ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 6 วิวาห์สลับตัวองค์หญิง (6)
จวนท่านแม่ทัพซูตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ท่านแม่ทัพซูได้ไปออกรบปกป้องชายแดนจนแทบไม่ได้กลับเมืองหลวงเลย ดังนั้นทุกอย่างในจวนจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของซูรุ่ย
ซูรุ่ยไม่รู้ว่าซูหว่านไม่ได้นอนทั้งคืน เขานึกว่านางยังมึนๆ อยู่และพูดจาเพ้อเจ้อบ้าง ทำให้ซูรุ่ยเป็นห่วงนางจนคิดจะตามหมอมาดูอาการ ทุกคนรู้ว่าในเมืองหลวงนี้ตระกูลซือเป็นแพทย์ที่มีความสามารถ ทว่าพอนึกถึงหมอหลวงซือ สัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์ ผู้ไม่หวังดีต่อพี่สาวของเขา ซูรุ่ยจึงล้มเลิกความคิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลซือ
หมอหลวงชราผมสีเทาจับชีพจรของซูหว่านและรายงานอาการของซูหว่านต่อซูรุ่ย ด้วยว่านางยังดูดีแม้สุขภาพจะอ่อนแอ จึงถือได้ว่าอาการป่วยของนางไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิต
หลังจากไปส่งหมอหลวง ซูรุ่ยก็นั่งลงข้างเตียงและจ้องมองซูหว่าน ซูรุ่ยจะตื่นก็ต่อเมื่อฟ้าสาง เขาจ้องลี่ว์จูเขม็งด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ดูแลนายของเจ้าให้ดี ถ้ามีอะไรผิดพลาด ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
สับ เจ้า เป็นชิ้นๆ…..
ลี่ว์จูคู้ร่างอันสั่นเทิ้ม แม้นางจะจากจวนแม่ทัพซูมาสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังรู้นิสัยของนายน้อยคนนี้ดี ตั้งแต่อดีต คนในเรือนของจวิ้นจู่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นสู่รุ่น ท้ายที่สุด คนที่ติดตามจวิ้นจู่จนนงแต่งงานออกเรือนไปอยู่จวนท่านอ๋องก็เหลือเพียงนางคนเดียว
แล้วคนอื่นเล่า คนอื่นไปไหนหมด……
ถูกแล้ว คุณผู้อ่านเดาไม่ผิดหรอก! เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจดูแลจวิ้นจู่ให้ดี ทุกคนจึงถูกนายน้อยสับเป็นชิ้นๆ ให้สุนัขกิน!
ช่างเป็นวิธีที่โหดร้ายเหลือเกิน ฉากนี้เลือดท่วมจอ!
ครั้นนึกถึงว่านางกลับมาที่จวนแม่ทัพซูและต้องอยู่ภายใต้ความโหดร้ายของนายน้อยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลี่ว์จูก็ไม่อยากอยู่แล้ว…
คืนแรกที่นางกลับมาที่จวนท่านแม่ทัพ ซูหว่านรู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับเลย
วันรุ่งขึ้น เมื่อนางตื่นขึ้นก็ได้กลิ่นหอมทั่วห้อง ซูหว่านลุกจากเตียงด้วยความสงสัย นางเห็นบรรดาสาวใช้ยกจานชามอาหารเช้าชั้นเลิศมาให้นาง
“จวิ้นจู่ ท่านแม่ทัพให้พวกเรามาบริการอาหารเช้าให้ท่านเจ้าค่ะ”
เหล่าสาวใช้ยืนเข้าแถว แถวดูอลังการกว่าที่จวนท่านอ๋องเย่ว์เสียอีก
ซูหว่านใช้นิ้วนวดระหว่างคิ้วเบาๆ อาการป่วยของปีศาจที่คลั่งรักพี่สาวแย่ลงอีกหรือ
ร่างเล็กกระเพาะก็เล็ก ถึงแม้นางจะกินเต็มที่ จะกินได้สักเท่าไรกัน ชีวิตสะดวกสบาย อยากได้เสื้อผ้าก็แค่โบกมือเรียก อยากกินอาหาร ก็แค่อ้าปาก ชีวิตดีกว่าตอนอยู่ในตำหนักเย็นมาก
ซูหว่านพอใจมาก หลังจากทานอาหารเช้า นางรู้ว่าซูรุ่ยจะยังไม่กลับมาในช่วงนี้ จึงให้ลี่ว์จูพาชมรอบๆ จวน จวนท่านแม่ทัพใหญ่มาก มีศาลา อาคาร ทางเดินคดเคี้ยวมากมาย
ในความทรงจำของร่างเดิม ช่วงนี้อากาศหนาวเย็นมากเปลี่ยวร้างผู้คน หลังจากซูหว่านถามคนรับใช้ในจวนจึงรู้ว่าจวนนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่มานานแล้ว ท่านแม่ทัพคนเก่าไม่กลับมาหลายปี และองค์หญิงก็ไปพำนักอยู่เรือนอื่นเพราะสุขภาพไม่ดี
คนรับใช้รู้จักกาลเทศะ ไม่ได้เล่าทุกเรื่อง แต่ซูหว่านก็รู้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูรุ่ยกับมารดานั้นไม่ได้ราบรื่น โดยเฉพาะเมื่อซูรุ่ยคัดค้านการแต่งงานของซูหว่านอย่างหัวชนฝา เป็นเหตุให้ครอบครัวแตกแยก
ปัจจุบันตระกูลซูมีสมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียวคือซูรุ่ย
เด็กน้อยผู้โดดเดี่ยว!
ตอนที่ซูหว่านนั่งพักอยู่ในศาลา นางเห็นซูรุ่ยสวมชุดแม่ทัพเต็มยศวิ่งตรงมาหานาง
“ท่านพี่ ทำไมไม่นอนพักผ่อนในห้อง”
อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ดูเศร้าหมอง ใบหน้าเขาจึงดูเย็นชาและเชือดเฉือน แม้ในยามปกติ ทั่วทั้งร่างของเขาก็ดูเหมือนจะมีชั้นหมอกควันปกคลุมไว้ซึ่งไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้
แต่ในขณะนี้ ซูรุ่ยดูอ่อนโยนมาก จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่หล่อเหลาเอาการทีเดียว หากเขาใจเย็นลงบ้าง เขาจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและอ่อนโยนมาก
เมื่อนางเห็นซูรุ่ย ดวงตานางก็เป็นประกายสดใสจนลืมไปว่าตัวเองป่วยอยู่ นางเดินโซเซไปหาซูรุ่ยและจับแขนเสื้อเขาไว้ “คนนั้นอยู่ไหน อยู่ที่นั่นหรือไม่”
คนนั้น……
มีความดุร้ายฉายเข้ามาแวบหนึ่งในดวงตาซูรุ่ย แต่ก็มีความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่โดยพลัน “ท่านพี่ ท่านเพิ่งกลับมาบ้าน ห่วงตัวเองก่อนเถิด เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน…..”
“ข้ารอไม่ได้อีกแล้ว!”
เสียงซูหว่านอ่อนแต่ชัดเจนมาก “ข้าไม่มีที่จะไป ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ข้ารอไม่ได้แล้ว!”
ขณะนี้ นางแสดงบทภรรยาผู้โศกเศร้าและเผยความคับแค้นและทุกข์ทรมานออกมาหลังจากถูกทอดทิ้ง
“ข้าไม่มีวันยอมให้มันเสวยสุข ไม่มีวัน!”
ซูหว่านยังคงพึมพำกับตัวเองด้วยแววตาโกรธแค้น
ซูรุ่ยอึ้ง เขาไม่เคยเห็นซูหว่านเป็นเช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกถึงเซวียนหยวนรุ่ยที่ทำให้พี่สาวของเขาต้องเป็นแบบนี้ ความเกลียดในตัวชายคนนั้นก็ปะทุขึ้นจนไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้
การที่พี่สาวของข้าทูลลาเมื่อคืนต่อหน้าสาธารณชนก็เพียงเพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีที่ยังมีหลงเหลือไว้ไม่ใช่หรือ
นางมีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ซึ่งทุกคนควรเคารพและให้เกียรตินาง เหตุใดนางจึงโดนชายคนนั้นเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอย่างโหดร้าย
“ข้าจะช่วยท่านฆ่ามัน”
ซูรุ่ยกำมือพี่สาว ดวงตาทอประกายความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง เขาจะต้องทำให้ได้อย่างที่พูด ก่อนที่เขาจะสูญเสียทุกอย่างไป
ซูหว่านตกตะลึง นางค่อยๆ ตั้งสติดึงตัวเองออกมาจากภวังค์แห่งความประหลาดใจ นางมองซูรุ่ยด้วยสายตาเหม่อลอย “ฆ่าเขาได้แล้วอย่างไรเล่า ปล่อยให้เขากับเยี่ยจือหวาตายพร้อมกันเป็นคู่เคียงเสน่หาหรือ ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตายง่ายอย่างนั้นหรอก”
ราวกับดิ่งลงสู่ฝันร้าย ความเกลียดที่ซับซ้อนยากจะเข้าใจแวบผ่านหน้าอันซีดเผือดของซูหว่าน “พวกเขารักกันจริงหรือ ข้าจะทำให้พวกเขาเลิกกันและเป็นศัตรูกัน เซวียนหยวนรุ่ยอยากเป็นฮ่องเต้หรือ ข้าจะทำให้เขาไม่เหลืออะไรเลยคอยดู!”
ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่าจะฆ่าคนได้อย่างไร
ซูหว่านเดินทางผ่านมาหลายโลกหลายมิติ ได้เรียนรู้เทคนิคการฆ่าคนมากมายแต่ไม่เคยฆ่าใครด้วยมือของตัวเองเพราะผิดกฎ และสาเหตุที่รองลงมาคือเธอรังเกียจการฆ่าคน
เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ก็เพราะเป็นเช่นนี้เธอจึงทำตัวเป็นคนโหดเ**้ยม อำมหิต และตีสองหน้าได้เช่นกัน
การฆ่าคนนั้นง่ายและเร็วเกินไป ซูหว่านไม่พึงใจให้เป็นเช่นนั้น
เธออยากจะค่อยๆ ทำลายความเชื่อมั่นของเขา จากนั้นจึงทำชีวิตของเขาให้ย่อยยับ
แน่ล่ะ ความปรารถนานี้บังเอิญไปข้องเกี่ยวกับการทำลายสัมพันธ์รัก
แล้วรักแท้คืออะไรกัน
ซูหว่านทำลายความรักมาหลายคู่แล้วด้วยน้ำมือของเธอเอง ความรักที่พวกเขาเรียกว่า “รักแท้” เธอเห็นมันแหลกสลายด้วยตาเธอเอง
รักแท้ เป็นแค่ของเล่น ไม่เคยมีจริงหรอก…..
ความโกรธเกลียดของซูหว่านดูเหมือนจะติดเชื้อมายังซูรุ่ยผู้อยู่ข้างกาย เขาเก็บกดความปรารถนาที่อยู่ในใจไว้ ความปรารถนาที่ตะโกนกู่ก้องว่าจะฆ่าเซวียนหยวนรุ่ย เขาใจเย็นลงและมองพี่สาวนิ่งๆ “ถ้าท่านพี่ต้องการเช่นนี้ ข้าจะจัดให้ ไปกันเถอะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านทานยาและจะพาท่านไปหาพวกมัน”
“อื้อ”
ซูหว่านพยักหน้า ค้อมศีรษะลงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อยและรอคอยที่จะได้พบหญิงที่ข้ามภพมากับองค์ชายห้าเป็นครั้งแรก….