ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 13 ระบบพลิกบทนางรอง (13)
ถึงแม้ซูหว่านจะปฏิเสธคำขอของหนิงซือซือไปแล้ว แต่เรื่องที่เธอเป็นสายลวงตาก็แพร่กระจายไปทั่วฐานชังหยาอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนก็มารออยู่นอกห้องของซูหว่านทุกวัน มาขอให้เธอแสดงภาพลวงตานี้ออกมาให้ตัวเองเห็น คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา คนที่สูญเสียคนที่รักไป อยู่ในโลกใบนี้อย่างสิ้นหวัง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าผู้คนและเรื่องราวที่เห็นในโลกแห่งจินตนาการล้วนเป็นภาพลวงตาทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยังคงโหยหามัน
ภาพลวงตาผ่านเข้ามาในหัวใจของคน สามารถมองเห็นความมืดมิดในหัวใจ และในขณะเดียวกันก็สามารถโจมตีจุดอ่อนในหัวใจได้
ซูหว่านไม่ได้ปฏิเสธคนทั้งหมด เธอเลือกคนที่เธอรู้สึกว่าสามารถช่วยได้ แสดงภาพลวงตาเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาได้ดู ทำให้พวกเขาได้เจอกับคนรักที่ห่างหายไปในความฝัน…
ด้วยเหตุนี้ การมีตัวตนอยู่ของซูหว่านและซูรุ่ยในฐานชังหยาจึงกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นี้จะไม่เรียกพวกเขาว่า ‘ซอมบี้สามีภรรยา’ แต่จะเรียกว่า ‘คุณหนูเยี่ยน’ และ ‘คุณชายซู’
หลังจากผ่านการซ่อมแซมเป็นเวลาสามเดือน ในที่สุดผนังเมืองของฐานชังหยาก็ได้สร้างขึ้นใหม่แล้ว เป็นเพราะการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ทำให้ฐานชังหยากลายเป็นที่รู้จัก จนในวันนี้ผู้โชคดีที่ยังอยู่ต่างก็เริ่มมุ่งหน้ามายังฐานชังหยา
ในเวลานี้เอง นอกฐานชังหยาได้มีแขกพิเศษสองคนมาเยี่ยมเยียน พวกเขาเรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากพวกเขาสนใจในพลังพิเศษสายวิญญาณของเยี่ยนอวี่ ดังนั้นพวกเขาจึงอาสาเข้าร่วมฐานชังหยา และต้องการอยู่ในห้องทดลองในฐานชังหยา เพื่อมอบคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้แก่มนุษยชาติ
เอาเถอะ นักวิทยาศาสตร์สองคนนี้จริงๆ แล้วคือ ฉืออี้และมั่วอิ่น
นักวิชาการท่าทางจริงจังขึงขังทั้งสอง ได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นจากหลูฉินให้เข้าสู่ฐานชังหยา
ถ้าใต้เท้าผู้นำรู้ว่านักวิทยาศาสตร์ที่ตัวเองต้อนรับอย่างดิบดี กลับเป็นผู้ร้ายที่พาซอมบี้จำนวนมากไปยังฐานชังหยา ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง
ด้วยเหตุนี้ ที่ฐานชังหยาจึงมีห้องทดลองที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเพิ่มขึ้นมา และห้องทดลองนี้มีชื่อว่า ‘ห้องทดลองเฟิงเยี่ย’ ในตอนแรกผู้คนในฐานไม่รู้ว่าห้องทดลองเฟิงเยี่ยกำลังวิจัยอะไรกันอยู่ เห็นแค่ผู้มีพลังพิเศษกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งส่งตัวซอมบี้เข้าไปยังห้องทดลอง นอกจากนี้ทุกคนยังเห็นว่าคุณหนูเหยียนและคุณชายซูแวะเวียนเข้ามาที่ห้องทดลองอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งหลังจากที่เข้าไปในห้องทดลอง พวกเขาจะอยู่ที่นั่นอย่างน้อยสามวัน ทุกครั้งที่ออกมาทั้งสองคนสภาพมักจะดูไม่ค่อยดี ไม่มีชีวิตชีวา
ดังนั้นทุกคนจึงเดาว่า ทั้งสองคนน่าจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองโดยการทดลองกับร่างกายของตัวเอง
เมื่อลองคิดดูแล้วรู้สึกว่ามันสุดยอดไปเลย ยอมเสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวม!
ดูเหมือนทุกคนจะลืมความจริงไปว่าทั้งสองไม่ใช่คนสองคน แต่ความจริงแล้วเป็น ‘ซอมบี้’ …
ดังนั้น ฐานชังหยาจึงเฟื่องฟู ผู้คนในฐานสามารถใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และสงบสุข จนกระทั่งวันหนึ่งในสามปีหลังจากนั้น ผู้มีพลังพิเศษจากข้างนอกกลุ่มหนึ่งพาคนกลุ่มใหญ่เข้ามาที่ฐานชังหยา และทำลายความเงียบสงบของฐานลง
ผู้ที่มาจากด้านนอกเป็นผู้รอดชีวิตที่หลบหนีการโจมตีของซอมบี้จากฐานเล็กๆ มา หนึ่งในกลุ่มนั้นคือผู้มีพลังพิเศษ และส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังพิเศษใดๆ ในบรรดาคนธรรมดาเหล่านี้มีเพียงไม่กี่คนที่มีบาดแผลที่เห็นชัดเจนบนร่างกาย และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสซอมบี้เข้าแล้ว
พวกเขาวิ่งทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดหย่อน ตั้งใจวิ่งมาที่ฐานชังหยา!
“ฉันชื่อเย่ว์ไข่!”
หัวหน้าของผู้มาจากด้านนอกชื่อเย่ว์ไข่ เป็นผู้มีพลังพิเศษสายอัสนีระดับสี่ ในยุคโลกาวินาศอย่างทุกวันนี้ ผู้มีพลังพิเศษระดับสี่สามารถพบเจอได้ทั่วไป และผู้มีพลังพิเศษสายอัสนี เนื่องจากมีความสามารถในการโจมตีสูง มักจะได้รับความนิยมในหมู่ฐานใหญ่
“ฉันรู้ว่าพวกคุณชังหยามีห้องทดลองเป็นของตัวเอง รวมถึงมีคนที่สามารถควบคุมซอมบี้ได้! ฉันมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกคุณโดยเฉพาะ! ผู้ติดเชื้อเหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดของทีมเรา พวกเราไม่อยากเห็นเขาเปลี่ยนเป็นซอมบี้ต่อหน้าต่อตา พวกคุณโปรดช่วยเราด้วยเถอะ ขอแค่พวกคุณช่วยเหลือเรา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ฉันเย่ว์ไข่และพี่น้องของฉันทั้งหมดก็เต็มใจที่จะเกิดและตายที่ฐานชังหยา!”
คำขอร้องของเย่ว์ไข่ทำให้คนเฝ้าประตูรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าหลูฉินหัวหน้าของพวกเขากำลังพาคนออกไปทำภารกิจยังไม่กลับมา อีกทั้งเยี่ยนอวี่ที่มีตำแหน่งใกล้เคียงกับหลูฉินตอนนี้เขาก็กำลังอยู่ในห้องทดลอง และกำลังทำการทดลองกับนักวิทยาศาสตร์สองคนนั้นอยู่!
คนมายืนออกันตรงหน้าประตูใหญ่ของฐานเป็นจำนวนมาก เมื่อหลี่เทาพาทีมเล็กกลับมาจากการทำภารกิจ ทั้งทางเข้าของฐานก็ได้ถูกปิดกั้นหมดแล้ว
เย่ว์ไข่และคนอื่นๆ ไม่ยอมหนีไปไหน คนอื่นๆ ที่มาจากที่อื่นเพื่อมายังฐานชังหยาต่างก็กลัวพลังของเย่ว์ไข่และผู้ติดเชื้อที่อาการไม่คงที่รอบตัวเขา ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันนอกประตูของฐาน
หลังจากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลี่เทาก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เรียกใครบางคนเข้ามาในเมือง เชิญซูหว่านและซูรุ่ยออกมา คนอื่นๆ ไม่รู้จักฐานะของซูรุ่ย ส่วนหลี่เทาเองพอจะรู้อยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อซูรุ่ยและซูหว่านปรากฏตัวที่ประตูเมือง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหล พวกเขาได้รับความสนใจอีกครั้ง ทุกคนได้ยินมาว่าที่ฐานชังหยามีซอมบี้ที่พูดได้ แต่พวกเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!
ทันทีที่เย่ว์ไข่ได้เห็นร่างของพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา…
สุดท้าย การเลือกเดินทางมายังฐานชังหยาอย่างเหนื่อยล้าและไม่ได้หยุดหย่อนก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้องแน่นอน!
ในเวลานี้ นอกจากฐานชังหยา ไม่มีฐานใดสามารถควบคุมซอมบี้ และอยู่ร่วมกับพวกมันได้อย่างสันติ
“เกิดอะไรขึ้น”
โดนสายตาคนจำนวนมากมองมาเหมือนกับสัตว์หายาก ทำให้ซูรุ่ยรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เขาค่อยๆ แผ่ความกดดันออกมา และถามอย่างเย็นชาหนึ่งประโยค
น้ำเสียงที่เย็นชาทำให้คนเริ่มใจสั่นและเกรงกลัว รอบด้านเงียบสงบลงทันที
แม้แต่ผู้มีพลังพิเศษระดับสามสีหน้ายังซีดเผือด เกรงกลัวสายตาของซูรุ่ย…
เขาแข็งแกร่งมาก!
โดยรอบคนดูมีเพียงแค่หลี่เทาเท่านั้นที่คุ้นเคยกับการบีบบังคับของซูรุ่ย และยังสามารถรักษาความสงบได้ในตอนนี้ “คุณชายซู เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้…”
หลี่เทาเล่าเรื่องราวของเย่ว์ไข่ให้ซูรุ่ยฟัง หลังจากเขาฟังแล้วก็เงียบไปชั่วขณะ ทุกคนกำลังรอคำตอบของเขาจู่ๆ ซูรุ่ยก็หันหน้ามองไปที่ซูหว่านด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ภรรยา คุณคิดว่ายังไง”
ทุกคนที่อยู่นอกเมืองต่างสงสัย ภาพตรงหน้าเหมือนมีอะไรแปลกๆ นะ!
ทุกคนในเมืองเลิกสงสัยกันไปนานแล้ว ไม่ผิด! มันคือความรู้สึกแบบนี้เลย! คุณชายซูของพวกเราเป็นทาสภรรยา พวกเราจะพูดได้ไหมนะ หืม
ในขณะนี้ สายตาของทุกคนหันไปที่ซูหว่านอีกครั้ง ซูหว่านก้าวไปข้างหน้าช้าๆ และจ้องไปที่ดวงตาของเย่ว์ไข่ เย่ว์ไข่เพียงแค่รู้สึกว่าฉากตรงหน้าเขาเริ่มหมุนไปหมุนมา…
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ว์ไข่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ซูหว่านพยักหน้าอย่างช้าๆ “ช่วยพวกเขาได้ ผู้มีพลังพิเศษทุกคนรอการจัดระเบียบก่อน ส่วนพวกที่ติดเชื้อส่งมาให้ฉัน ฉันจะส่งพวกเขาไปยังห้องทดลอง!”
เสียงของซูหว่านดึงสติของเย่ว์ไข่กลับมา ในเวลานี้ใบหน้าของเขาซีด เหงื่อออกเต็มศีรษะ
เมื่อกี้เขา…
“เข้ามากับพวกเราเถอะ!”
ยังไม่ทันให้เย่ว์ไข่ได้มีโอกาสตอบโต้ ซูรุ่ยและซูหว่านก็หันกลับไปที่เมืองแล้ว ตามการพัฒนาของฐานชังหยา ทำให้เริ่มมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งคนพวกนี้ยังมีไม่น้อยที่คาดเดาไม่ได้ ยากที่จะหยั่งถึง
ดังนั้นทุกครั้งที่มีการคัดเลือกผู้มีพลังพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีพลังพิเศษระดับสูง ซูหว่านก็จะใช้ภาพลวงตาอย่างเงียบๆ ทั้งหมด เมื่อฝ่ายตรงข้ามผ่านการประเมินจากภาพลวงตาของเธอ ก็สามารถประสบความสำเร็จ กลายเป็นคนของฐานชังหยาไปโดยปริยาย
สำหรับผู้ที่ไม่ผ่าน ต้องขอโทษด้วย ซูหว่านก็ทำได้เพียงดูดซับแกนผลึกของผู้มีพลังพิเศษเหล่านั้น ของสิ่งนั้นสำหรับซอมบี้แล้วเป็นยาชูกำลังชั้นดี ส่วนชีวิตของคนพวกนั้นอะไรนั่น ซูหว่านแสดงออกมาว่าตัวเองเป็นแค่ซอมบี้ตัวหนึ่งเท่านั้น พวกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณธรรมของมนุษย์นั้น เธอไม่ได้คำนึงหรอก ใช่แล้ว ซอมบี้ก็เอาแต่ใจแบบนี้แหละ
เมื่อเย่ว์ไข่และคนอื่นๆ จากไป ด้านนอกฐานก็เริ่มคึกคักอีกครั้ง สามวันต่อมา เย่ว์ไข่และคนอื่นๆ ได้เข้าร่วมทีมใหม่กับผู้มีพลังพิเศษ ญาติของพวกที่ติดเชื้อก็ออกจากห้องทดลองเป็นครั้งแรกอีกด้วย
พวกที่ติดเชื้อดูจากภายนอกแล้ว นอกจากจากผิวหนังที่เปลี่ยนเป็นสีดำเขียวช้ำ เล็บและฟันของพวกเขาคมกว่าคนทั่วไป ดูๆ ไปแล้วไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปมากนัก พวกเขายังคงรักษาสติปัญญาและความคิดเดิมเอาไว้อยู่!
‘ห้องทดลองเฟิงเยี่ย’ ของฐานชังหยาประสบความสำเร็จในการพัฒนายาเพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสซอมบี้แล้ว!
ยาสามารถยับยั้งสารพิษในร่างกายของผู้ติดเชื้อได้ ทำให้พวกเขาสามารถรักษาจิตสำนึกของมนุษย์ไว้ได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถต้านทานเชื้อไวรัสซอมบี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่การพัฒนายาตัวนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญของยุคโลกาวินาศ!
เวลายังไม่ถึงสามวัน ข่าวนี้ก็เหมือนมีปีกงอกขึ้นมาบินส่งข่าวไปทั่วประเทศ
ยาตัวใหม่ล่าสุด
ก็เหมือนเป็นขนมอบที่อร่อยและน่าลิ้มลองที่สุด ไม่เพียงแค่ทำให้คนที่อยู่ละแวกฐานทัพเคลื่อนไหว แม้แต่ฐานที่อยู่ไกลเป็นหมื่นลี้ ก็ยังมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในเวลาอันสั้น…