขาหยวนชูครั้งนี้ เขาฝึกร่างเทพวายุ และสามารถสัมผัสได้ถึง “ลมหายใจวายุ” ทุกครั้งที่ลูกเห็บพุ่งเข้ามา เขาสามารถมองเห็นวิถีของพวกมันได้ และทำให้เขาสามารถหลบพวกมันจากข้อมูลที่ได้รับ! มันยากเกินไปที่จะมองเห็นลูกเห็บด้วยตาเปล่าเพราะระยะทางที่สั้นของพวกมัน ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งขอบเขตการรับรู้ของเขาเพื่อจะหลบมัน
เพราะเหตุนั้นเขาจึงมาถึงรอบที่เจ็ดได้ แต่อย่างไรก็ตาม ลูกเห็บที่ร่วงลงมานั้นไวมากยิ่งกว่าเดิม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลูกเห็บผ่านลมหายใจวายุ แต่ว่าลูกเห็บนั้นมันใกล้เกินไปที่เขาจะตอบสนองได้ทัน
เขาหลบลูกเห็บไปได้ห้าลูกอย่างฉิวเฉียด แต่ลูกเห็บลูกที่หกโดนเข้าที่ท้องของเขาก่อนที่จะได้หลบเสียอีก
‘ข้าทำไม่สำเร็จอยู่ดี’ ซงชาถอนหายใจ
เขาถูกพลังที่มองไม่เห็นยกขึ้นไป ในขณะนั้น เขาก็หันไปมองที่ทางเมิ่งชวนกับชี่หยวนถง พวกเขาทั้งสองนั้นยังคงหลบลูกเห็บอยู่
การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งคู่นั้นต่างกัน เมิ่งชวนขยับตัวอย่างว่องไวและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ชี่หยวนถงหลบไปมาพร้อมกับหลับตา
เพียงพริบตารอบที่เจ็ดก็จบลง ซงชาถูกคัดออก ส่วนเมิ่งชวนกับชี่หยวนถงยังคงอยู่
‘ปีศาจชัดๆ พวกเราทำได้ถึงแค่รอบที่ห้า แต่เมิ่งชวนกับชี่หยวนถงสามารถทำได้ถึงรอบที่เจ็ดเลยเรอะ’ เจ้าหญิงหลี่อิ๋งดูจะตกใจ ลูกเห็บนั้นตกมาไวเกินไปจนทำให้หัวใจเธอสั่นระรัว แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังสามารถหลบมันได้ ความเร็วในการตอบสนองขนาดนั้นมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
‘สุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?’ ฉู่หยงนิ่งเงียบ ในฐานะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเจ็ดปีก่อน ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะได้เป็นที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ แต่ไม่นึกฝันเลยว่าจะถูกนำไปในทุกๆด้าน เรียกได้ว่าเขานั้นอ่อนกว่าเมิ่งชวนและชี่หยวนถงถึงหนึ่งระดับ ขนาดซงชายังดูโดดเด่นกว่าเขาเลย ผลของซงชาในรอบที่สองและสามนั้นดีกว่าฉู่หยงมาก
แม้รอบแรกการโจมตีของฉู่หยงนั้นจะรุนแรง แต่ซงชานั้นเป็นนักเกาฑัณฑ์ ลูกดอกของเขาไวมาก มันอันตรายพอๆกับระดับชี่หยวนถงเลยด้วยซ้ำ
ฉู่หยงเข้าใจว่าเขาควรจะถูกจัดอันดับให้เป็นที่สองมากกว่า หยานเฟิงและเหยียนจินนั้นอยู่ในระดับเดียวกับเขา
มีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเสมอ หัวใจของฉู่หยงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
‘ข้ายังห่างไกลจากหมอนั่นมาก’ เหยียนจินใจเย็นมากกับภาพตรงหน้า เขานับว่าพ่อของเขานั้นคือจุดหมายและรู้สึกได้ถึงความต่างมากมายในนั้น และเพื่อนของเขา เมิ่งชวนเองก็เหนือกว่าเขาไปแล้วเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้แต่ไล่ตามเมิ่งชวน! เขาได้แต่ไล่ตามทั้งเมิ่งชวนและพ่อ ราชาทะเลตงไห่
แต่เขานั้นอดทน และก็จะยังคงไล่ตามต่อไป
…
“ทั้งสองคนมาได้ไกลขนาดนี้เลยรึ พวกเขาคงจะมีการรับรู้ของจิตที่สุดยอดแน่ๆ” เหล่าเทพอสูรที่ทรงพลังค่อนข้างประหลาดใจ
“ถึงจะยังไม่ได้เป็นเทพอสูร แต่ความสามารถในการรับรู้ของจิตนั้นแข็งแกร่งมาก! เหมือนว่าพวกนี้จะเกิดมาพร้อมกับการรับรู้ที่สุดยอดอยู่แล้ว”
“เป็นคนที่ควรค่าแก่การเลี้ยงดู”
เหล่าขุนนางเทพอสูรที่คอยดูแลหลายๆรัฐของราชวงโจวที่ยิ่งใหญ่ต่างมองเมิ่งชวนและชี่หยวนถงด้วยความพึงพอใจ
หามองจากภายนอก การทดสอบรอบที่สามนั้นคือการทดสอบความเร็วในการตอบสนอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขานั้นกำลังทดสอบจริงๆคือความสามารถในการรับรู้ของจิต! มันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการทดสอบในรอบคัดเลือกนี้ และมันก็เลยทำให้ต้องใช้ราชาตงเหอเป็นคนดูแลส่วนนี้โดยตรง
เมิ่งชวนและชี่หยวนถงชำเลืองมองกันและกัน นี่เป็นการแข่งขันกันระหว่างพวกเขาทั้งคู่
“ในรอบที่แปดนี้ พวกเจ้าแค่ต้องรอดให้ได้ ยิ่งอยู่ได้นานเท่าไหร่ยิ่งดี” ราชาตงเหอบอก จากนั้นลูกเห็บบนท้องฟ้าก็โปรยปรายลงมาอีกครั้ง
พิ้วๆๆๆ!
ลูกเห็บทุกๆลูกเร็วกว่าอันก่อนหน้า
ชี่หยวนถงที่ก่อนหน้านี้มั่นใจมากๆเริ่มจะลำบาก เขาหลับตาและการรับรู้โดยรอบก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงลูกเห็บทุกลูกที่พุ่งเข้ามา
เขาหลบโดยสัญชาติญาณล้วนๆ อย่างไรก็ตาม เพราะว่าความเร็วของลูกเห็บที่เร็วขึ้นเรื่อยๆนั้น ทำให้ในที่สุดเขาก็ถึงขีดจำกัด
ปั้ก! และแล้วลูกเห็บก็กระแทกเข้าที่ไหล่ของเขา เขาหลบมันไม่ทัน เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ร่างของเขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มร่างกายและเริ่มลอยขึ้นไปแล้ว เขาเห็นเมิ่งชวนยังคงหลบลูกเห็บที่ร่วงลงมาอย่างบ้าคลั่งไกลๆ
‘เขาทำได้ดีกว่าข้ารึ?’ ชี่หยวนถงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเขานั้นเหนือกว่าคนรอบตัวเขาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่าเขาก็ไม่ชอบที่จะอวดพลังของเขา เขาเคยบดขยี้คนที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะจากเมืองหยวนชูเมื่อนานมาแล้ว และเมื่อเขาเปิดเผยพลังแค่ส่วนหนึ่งของเขา เขาก็ถูกเมืองหยวนชูยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่เขาไม่คิดเช่นนั้นเมื่อเหยียนชือถงอายุสิบสามปีได้เข้าถึง “พลัง” แต่เขาเชื่อว่าเหยียนชื่อถงจะไม่สามารถตามเขาทันได้
สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครตามเขาได้ทัน เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเพราะว่าอยากจะทำให้ทุกคนต้องตกใจในการสอบเข้าเขาหยวนชูนี้!
มันก็คงจะไม่เป็นไรหากเขาพยายามไม่เป็นจุดเด่นเหมือนอย่างเคย แต่เขานั้นต้องแสดงพลังที่มีทั้งหมดในการสอบเข้าเขาหยวนชูนี้ เพราะมันเป็นเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาหยวนชูจะคอยดูแลเขาอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดเลยว่าจะมีใครเหนือกว่าเขาในรอบที่สองและสามนี้ไปได้
‘เมิ่งชวนจากรัฐอู๋?’ ว่ากันว่าเขาอยู่ในตระกูลเทพอสูรแถบชนบทของรัฐอู๋ ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ฝนลูกเห็บก็หยุดลง
เมิ่งชวนที่ใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินพร้อมกับกระบี่ที่เอวยังคงยืนอยู่ในวงกลมของเขาอย่างเงียบๆ
‘เขาผ่านอย่างนั้นรึ?’ ชี่หยวนถงที่ลงมาแล้ว มองดูจากไกลๆ
“เมิ่งชวนผ่านรอบแปดไปแล้ว มีเขาแค่คนเดียว!” ทุกคนจ้องมอง
“ชวนเอ๋อร์” เมิ่งต้าเจียงมองไปที่เมิ่งชวนที่ยืนอยู่คนเดียว ข้างหน้าของเขาไม่ไกลคือราชาตงเหอ
ภาพนี้ทำให้เมิ่งต้าเจียงรู้สึกภูมิใจมากๆ นั่นแหละลูกของเขา!
…
“เขาสามารถหลบมันได้หมดอย่างนั้นรึ? จิตรับรู้ของเขาสุดยอดจริงๆ”
“ความสามารถในการรับรู้ของจิตเขาสูงมากจริงๆ”
เหล่าเทพอสูรยังคงเฝ้ามองอย่างตั้งใจ พวกเขาเองก็สงสัยมากๆเช่นกัน เมิ่งชวนเป็นคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ เขาจะอยู่ได้นานอีกแค่ไหนกัน?
“ดีมาก” ราชาตงเหอยิ้มให้เมิ่งชวน “ทนเอาไว้ ยิ่งเจ้าทนได้นานเท่าไหร่ยิ่งดี ข้าจะเริ่มรอบที่เก้าแล้ว”
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า
เขาเข้าใจเหตุผลนี้ เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีในการสอบเข้าเขาหยวนชูเพื่อที่จะได้แสดงพลังของตนอย่างเต็มที่ ยกเว้นเสียแต่ช่องว่างแห่งจิตของเขา มันพิเศษเกินไป ขนาดเมิ่งเซียนกูที่เป็นเทพอสูรมาเกือบแปดสิบปีและมีสหายเทพอสูรที่รับใช้ราชาทะเลตงไห่หลายคนยังไม่เคยรู้จักสิ่งนั้นมาก่อนเลย สิ่งนี้ทำให้เธอทั้งดีใจและเป็นกังวล
มันเป็นได้ทั้งโอกาสที่แสนหวานหรือหายนะ ดังนั้นเขาจึงต้องตรวจสอบช่องว่างแห่งจิตอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เมิ่งชวนนั้นเชื่อฟังเมิ่งเซียนกูอยู่แล้ว ย่าทวดของเขาไม่ทำร้ายเขาแน่
อดทน อดทนไว้จนถึงที่สุด เขตแดน “พลังกระบี่” ของเมิ่งชวนทำให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลูกเห็บเช่นเดียวกับระยะสัมผัสสิบจั้งของเขา ขอบเขต “พลังกระบี่” ของเขานั้นทำให้เขาเห็นได้ลางๆ และระยะสัมผัสสิบจั้งของเขานั้นทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน
หลบ ก้ม! เมิ่งชวนหลบได้อย่างลื่นไหล เขาฝึกฝนเช่นนี้มานานจนคุ้นชินกับการหลบแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าของเทพอสูรที่กำลังดูอยู่ก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“อะไรนั่น?”
ฟุบๆๆ!
ชายผมกระเซิงและหญิงชุดสีฟ้ามาอยู่ข้างๆราชาตงเหอ
“รอบที่เก้ายังไม่ทำให้ถึงขีดจำกัดของเขาเลย” หญิงสาวในชุดสีฟ้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เลยซักนิด” ราชาตงเหอจ้องไปที่เมิ่งชวน ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“จิตรับรู้ของเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?” ชายผมกระเซิงดูท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
‘ฟู่ว ลูกเห็บหยุดแล้ว’ เมิ่งชวนยังคงยืนอยู่ในวงกลมของเขาหลังจากผ่านรอบที่เก้ามาได้
“ชี่หยวนถงทำได้ถึงแค่รอบที่เจ็ด แต่เมิ่งชวนผ่านรอบที่เก้ามาแล้ว!” ชายที่ดูกระเซอะกระเซิงไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง “ชี่หยวนถงเองก็สุดยอดมากแล้ว แต่ว่านี่เขาทำได้ดีกว่าชี่หยวนถงมากขนาดนั้นเลยรึ?”
“จิตรับรู้ของเขาเฉียบคมมากจนไม่น่าเชื่อ” หญิงชุดสีฟ้าพูดเบาๆ “การที่มีจิตรับรู้แข็งแกร่งขนาดนี้ ในอนาคต การควบแน่นแก่นสารแห่งจิตของเขาคงไม่ยากเลยสินะ?”
รอยยิ้มของราชาตงเหอเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น เขาจ้องมองไปที่เมิ่งชวนและพูดเสียงดังว่า “เมิ่งชวน เจ้าทนต่อไป ยิ่งเจ้าทนได้นานเท่าไหร่ยิ่งดี ข้าจะเริ่มรอบที่สิบแล้ว”
จากนั้น ลูกเห็บก็เริ่มร่วงหล่นลงมาด้วยความเร็วสูง ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
รอบที่สิบได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ขุนนางเมฆาใต้ ขุนนางทะเลชีไห่และขุนนางเทพอสูรคนอื่นๆต่างเฝ้าดูเมิ่งชวนอย่างตั้งใจราวกับพวกเขากำลังมองไปที่สมบัติที่งดงามไร้ที่ติ