ภูติจิ๋วตะลุยแดนมายา - ตอนที่ 2 แสงจันทร์เริงระบำ
ณ เวลาหก โมงเย็นของวันหนึ่ง..
ได้มีจดหมายส่งมาถึง ซาค และ รอนด้า
รอนด้าอ่านจดหมายที่ได้รับ
‘วันนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงขึ้นช่วงสองทุ่ม ในงานมีทั้งของหวาน เหล้าชั้นดีและอาหารที่เจ้าชอบด้วย แล้วข้าก็ได้เชิญพวกผู้ใหญ่ที่รู้จักมาร่วมงานเลี้ยงอีกด้วย เพราะอย่างงั้นข้าเลยได้สั่งซื้อเหล้าจากร้านดังๆมาด้วยล่ะ งานเลี้ยงไม่มีสุราใครเขาจะมากันใช่ไหมล่ะ (วั้นนี้พ่อแม่ข้าไม่อยู่บ้าน) มาให้ได้นะ จากวิสรี่’
“ท่านพี่คะ งานเลี้ยงตอนดึกแถมยังมีเหล้าอีกพี่วิสรี่ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่คะ? ท่านพี่”
“ขอให้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็แล้วกัน ครั้งก่อนก็แอบเข้าเขตต้องห้ามของหอหนังสือ”
“อือ….ตรงคำว่า’วันนี้พ่อแม่ข้าไม่อยู่บ้าน’ทำไมคำนี้ข้าเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้”
“วิสรี่น่าจะก่อเรื่องอีกตามเคย พี่ก็ไม่อยากจะคิดแล้วล่ะว่าวิสรี่จะก่อเรื่องอะไรอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว”
คำว่า’วั้นนี้พ่อแม่ข้าไม่อยู่บ้าน’ไม่ว่ายังไงรอนด้าก็ตีความได้สองความหมายคือพอถึงเวลาก็ช่วยสนับสนุนวิสรี่ไม่ก็วันนี้วิสรี่จะสารภาพรักกับกับท่านพี่ของเธอ
เขตบ้านรองตระกูลแห่งแสง
บ้านรองมีความหมายเดียวกับชื่อของมันคือ เชื้อสายรองลงมาจากสายเลือดหลัก แต่ก็ยังคงมีพลังเวทแห่งแสงไม่ต่างจากสายตระกูลหลัก
ภูติพ่อบ้านตระกูลแห่งแสงแต่งตัวคล้ายกันยืนต้อนรับหน้าทางเข้าบ้านรอง
เหล่าแขกผู้มาเยือนต่างบินเข้ามายังโถงจัดงานเลี้ยง
ภูติทุกตนต่างเป็นที่รู้จักของวิสรี่ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอต่างพากันมาร่วมงาน วิสรี่ สมัยยังเรียนอยู่นั้นเป็นที่รู้จักของทุกคนด้วยอุปนิสัยของเธอและวีรกรรมที่เจ้าตัวได้ก่อเอาไว้..ทางด้านพวกผู้ใหญ่ที่เดินทางมาล้วนเป็นคนที่ทำงานกับพ่อแม่เธอ และยังมีภูติจากตระกูลต่างๆมาร่วมงานด้วย
ที่นั่งต่างเป็นชั้นลอยรูปทรงกระเช้าโปร่ง ประดับไปด้วยแสงหลากสี หนึ่งกระเช้าจะมีโต๊ะอาหารเรียงยาวอย่างสวยงามถึงสามโต๊ะด้วยกัน
งานในวันนี้มีแขกมาเยือนประมาณเจ็ดสิบแปดตนหรือสามกระเช้าเต็มๆ !
แต่ละกระเช้ามีทางเดินถึงกันแต่เหล่าภูติส่วนใหญ่หาสนใจไม่ แต่ละตนได้โบยบินไปมาหาสู่กันอย่างอิสระเช่นเคย
ซาคและรอนด้าได้เดินทางมาถึง
“เชิญที่กระเช้าตรงกลางขอรับ ท่านซาค ท่านรอนด้า ท่านหญิงวิสรี่ได้เตรียมที่นั่งพิเศษไว้ให้พวกท่านแล้ว”
พ่อบ้านกล่าว
เมื่อมาถึงโต๊ะของตนซาคได้เห็นเหล่าเพื่อนพ้องที่เคยฝึกทหารด้วยกันมา
“ไงซาค ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ข้าคิดถึงเจ้ามากเลย”
กล่าวเสร็จภูติหญิงตนนั้นก็เขามากอดซาคอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว
รอนด้าที่เดินตามหลังซาคมาก็ได้โค้งตัวคํานับ เอริน ที่เป็นทายาทตระกูลหลัก (ไฟ)
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ท่านพี่เอริน”
“ว๊าย! สาวน้อยน่ารักตรงนี้คือรอนด้าเหรอเนี่ยโตขึ้นมากเลยนะ”
ไม่นานก็มีเพื่อนร่วมรุ่นของเขาอีกคนเดินทางมาถึง
“พอได้แล้ว เอริน เดี๋ยววิสรี่ก็โมโหอีกหรอก”
นีล ได้พูดขึ้นมาหลังจากบินมาถึงงานด้วยความเร็วสูง เพราะนีลคือภูติแห่งสายลมสามารถความคุมเสียงที่ลอยไปตามลมได้อย่างอิสระ และเพิ่มความเร็วของปีกได้ตามที่ต้องการ แม้แต่ภูติสายลมระดับสูงบางตนยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ !
เอรินปล่อยแขนจากตัวซาค
ภูติอีกตนที่มองดูอยู่สักพักก็เดินไปหาพวกซาคที่คุยเล่นกันอย่างเป็นกันเอง
“เจ้ายังทำหน้าเบื่อหน่ายงานเลี้ยงเหมือนเคยเลยนะ ซาค”
“คอนราตร์ ไม่เจอกันนาน นายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ”
“ว่าแต่..ซาค ช่วงที่ข้าไม่อยู่วิสรี่ก่อเรื่องไปกี่ครั้งล่ะ”
ซาค ถอนหายใจ
“ช่างมันเถอะข้าชินแล้วล่ะ พอเจ้าไม่อยู่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะห้ามวิสรี่ยังไง”
เอรินเริ่มมองหาวิสรี่ รอบๆงานเลี้ยง
“ว่าแต่นะ เจ้าของงานอยู่ไหนล่ะ?”
ซาคหยิบจดหมายคำเชิญที่วิสรี่เขียนให้ตนออกมาให้นีลดู พอนีลอ่านจบนีลก็รู้ทันทีถึงสิ่งที่ต้องทำและอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นกับงานเลี้ยงหลังจากนี้
เอรินเห็นดังนั้นจึงคิดจะแย่งจดหมายจากนีลไปอ่านแต่นีลยกแขนหลบทัน
“เอามานี่นะ!ไม่งั้นข้าจะเผาเจ้าไปพร้อมกับจดหมายนั่น!”
“ช้าไปนะเอริน”
ทั้งสองยืดยุดฉุดกระชากกันอยู่นานจนไฟบนเวทีดับลง…
ช่วงเวลาของการแสดงได้มาถึง ภูติสาวแห่งแสงตนหนึ่งได้ลอยลงมาจากข้างบน หยุดอยู่ที่กลางเวทีพอดี
ใช่แล้วเป็นวิสรี่ที่กำลังล่องตามลมลงมาอย่างสวยงามพร้อมชุดที่ออกแบบมาเพื่อพบปะในงานเลี้ยงครั้งนี้
แสงจันทร์สาดส่องร่างกายของเธอเกิดเป็นเงางามละอองเวทสีทองที่หลุดลอยออกมาจากปีกของเธอ
ละอองเวทและแสงจันทร์ผสานกันอย่างลงตัวเกิดเป็นความงดงามที่ไม่ว่าตระกูลไหนก็ร่ายรำไม่ได้
ทุกตนเหมือนต้องมนต์สะกด
หน้าตาอันน่ารักตามวัยของเธอชวนให้เหล่าภูติหนุ่มทั้งหลายใจสั่น
ไม่ว่าใครก็จดจ้องไปที่เธอ
เหมือนจะมีภูติหนึ่งตนที่ต้องมนต์สะกดมากกว่าใคร
วินาทีนี้ทั้งหัวใจของคอนราตร์โดนวิสรี่จับจองไปเป็นที่เรียบร้อย
นีลมองคอนราตร์ด้วยแววตาเป็นห่วง
คอนราตร์หันมาหานีลทำท่าทางบอกนีลว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า
ช่วงเวลานั้นซาครู้สึกผิดขึ้นมาเพราะตนอาจเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าลึกๆแล้ว วิสรี่ชอบซาคมากแค่ไหน…
วิสรี่ล่องลอยไปตามกระเช้าทั้งสามจนกลับมาถึงเวทีแล้วโค้งคับนับ
ภูตินับเจ็ดสิบกว่าตนได้ยืนขึ้นและตบมือให้กับการร่ายรำอันสวยงามของวิสรี่
การร่ายรำได้จบลง…
ทุกตนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกสาวของท่านไพเนลช่างน่าเอ็นดูเสียจริงเสียดายที่นิสัยดื้อด้านไปหน่อย
ทุกสายตามองไปยังเวที วิสรี่ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง…
“ข้าวิสรี่ จากตระกูลแห่งแสง วันนี้ข้าเชิญทุกคนมาเพราะมีเรื่องอยากจะพูดเกี่ยวกับภูติบ้าอำนาจตนหนึ่ง”
ขณะที่วิสรี่กำลังจะป่าวประกาศนั้น
“วิสรี่ เจ้าลูกดื้อด้านคนนี้! เร่งพลังเวทขึ้นอีก”
เรือรูปใบไม้ขนาดเล็กกำลังเร่งความเร็วเต็มที่ลอยไปตามอากาศอย่างรวดเร็วมากกว่าความเร็วในการบินของภูติถึงห้าสิบเท่า
เมื่อได้ยินข่าวว่าวิสรี่จะจัดงานเลี้ยงโดยไม่บอกตนเขาจึงตัดสินใจยกเลิกงานทุกอย่างแล้วกลับบ้านมาเพื่อสั่งสอนลูกสาวตัวดี
“ข้าทนไม่ไหวกับการกดขี่ในหน้าที่การงานแบบนี้อีกแล้ว ภูติตนนั้นตั้งใจกลั่นแกล้งข้า ภููติสายลมตนนั้นไม่เคยเห็นข้าเป็นทหารหน่วยสอดแนม.. มองว่าข้าเป็นแค่เด็กที่ต้องการเล่นสนุกไปวันๆ ขะ..ขะ..ข้าขอสาปแช่งไม่ให้เขาได้เจอคู่ชีวิตตลอดไป…”
ทางด้านพวกเพื่อนๆของวิสรี่ เอรินถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น..
“นี่ๆ พวกเจ้าไม่คิดจะไปห้ามวิสรี่เลยเหรอ มันต่างจากทุกทีนะถึงกับเชิญภูติมามากมายเพื่อพูดเรื่องแบบนี้…”
“คอนราตร์ เจ้าไม่ไปห้ามล่ะ”
“ไม่ได้หรอกมันดูเป็นเรื่องใหญ่โตกว่าทุกทีแถมท่านไพเนลก็กำลังจะมาถึงแล้วด้วย”
เอรินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนคอนราตร์ก็กลัวเข้าไปยุ่งแล้วจะเสียตำแหน่งหน้าที่การงานที่กำลังไปด้วยดี…
ซาค มองไปรอบๆเพื่อสังเกตการณ์สิ่งต่างๆ
“นีล หายไปไหน…”
ตัดกลับมายังเวทีวิสรี่ก็พูดว่าร้ายหัวหน้าหน่วยของเธอแบบไม่หยุด
“ล-แล้วก็ถ้าภูติตนใดกล้าไปคุยกับเขาข้าจะไม่คุยด้วยตลอดชีวิต ข้าอยากพูดเท่านี้ เชิญทุกท่านตามสบาย”
ทุกตนต่างรู้แก่ใจดีว่าภูติสายลมตนนั้นคือภูติตนใด
แช็ค หัวหน้าหน่วยของวิสรี่นั้นเอง เธอตั้งใจจะใช้อำนาจของตระกูลข่มขู่เขา
เมื่อเธอพูดจบเหล่าแขกไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใดเป็นเรื่องปกติถ้ามีวิสรี่เป็นส่วนประกอบในเรื่องราวนั้น
ทั้งยังเป็นเรื่องน่าขบขันและน่าอมยิ้มสำหรับใครบางคน
แต่ทว่ามีคนนึงที่ไม่สนุกด้วย
“วิสรี่! เจ้าเด็กไม่รู้จักโต!”
ไพเนลเจ้าบ้านตระกูลรองพ่อของวิสรี่ตะโกนด้วยความโมโห
“ชอล์ไปจับวิสรี่มากักบริเวรสิบวัน”
“เจ้าค่ะ”
แม่บ้านตอบกลับ
วิสรี่บินมาทางกระเช้าของพวกซาค
“หนี-กาน-เถอะะะ!”
เธอบินตรงมาหาซาคด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งโดยที่ไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิด
วิสรี่จับข้อมือซาคและดึงติดมาด้วยเธอหันหลังหาทุกคนพร้อมบอกว่า’พวกเจ้าก็ตามมาด้วยสิ’
“คงช่วยไม่ได้ รอนด้ารอพี่อยู่ที่งานเลี้ยงสักพักนะ”
รอนด้ายิ้มให้ ซาคและคนอื่นๆ
“ข้าจะรอท่านพี่อยู่ที่งานเลี้ยงนะคะ” พร้อมโบกมือลา
ผองเพื่อนไม่รอช้ารีบตามวิสรี่ไป
นีล ได้นำเรือของตระกูลแห่งลมมารอไว้แล้วเพราะเจ้าตัวรู้ว่าจะเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น
“เรือพร้อมแล้ว ขึ้นมาเร็ว!”
ทุกตนบินเข้าไปในเรือ
“แบบนี้ดีแล้วสินะ”
เอรินกล่าว
“จะไปดีได้ยังไง คอนราตร์นายไหวนะ”
คอนราตร์หน้าตาไม่สู้ดีนัก
“ยังไหว ข้าว่าพวกเรารีบเผ่นได้แล้ว”
“ในเมื่อทุกคนตัดสินใจกันแล้วก็ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเรือของนีลก็เร่งความเร็วสูงสุดหนีไป จนเรือของไพเนลที่ไล่หลังมาตามไม่ทัน
ผ่านไปสักพักพอถึงที่หมาย เอรินและคอนราตร์หน้าซีดเพราะเมาเรือของนีลส่วนทางด้านนีลที่เป็นตระกูลสายลมเป็นเรื่องปกติ
ซาคและวิสรี่ก็ทำงานที่หน่วยสอดแนมกับหัวหน้าหน่วยตระกูลแห่งลมมาสักพักเลยไม่เป็นอะไรมาก
“ไหวรึป่าว เอริน คอนราตร์”
วิสรี่ถามด้วยความเป็นห่วงทั้งสองที่ตามมาด้วย
“ข้ายืนแทบไม่ไหวแล้ว…”
เอรินกับคอนราตร์เข่าทรุดลงไปกองกับพื้น
“พวกเจ้าหนีเข้าไปในป่าก่อนเถอะ ข้าจะดูสองคนนี้เอง” นีลกล่าว
วิสรี่ได้ใช้ทางลับที่ทำไว้ในวัยเด็กหลบหนีแม่บ้าน
ทั้งสองมาถึงป่าประกายเวท มีผลไม้เวทหลากหลายสายพันธุ์
“เท่านี้ทั้งชอล์ทั้งท่านพ่อก็หาข้าไม่เจอแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ๋า”
“เจ้านี่นะ ก่อเรื่องขนาดนี้ยังจะยิ้มได้อีก”
“ฮี่ ฮี่”
ทั้งสองนั่งลงบนผลไม้เรืองแสงลูกโต
“นี่ซาคข้ามีเรื่องหนึ่งอยากถามเจ้ามานานแล้ว”
“เรื่องอะไรล่ะ”
เธอขยับเข้ามาใกล้จนไหล่กระทบกัน
“เจ้าชอบภูติหญิงแบบไหนรึ”
“ใจดีเหมือนแม่ข้ามั้ง”
“แค่นี้?”
“ใช่”
วิสรี่ทำหน้าตาไม่พอใจซาค
“แล้วนอกจากนั้นล่ะ”
“ข้าคิดไม่ออกแล้ว”
“แล้วยกตัวอย่างเช่นข้าละเจ้าพอจะชอบรึป่าว”
“เจ้าน่ะนะซนเหมือนเด็ก ขี้โมโห ตอนกินก็มูมม้าม ขี้ลืมแถมยังไม่มีความอดทน”
วิสรี่มองไปในตาของซาค
เป็นครั้งแรกที่ภูติสาวตนนี้สัมผัสความรักได้ผ่านดวงตาของซาค ช่วงเวลานั้นเธอมั้นใจว่าถ้าสารภาพรักตอนนี้คงเหมาะสมที่สุดแล้ว
“ซาคข้า ข้า…ชอ-“
ทันใดนั้น
“ไงซาค วิสรี่ตามหาแทบแย่”
นีลควรจะออกมาทักเร็วกว่านี้ แต่เพราะความรักเพื่อนไม่อยากขัดความสุขของวิสรี่แม้แต่วินาทีเดียวจึงได้ทักทั้งสองตนเอาป่านนี้ ทั้งที่เขาเฝ้าดูทั้งสองแต่แรกอยู่แล้ว
“นีลนายนี่เก่งจังนะหาเราเจอด้วย”
“ข้าเป็นคนจากตระกูลแห่งลมนะแค่ได้ยินเสียงนิดหน่อยข้าก็ตามหาพวกเจ้าเจอแล้ว”
“งั้นเหรอเจ้าเก่งไปซะทุกเรื่องเลยนะ…ข้าจะกลับแล้ว”
เธอแสดงออกทางสีหน้าว่าผิดหวังและบินกลับอย่างเชื่องช้าเหลือไว้เพียงภูติหนุ่มสองตน
“เกือบไปแล้วนะซาค”
“นั้นสิข้าเพิ่งจะเคยจะมีความรู้สึกรักๆใคร่ๆครั้งแรกก็คราวนี้แหละ”
“ใครที่อยู่ใกล้แม่นั้นได้เกินสิบวันแล้วไม่หลงเสน่ห์เข้าสิแปลก ซาคเจ้านี่ก็แปลกนะ”
“เจ้าก็เหมือนข้านั้นแหละนีล”
“ก็นะ เรื่องเวทแห่งแสงทำให้ภูติที่อยู่ใกล้หลงได้ ข้าไม่คิดว่าวิสรี่จะมีเวทแห่งแสงมากจนดึงดูดภูติด้วยกันเองได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะก่อเรื่องแค่ไหนภูติทุกตนก็พร้อมให้อภัย”
“ทำไมเจ้าไม่ลองมองวิสรี่เป็นภูติสาวสักครั้งดูล่ะเจ้าอาจชอบวิสรี่ขึ้นมาจริงๆก็ได้”
“ข้าไม่รู้น่ะสิว่าความรู้สึกที่มีให้เธอมันเป็นเป็นของปลอมหรือของจริง”
“น่ากลัวเป็นบ้าเลยเวทแห่งแสงเนี่ย”
“มันจะสำคัญอะไรล่ะ หรือยามปกติเจ้าไม่รู้สึกชอบวิสรี่เลยรึ”
“ใช่..ข้าคิดว่าเธอเหมือนน้องสาวที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลามากกว่า”
“เจ้าคิดงั้นสินะ…”
“เรื่องเวทมนต์ของวิสรี่มีภูติไม่กี่ตนที่รู้ส่วนเจ้ากับข้าถ้าไม่ได้ทดลองดูก็อาจจะไม่ได้รู้เกี่ยวกับพลังดึงดูดเหล่าภูติลึกลับนี่ ส่วนเจ้าคอนราตร์รู้สึกจะชอบเธอจริงๆสินะ ซาคข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าชอบคือหนังสือและความรู้อย่างแต่น้อยเจ้าก็หัดสนใจภูติหญิงบ้างเถอะ”
“เจ้าต่างจากข้าตรงไหน? ชอบการท่องเที่ยวไม่ค่อยสนใจภูติหญิงเหมือนกันเห็นๆ”
“ก็ข้ายังหาภูติสาวที่ถูกใจไม่พบน่ะสิ อย่าเอาข้าไปเหมารวมกับคนอย่างเจ้านะ ฮ่าๆ”
ถึงแม้งานเลี้ยงจะเกิดความโกลาหลอยู่บ้างแต่งานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไปจนจบ ซาคและนีลได้เดินทางกลับไปหารอนด้าที่งานเลี้ยงและแยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนวิสรี่ที่หนีออกจากบ้านก็ไปค้างที่บ้านเอริน