ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 การฝึกในถ้ำหมื่นกระบี่
*(เปลี่ยนจากท่าจิตกระบี่เป็นท่าดวงใจกระบี่)
ก่อนวันปีใหม่ ศิษย์ของเขาหยวนชูทุกคนขึ้นไปที่ยอดเขาเต๋าเจี่ยวหลิง
“ชน!”
“ชนนน!”
ศิษย์บางกลุ่มกำลังดื่มอย่างมีความสุข ข้างๆเองก็มีนักดนตรีคอยบรรเลงด้วยเช่นกัน อาหารมากมายก็มีเหล่าคนรับใช้คอยมาเสริมให้ตลอดเวลา
หลิวชีเยว่และเมิ่งชวนนั่งอยู่ด้วยกันและมองดูพลุที่ลอยขึ้นมาจากไกลๆ เหล่าคนรับใช้ที่ยิงพลุขึ้นเองก็มีความสุขมากเช่นกัน
“แค่พริบตาเดียวก็ก่อนปีใหม่เสียแล้ว นี่เป็นปีใหม่แรกเลยที่ข้าได้ฉลองบนเขาหยวนชู” หลิวชีเยว่นั่งพิงเมิ่งชวนด้วยความรู้สึกที่ไม่เหงาอีกต่อไป
“เราจะได้อยู่ที่นี่เป็นอีกสิบปี” เมิ่งชวนกล่าวยิ้มๆ “นี่จะเป็นช่วงเวลาสงบสุขครั้งสุดท้ายของพวกเรา ก่อนที่พวกเราจะถูกส่งไปยังสนามรบหลังจากลงเขาแล้ว”
หลังจากเข้าสู่เขาหยวนชูแล้ว ศิษย์จำนวนมากก็ลงเขาหลังจากสิบถึงสิบห้าปี บางคนก็ไวกว่านั้น อย่างหกปีนับจากเข้าสู่เขาหยวนชู
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
ศิษย์ที่มีความสามารถบางคนใช้เวลากว่ายี่สิบปีก่อนจะได้ลงจากภูเขา
ยิ่งมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ เก้าถ้ำปริศนาก็ยากขึ้นเท่านั้น อย่างนายน้อยห้าเชวเฟิง เขาเองก็อยู่บนเขามาสิบกว่าปีแล้ว และเมื่อปีที่แล้วเขาก็บรรลุไปถึง “จิตกระบี่” ในตอนนี้เขาทรงพลังมากกว่าเจ้าวังหยกสุริยันเสียอีก แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านเก้าถ้ำปริศนาได้
‘การทดสอบเก้าถ้ำปริศนาของข้าในอนาคตก็คงจะยากมากเช่นกัน’ เขาสร้างแก่นสารแห่งจิตขึ้นมาได้ตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ ดังนั้นเงื่อนไขขั้นต่ำที่อาจารย์จะกำหนดสำหรับข้าคงจะเข้มงวดมาก หากเขาประสบความสำเร็จในการฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษและทักษะการเคลื่อนไหวจากโลหะทมิฬ การทดสอบคงจะยากมากเป็นแน่ แน่นอนว่าการที่เขาจะฝึกทั้งร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้พร้อมกับโลหะทมิฬนั้นมันไม่ง่ายเลย ในตอนนี้มีเพียงศิษย์สองคนที่ยังไม่ได้ลงจากภูเขาที่ทำได้ หนึ่งคือลูกชายคนที่ห้าของราชาทะเลตงไห่ เชวเฟิง ส่วนอีกคนคือเซี่ยวหยุนเยว่จากตระกูลเซี่ยวรัฐเจียง
“เราต้องเข้าสู่สนามรบหลังจากที่ลงจากภูเขาเลย เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกฝนกันบนนี้ให้ดี พวกเราต้องแข็งแกร่งพอเท่านั้นถึงจะสังหารราชาอสูรที่ทรงพลังได้” หลิวชีเยว่กล่าว
“เฮ้ยเจ้าคู่รักตรงนั้นน่ะ? พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่? ทำไมไม่มาดื่มกับพวกข้าหน่อยเล่า?”ตงฟางตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ใช่ๆๆๆ มานี่เลยๆ” หนิงอี้โบตะโกนออกมาในสภาพที่ดูเมาๆ
“คู่รัก?” หลิวชีเยว่หน้าแดงเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น
“ชีเยว่ ไปกันเถอะ” เมิ่งชวนยิ้มและดึงหลิวชีเยว่ไปด้วย หลิวชีเยว่ขึ้นเขามาโดยลำพัง ดังนั้นเธอจึงมารวมกลุ่มกับศิษย์ชุดใหม่นี้
ทุกๆเดือนจะมีการรวมตัวกันบนยอดเต๋าเจี่ยวหลิง ในวันที่ 10 20 และวันสุดท้ายของแต่ละเดือน
การรวมตัวกันนี้นั้นมีจุดประสงค์อย่างแรกเลยคือให้พวกเขาได้ผ่อนคลายและทำความรู้จักกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คือสหายร่วมรบในสนามรบ อย่างที่สอง ช่วยให้พวกเขาได้พูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาในการฝึกฝนที่เจอ ศิษย์ของเขาหยวนชูที่ยังอยู่บนเขาหลายคนได้ขึ้นเป็นเทพอสูรแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถให้คำแนะนำแก่ศิษย์น้องได้บางส่วน
อย่างที่สาม พวกเขาจะได้สามารถประลองวิชากันได้ คนที่เข้าสู่เขาหยวนชูนี้นั้นต่างก็เป็นอัจฉริยะ จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เท่าไรนัก
และการรวมตัวกันในวันนี้พิเศษมาก มันคือวันก่อนวันขึ้นปีใหม่
“มาๆๆ เราปล่อยผ่านให้พี่สาวชีเยว่ได้ แต่เจ้านะเมิ่งชวน เจ้าน่ะเป็นชายชาตรี มาดื่มสามจอกเป็นการลงโทษเสียดีๆ!” ตงฟางหัวเราะ
“ก็ได้ๆ ข้าจะดื่มสามจอกด้วย” เมิ่งชวนไม่รีรอและกระดกเหล้าขาวสามจอกเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เหยียนจินที่นั่งอยู่พร้อมถ้วยเหล้าขาวในมือก็เผยยิ้มเล็กๆตรงมุมปากออกมา
พวกเขาพูดคุยและดื่มสังสรรค์กัน
“ข้าว่าข้าคงจะมีพรสวรรค์ในการฝึกร่างเทพสองโลก ข้าเข้าใจพื้นฐานดีแล้วตอนนี้ บางทีข้าคงจะบรรลุร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้ในปีเดียวก็ได้” เหยียนชื่อถงที่อายุน้อยที่สุดกล่าว เขานั่งไขว่ห้างเท้าเปล่าในขณะที่แทะน่องไก่ไปด้วย
“น้องชาย อย่าพึ่งประมาทไป พื้นฐานของร่างเทพสองโลกน่ะเข้าใจง่าย แต่ส่วนที่ยากที่สุดคือเขตเป็นตายวิบัติทั้งสามรอบนั่น” หยานเฟิงกล่าวยิ้มๆ
“ไม่มีร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษร่างไหนธรรมดาหรอก” ฉู่หยงกล่าว
ทุกคนอารมณ์ดี
การฝึกวิชาของทุกคนไปได้สวยในตอนเริ่มต้น การฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าของเมิ่งชวนเองก็ไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน
“ดูพวกเจ้ามีความสุขกันเสียจริงนะ” ชายที่ดูสบายๆเดินมาหาพร้อมกับขวดเหล้าขาวในมือ เหมือนว่าเขาจะเมาอยู่ “ข้าคือเยว่ชิง ข้าเข้าสู่เขาหยวนชูก่อนหน้าพวกเจ้าสองปี ศิษย์ใหม่ตอนแรกๆก็ยิ้มแล้วหัวเราะกันอย่างนี้แหละ แต่ยิ่งฝึกไปหน้าก็ยิ่งเครียดกัน การฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษมันยากเกินไป จนถึงวันน้ีข้ายังฝึกร่างอสูรทรายดำไม่ได้เลย ช่างมันเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า วันนี้มันวันปีใหม่ ทำไมต้องพูดเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยกัน? เอ้า ขอฉลองให้เหล่าศิษย์น้องทุกโคนน”
“หมดจอกครับพี่ชาย”
เมิ่งชวนและคนอื่นๆยกจอกขึ้น ในตอนนี้เขายังไม่คุ้นชินกับศิษย์พี่ทั้งหมดซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นนานๆไปพวกเขาก็จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นที่ยอดเต๋าเจี่ยวหลงนี้
พวกเขาต่างเป็นภาพลักษณ์ของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ พวกเขายังเด็ก
…
หลังวันขึ้นปีใหม่ วันแรกของปีก็เริ่มขึ้น เขาฝึกฝนตามปกติเหมือนเคย
เหล่าอัจฉริยะต่างขยันขันแข็ง พวกเขารู้ว่าหนุ่มสาวอายุยี่สิบหลายคนต้องเข้ารับราชการทหารและต่อสู้ในสนามรบในขณะที่พวกเขาได้อยู่อย่างสงบสุข ทำไมน่ะหรือ? เพราะว่าพวกเขาคือความหวังของมนุษย์ชาติยังไงเล่า! บนเขานี้นั้น พวกเขามีทั้งทรัพยากรและเคล็ดวิชาที่จำเป็น ศิษย์พี่หลายคนเองก็ทิ้งบันทึกการฝึกวิชาลับเอาไว้ให้ก่อนจะออกไปต่อสู้ข้างนอก
พวกเขานั้นเลือกได้ตามที่ใจต้องการ และยังมีท่านปรมาจารย์คอยช่วยเหลือเป็นการส่วนตัวอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ถ้ำหมื่นกระบี่
ในวันที่ 6 มกราคม เมิ่งชวนไปยังถ้ำหมื่นกระบี่
เมื่อมองขึ้นไปก็จะเห็นถ้ำนับไม่ถ้วนบนนั้น ลมพัดแรงลอดผ่านถ้ำก่อให้เกิดเสียงดังเสียดแก้วหู ขนาดทำให้เห็น “ใบมีดลม” พัดผ่านถ้ำได้ด้วยตาเปล่าเลย
ถ้ำหมื่นกระบี่เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้แต้มใดๆในการฝึกฝนที่นี่
จากนี้ไปข้าจะฝึกวิชากระบี่ที่นี่ เมิ่งชวนกระโดดขึ้นไปสูงกว่าสิบจั้งและเข้าถ้ำไป
ฟิ้วๆๆๆๆๆ! ลมในถ้ำพัดรุนแรงพร้อมกับใบมีดลมที่ตัดผ่าน ถ้ำเหล่านี้นั้นอยู่ในสภาพที่แปลกประหลาด เป็นเพราะลมที่พัดแรงพวกนี้คอยเชือดเฉือนถ้ำมาหลายปี
ขณะที่เมิ่งชวนเดินผ่านถ้ำไป เขาก็หลบใบมีดลมอย่างสบายๆ ส่วนลมน่ะเหรอ? จอมยุทธระดับเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลยซักนิด
หลังจากที่เดินเข้าไปในถ้ำกว่าร้อยจั้ง ลมก็เริ่มพัดแรงมากยิ่งกว่าเดิม เช่นเดียวกันกับใบมีดลม
ตามบันทึกของเขาหยวนชู เทพอสูรเกาเค่อถูกขังเดี่ยวเอาไว้ลึกในถ้ำหมื่นกระบี่นี้ ลมปราณของเขาถูกผนึกเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เขาสร้างเขตแดน ใบมีดลมเหล่านี้เชือดเฉือนร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่องเกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ตัดมีดลมนั่นเป็นสองส่วนซะแทน
ในส่วนลึกของถ้ำหมื่นกระบี่นั้นมีใบมีดลมจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ มันสามารถเชือดเฉือนเทพอสูรที่พึ่งเกิดใหม่ได้เป็นชิ้นๆ ในช่วงสามปีที่เกาเค่อใช้เวลาอยู่ในถ้ำหมื่นกระบี่นี้ เขาได้สร้างกระบี่จิตพิสุทธิ์ขึ้นมาหลังจากที่ฟันใส่ใบมีดลมเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง และนั่นคือสิ่งที่ช่วยทำให้เขาครองได้ทั้งโลก เพราะสิ่งนี้เขาจึงขึ้นเป็นเทพอสูรระดับขุนนางได้ จากนั้นเขาก็เข้าไปในถ้ำหมื่นกระบี่ให้ลึกกว่าเดิมเพื่อฝึกวิชากระบี่ของเขา! และเมื่อเขาไปถึงจุดที่ลึกที่สุด เขาก็เชี่ยวชาญท่าร่างกระบี่จิตพิสุทธิ์และได้กลายเป็นเทพอสูรระดับราชา กระบี่จิตพิสุทธิ์นั้นถูกขัดเกลาเรื่อยมาหลายร้อยปี และกลายเป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์
เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย
รากฐานของกระบวนท่าทั้งสิบแปดของกระบี่จิตพิสุทธิ์คือท่าร่างท่าแรก ท่าดวงใจกระบี่
ท่าดวงใจกระบี่เป็นท่าร่างขั้นพื้นฐานที่สุดของกระบี่จิตพิสุทธิ์ แต่มันก็เป็นท่าสุดยอดของวิชากระบี่นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ฝึกกระบี่จิตพิิสุทธิ์หลายๆคนนั้น ท่าสามท่าต่อจากนี้นั้นแข็งแกร่งกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรก็มีเพียงคนไม่กี่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนท่าดวงใจกระบี่ให้เป็นท่าที่ทรงพลังที่สุดได้
‘ได้เวลาเริ่มแล้ว’ เมิ่งชวนชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว
ใบมีดลมเชือดเฉือนผ่านอากาศ ทิศทางของมันคาดเดาไม่ได้ ลำแสงกระบี่วูบตัดผ่านใบมีดสายลมเหล่านั้น! ใบมีดสายลมนั้นอ่อนแอ ดังนั้นเมิ่งชวนจึงสามารถตัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ลำแสงกระบี่เก้าอันฟันโดนใบมีดลมไปทีละเล่ม แต่ว่ามันก็ยังมีเหลืออีกสองเล่มที่พึ่งเข้าหาเมิ่งชวน
‘โอ๊ะ?’ เมิ่งชวนขมวดคิ้ว ‘ตามคัมภีร์แล้ว ข้าต้องกันใบมีดลมได้ทุกเล่ม แต่ว่าใบมีดลมเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกัน ข้าต้องฟันมันให้ไว กระบี่ของข้าต้องไวกว่านี้ ข้าต้องฟันออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ’
มันแตกต่างจากเมื่อตอนที่เขาฝึกกับลูกดอก ก่อนหน้านี้ เมิ่งชวนจะฟันออกไปหนึ่งครั้งก่อนจะเก็บดาบเพื่อการโจมตีครั้งต่อไป
แต่ในตอนนี้ ใบมีดลมจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่เขาอย่างไม่เป็นแบบแผน เขาต้องชักกระบี่ออกมาและฟันใส่ให้เร็วหลายครั้ง ในชั่วพริบตา เขาต้องโจมตีเจ็ดถึงสิบครั้งเลยด้วยซ้ำ
‘ข้าจะไหลเวียนลมปราณตามวิธีที่เขียนไว้ในคัมภีร์กระบี่จิตพิสุทธิ์’ เมิ่งชวนเองก็ปรับตัวเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไหลเวียนลมปราณตามวิธีที่เขารู้มาจากส่วนๆหนึ่งของท่าเบญจโลกาอัสนีเพื่อสร้างท่าชักกระบี่ของเขา
แต่ว่าวิชาที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมันยังหยาบนัก
วิธีไหลเวียนลมปราณของกระบี่จิตพิสุทธิ์นั้นเหมาะแก่ท่าชักกระบี่มากที่สุด จะเรียกว่าเป็นท่าชักกระบี่ที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่เกินเลย
เมื่อเมิ่งชวนเริ่มชิน ท่ากระบี่ของเขาก็พัฒนาขึ้น เขาใส่พละกำลังเก้าส่วนไปกับท่าชักกระบี่ ส่วนอีกสิบนั้นเขาส่งไปกับตัวกระบี่โดยตรง ความเร็วที่พุ่งออกมานั้นเรียกได้ว่ามหาศาล และในพริบตาเขาก็จะฟันต่อในทันที เขาทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง กระบี่ของเขาไม่หยุดนิ่ง
นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ตัดใบมีดลมได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้ว มันควรจะเป็นอย่างนั้น เมิ่งชวนปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ทุ่มเมไปมากกับท่าชักกระบี่ เขามีประสบการณ์มากอยู๋แล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้ท่าดวงใจกระบี่ได้อย่างรวดเร็ว เขารับมือใบมีดลมในถ้ำและมุ่งหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเขามุ่งหน้าเข้าไปมากเท่าไหร่ ใบมีดลมที่พุ่งเข้ามานั้นก็แข็งแกร่งและจำนวนมากขึ้นเท่านั้น ในตอนที่เทพอสูรเกาเค่อไปถึงจุดสิ้นสุดของถ้ำหมื่นกระบี่ เขาได้ใช้ท่าร่างดวงใจกระบี่นี้ในการขึ้นเป็นเทพอสูรระดับราชา แต่ในฐานะมนุษย์ เมิ่งชวนนั้นยังห่างไกลจากจุดๆนั้นมาก
…
เมิ่งชวนฝึกฝนอยู่ในถ้ำหมื่นกระบี่เป็นเวลาสามชั่วยามครึ่งทุกๆวัน เขาใช้เวลาสามชั่วยามในการฝึกท่าร่างดวงใจกระบี่ และอีกครึ่งชั่วยามในการฝึกทักษะการเคลื่อนไหว ท่าร่างซับซับ และท่าป้องกัน ท่าร่างบัวสีชาด ท่าร่างซึมซับและท่าร่างบัวสีชาดเป็นกระบวนท่าที่เก้าและที่ห้าของกระบี่จิตพิสุทธิ์ตามลำดับ
หลังออกมาจากถ้ำหมื่นกระบี่ เขาก็จะกลับไปที่ถ้ำของตนเพื่อพักผ่อน ในตอนบ่ายเขาจะใช้เวลาสองชั่วยามเพื่อขัดเกลาร่างกายกับกระแสพลังวินาศ และในตอนเย็นเขาก็จะวาดรูป เมื่อได้รู้มาว่าการวาดรูปนั้นส่งผลดีต่อแก่นสารแห่งจิตของเขา เขาจึงไม่หยุดพัก และอีกอย่างคือเขาชอบวาดรูปจากใจจริง
…
วันเวลาผ่านไป
การฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าของเมิ่งชวนผ่านไปโดยราบรื่น การขัดเกลาครั้งแรกเขาทำได้ในห้าวัน ครั้งที่สองเขาทำได้ในสิบสองวัน และครั้งที่สามทำได้ในสิบแปดวัน การฝึกฝนของเขานั้นราบรื่นมากและทำให้เมิ่งชวนมีความสุขมากๆ เท่าที่ดีแล้ว เขานั้นเหมาะแก่การฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าจริงๆ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ในเดือนถัดมา เขาก็พบเข้ากับปัญหา