ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 14 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก – ตอนที่ 14 เทพแห่งเกมออนไลน์รักฉัน
ก่อนที่เกม ‘หลิงเสิน’ จะอัปเดตเซิร์ฟช่องทางข้ามเซิร์ฟใหม่ ซูหว่านก็ไปถึงระดับ 60 จนได้ กลุ่มปาร์ตี้ที่เก็บระดับด้วยกันห้าคนก็ได้มีโอกาสพักผ่อนเสียที อู๋เฟิงมีธุระส่วนตัวบางอย่างก็เลยออฟไลน์ไปก่อน เสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงกับปิงหั่วสิงเจ่อทั้งสองไม่รอช้าที่จะเข้าไปในช่องสนทนากิลด์เพื่อพูดคุยเล่นกับคนในกิลด์ แน่นอนว่าหัวข้อที่คุยย่อมเป็นเรื่องสาวสวยในเกม
คนที่พูดน้อยเหมือนอู๋เฟิงอย่างเทียนหยาไห่เจี่ยวก็ทำภารกิจเงียบๆ อยู่คนเดียว ในชีวิตจริงๆ เขาและเสี่ยวเจี่ยวปิงเหลียงเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน เวลาออฟไลน์ของหมอนั่นเขารู้เป็นอย่างดี
ซูหว่านก็ยังคงทำภารกิจหลักและภารกิจย่อยบางอย่างอยู่นอกเมือง หลังจากทำภารกิจที่ดองไว้นานจนเสร็จเรียบร้อย เธอก็ออฟไลน์ไป
พรุ่งนี้เป็นวันที่เกมจะอัปเดตระบบใหม่ ช่างเหมาะเจาะ เธอจะได้พักวันนึงเต็มๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านออฟไลน์เร็วกว่าซูรุ่ย
เมืองหลีเจียงค่อยๆ หนาวขึ้นเรื่อยๆ ซูหว่านเดินไปตรงห้องรับแขก กลับเห็นนอกหน้าต่างนั้นมีหิมะตกประปราย
หิมะตกแล้ว!
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเดินไปตรงข้างๆ หน้าต่าง เธอมองหิมะที่บินว่อนอยู่บนท้องฟ้า จิตใจของเธอสงบนิ่งเป็นอย่างมาก….
ซูรุ่ยเดินออกมาจากห้องก็เห็นซูหว่านยืนเงียบๆ อยู่ข้างหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอยืนมานานเท่าไหร่แล้ว บรรยากาศรอบๆ ตัวเธออบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึกเหงา
“หิวแล้วหรือยัง ฉันเรียกพ่อครัวมาให้ก่อนเลยนะ”
ซูรุ่ยเดินไปด้านหลังของซูหว่าน พูดไปพลางก็เอามือยกขึ้นมากำลังจะวางไปบนไหล่ของเธอ แต่ว่าซูหว่านหันกลับมาก่อนพอดี “วันนี้เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ จะได้ไปหาอะไรกินกันด้วย”
สำหรับสิ่งที่ซูหว่านร้องอข ซูรุ่ยไม่เคยปฏิเสธ หลังจากที่พวกเขาทั้งสองใส่เสื้อผ้าเสร็จสรรพก็เดินลงไปพร้อมกัน หิมะลอยว่อนอยู่บนท้องฟ้า ทั้งสองเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปที่ถนน เดินกันอย่างเชื่องช้าอย่างกลมเกลียว เดินไปสักพัก หิมะก็ตกลงบนหัวของเขาทั้งสองเป็นชั้นๆ ถือโอกาสในขณะที่รอไฟจราจร ซูรุ่ยก็เอามือปัดหิมะบนหัวของซูหว่านออก ส่วนซูหว่านก็เขย่งเท้าขึ้นไปช่วยปัดหิมะบนไหล่ของซูรุ่ยเช่นกัน
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนลมหายใจพัวพันเข้าหากัน มองเห็นนิ้วของซูหว่านโดนอากาศหนาวกัดจนแดงก่ำ ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะเอามือของเขากำมือของซูหว่านแน่น
ซูหว่านไม่ได้พูดอะไร เดินตามซูรุ่ยข้ามถนนไป และเข้าไปที่ร้านอาหารสำหรับคู่รักร้านหนึ่ง
จนกระทั่งถึงตอนที่ซูรุ่ยสั่งอาหารเสร็จ ซูหว่านก็ยังคงมีใบหน้านิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม
“วันนี้คุณเงียบจัง”
ซูรุ่ยมองซูหว่านแล้วพูดออกมาเบาๆ ประโยคหนึ่ง “มีเรื่องอะไรในใจเหรอ”
“ไม่มี เวลาที่ฉันคิดจะแก้แค้นใคร ฉันก็จะเงียบๆ แบบนี้แหละ”
จู่ๆ ซูหว่านก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วขึ้น “นี่คุณคิดจะแก้แค้นตี้ซื่อเทียนกับหุยโหมวอีเซี่ยวงั้นเหรอ”
“ใช่สิ เพื่อโอกาสนี้ ฉันก็อดทนรออยู่นาน”
ซูหว่านเอามือเท้าแก้ม เธอเอียงหัวมองซูรุ่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม “พรุ่งนี้หลังจากที่เกมอัปเดตเสร็จแล้ว เซิร์ฟหัวเซี่ยทั้งแปดก็จะสามารถแชร์ข่าวสารเรื่องต่างๆ ให้คนอื่นๆ ได้เห็นด้วย และพระราชวังใต้ดินในตอนนี้ก็เป็นดันเจี้ยนที่ทุกๆ กิลด์อยากจะแย่งตำแหน่งผู้สังหารคนแรกกันด้วย นายจะเข้าร่วมไหม”
หลังจากที่อัปเดตระบบใหม่เพิ่มดันเจี้ยนระดับ 60 ในครั้งก่อน พระราชวังใต้ดินก็ถือว่าเป็นดันเจี้ยนที่ระดับสูงสุดและยากที่สุดของเกมหลิงเสินในตอนนี้
“หืม?”
ซูรุ่ยตาเป็นประกาย เขาขยับมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมเหรอ คุณอยากได้ตำแหน่งผู้สังหารคนแรกเหรอ”
“ใช่แล้ว”
ซูหว่านพยักหน้า “ฉันอยากได้ตำแหน่งผู้สังหารคนแรก แน่นอนว่าสิ่งที่ฉันต้องการก็คือสกิลพิเศษที่ได้มาจากรางวัลผู้สังหารคนแรกนั้น”
“งั้นก็ขอให้คุณได้ตามที่ต้องการนะ!”
ซูรุ่ยยักคิ้วไปมา น้ำเสียงค่อนข้างมีความสุข
ซูหว่านหลุบตาลงน้อยๆ แต่ไม่นานก็มองกลับขึ้นมา เธอยิ้มพร้อมพูดกับซูรุ่ยว่า “ครั้งนี้ฉันก็ยังต้องการให้นายช่วย แน่นอนว่านายก็สามารถเสนอเงื่อนไขมาได้”
“เงื่อนไขอะไรก็ได้งั้นเหรอ”
ซูรุ่ยค่อยๆ เอนตัวเข้าไปข้างหน้า เขาหรี่ตาลงและมองไปที่ซูหว่านอย่างมีลับลมคมใน ซูหว่านมองกลับไปทางซูรุ่ยอย่างไม่ได้รู้สึกกลัว “นายคิดอะไรอยู่ หืม?”
เอ่อ….
ซูรุ่ยเอนกายพิงเก้าอี้ เขามองซูหว่านด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก “ช่างเถอะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ไว้คราวหลังคิดได้จะมาบอกละกันนะ”
“ได้สิ”
ซูหว่านค่อยๆ หลุบตาลง แอบซ่อนสายตาขบขันของตนไว้ภายใน ชุดอาหารที่พวกเขาทั้งสองสั่งเป็นชุดคู่รัก หลังจากกินกันเสร็จ ฟ้าก็มืดลงเรียบร้อย หิมะยิ่งตกก็ยิ่งหนัก บนถนนเต็มไปด้วยหิมะสีขาวผืนหนึ่ง
เดินออกจากร้านอาหารมา ก็เจอลมที่หนาวเยือกและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะ ซูรุ่ยใจลอยอยู่สักพัก ราวกลับมีความทรงจำที่เลือนรางอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาในสมองเขา จู่ๆ เขาก็จับมือซูหว่านขึ้นมา มองไปที่เธอด้วยสายตาคลุมเคลือ “เธอขี่หลังฉันกลับบ้านดีไหม”
พูดเสร็จ เขาก็ค่อยๆ ย่อตัวลง
ซูหว่านไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่พูดอะไรสักคำและกระโดดขึ้นไปบนหลังของซูรุ่ย ทั้งสองเผชิญลมและหิมะ ซูรุ่ยเดินก้าวไปอย่างเงียบๆ บนพื้นหิมะเต็มไปด้วยรอยเท้าของเขาที่ทิ้งไว้ตลอดสาย
ซูหว่านเอาหน้าแนบกับหลังของซูรุ่ย มือทั้งสองเกาะคอของเขา เวลานั้นช่างเงียบสงัด ซูหว่านราวกลับได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของซูรุ่ย
ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเสียงหัวใจเต้นที่แรงมาก
“ซูรุ่ย”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ ซูหว่านก็พูดขึ้นมาเบาๆ เสียงของเธอในตอนนี้ค่อนข้างอู้อี้ เป็นเพราะว่าเธอเอาหน้าแนบอยู่ที่หลังของเขา
“นายคิดถึงพี่สาวขึ้นมางั้นเหรอ”
พี่สาว….
เป็นคำที่ดูห่างไกลแต่ก็คุ้นเคย ซูรุ่ยหยุดก้าวเท้าลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไป
“ฉันรู้ พี่น่ะตายไปตั้งนานแล้ว” ในลมหนาวนั้น เสียงของซูรุ่ยค่อนข้างหดหู่
หลังจากเข้ามาในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ อันที่จริงเขานั้นเคยทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในที่ที่เขาอยู่มาแล้ว
“ฉันไม่ชอบเซวียนหยวนรุ่ย เขาให้ความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่น ฉันก็แค่อยากจะปกป้องพี่สาว อย่างที่พี่เคยปกป้องฉันในตอนเด็ก แต่ว่า ดูเหมือนพี่ไม่ได้ต้องการให้ฉันปกป้องเลย”
พูดถึงพี่สาวของเขา สีหน้าซูรุ่ยค่อนข้างเศร้าหมอง ตั้งแต่เด็กประสาทการรับรู้ทางความรู้สึกของเขาก็เฉียบแหลมกว่าคนอื่นๆ ในตอนนั้นทั้งพ่อที่ทารุณเข้มงวดและแม่ที่ไม่สนใจไยดี สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจก็คือความรักและความเป็นห่วงของพี่สาว
ซูรุ่ยในตอนเด็กเคยสาบานไว้ว่าชีวิตนี้จะปกป้องพี่สาวของเขาให้ได้ ทว่าเซวียนหยวนรุ่ยกลับปรากฏตัวขึ้นมา
พี่สาวตกหลุมรักเซวียนหยวนรุ่ย
เขาดูเหมือนเป็นองค์ชายที่อ่อนโยนและสง่างาม ซูรุ่ยไม่ชอบเขา แม้กระทั่งถึงกับคิดไว้แล้วว่า ถ้าพี่สาวอยู่กับเซวียนหยวนรุ่ยไม่มีทางที่จะมีความสุขได้
ซูรุ่ยพยายามสุดกำลังที่จะห้ามไม่ให้พี่สาวอยู่กับเขา ผลสุดท้าย…พี่เริ่มเกลียดและตีตัวออกห่าง พ่อก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น แม้แต่แม่ที่ไม่เคยจะสนใจอะไร ก็ยังทอดถอนใจใส่ตน
หัวใจของซูรุ่ยค่อยๆ ด้านชาอย่างช้าๆ เขาคิดว่าชั่วชีวิตนี้ถึงแม้จะต้องใช้ชีวิตเหงาๆ อยู่แค่คนเดียวก็สามารถอยู่ได้ ไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นในอีกหลายปีให้หลัง ซูรุ่ยจึงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ อำมหิตขึ้นเรื่อยๆ ยึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่ง…
ซูหว่านปรากฏตัว
บางทีชีวิตของทุกคนก็จะมีใครสักคนปรากฏตัวขึ้นมาแบบนี้สักคนหนึ่ง เขา…เธอ…จะเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ได้ตั้งใจ และก็จากไปอย่างไร้เสียงและร่องรอย เป็นเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน ทว่าก็เป็นเวลาสั้นๆ ที่ทำให้ใจเต้นและหวั่นไหว แต่กลับทำให้คุณไม่สามารถลืมเลือนได้เลยชั่วชีวิต
ในชีวิตของซูรุ่ย ซูหว่านก็คือคนคนนั้น….
และซูรุ่ยก็รู้อย่างเลือนรางว่า ในชีวิตของซูหว่านก็เคยมีคนคนนั้นปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตเธอ และคนคนนั้น ไม่ใช่เขา…