มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 40 กระบี่ท่องทะยาน
แสงดาวตกกระทบลงไปบนทะเลเมฆ เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเวลากลางคืน แต่กลับสว่างเสียยิ่งกว่าเวลากลางวัน เหมือนดั่งหิมะ
หมู่ดาวที่กระจัดกระจายเต็มทองฟ้าคล้ายดั่งดวงอาทิตย์ที่อ่อนแรงจำนวนนับไม่ถ้วน แผ่นหินมิได้มีเงา เงาที่ปลอกกระบี่ทิ้งไว้บนแผ่นหินก็ดูเลือนลาง
หยวนกุยลืมตา อ้าปากเล็กน้อย แสงดาวที่ไร้รูปลักษณ์ค่อยๆ ไหลเข้าไปในปากมันอย่างช้าๆ
นักพรตเจ้าสำนักยืนอยู่ริมผา มองดูทะเลเมฆที่อยู่เบื้องล่างพลางกล่าววาจา คล้ายกำลังพูดกับตัวเอง
“คนหนุ่มสาวมักจะมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอยู่บ่อยๆ อาจจะดูไร้เดียงสา แต่ก็น่าพึงพอใจ”
“ท่านย่อมไม่มีทางสนับสนุน แต่ข้ามิได้คิดเช่นนี้ เพราะพวกเขามิใช่พวกเรา”
“เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เหมือนพวกเขาจะก่อเรื่องจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปหน่อย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็คงต้องฝากท่านด้วย จำได้ว่าท่านมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ทางนั้น”
……
……
บนยอดเขาเสินม่อ แสงดาวเป็นสีขาวเหมือนดั่งหิมะเช่นกัน
“ข้าให้อาต้าไปบอกเจ้าแล้วว่าข้าคัดค้านเรื่องนี้ เจ้ามิได้สนใจ แต่ตอนนี้กลับมาไหว้วานข้า?”
จิ๋งจิ่วยืนอยู่ริมผา มองดูทะเลเมฆที่หลั่งไหลเหมือนดั่งน้ำตกอย่างเงียบๆ อยู่ครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เจ้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าเด็กนั่นกับข้า ให้เขามีชีวิตต่อ”
นี่คือการแลกเปลี่ยนเงื่อนไข?
จิ๋งจิ่วออกมาจากริมผา
กู้ชิงเก็บตัวบำเพ็ญเพียรอยู่ในกระท่อมหลังเล็กภายในป่า
หยวนฉวี่ฝึกกระบี่อยู่ด้านหลังภูเขา
เจ้าล่าเยวี่ยรับรู้ถึงฟ้าดินอยู่ริมน้ำตก
ไป๋กุ่ยและจักจั่นเหมันต์กำลังนอนหลับ
ภายในถ้ำสงบเงียบ
ฝ่ามือของเขาวางลงบนผนังหิน ผนังหินที่ดูเหมือนเป็นแผ่นเดียวกันได้แยกเปิดออก เผยให้เห็นอุโมงค์เส้นหนึ่ง
เมื่อเดินตามอุโมงค์เข้าไปถึงด้านในสุด ในนั้นกลายเป็นโพรงถ้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตรงส่วนด้านบนสุดเปิดโล่ง ตรงนั้นต่างหากถึงจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาเสินม่อ
กระบี่ของเขาในตอนนั้นก็พุ่งขึ้นไปจากตรงนี้ สะบั้นสายฟ้าสวรรค์สายนั้น
แสงดาวสาดลงมาจากด้านบนถ้ำ กลายเป็นวงกลมสีเงินวงหนึ่งอยู่บนพื้น
จิ๋งจิ่วเดินเข้าไปตรงนั้น นั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นหลับตาลง
ต้นไม้แห่งเต๋าขยับโดยไร้ซึ่งสายลม
จิตจำแนกแห่งกระบี่พุ่งออกไป
ดังสนั่นราวสายฟ้า
เจ้าล่าเยวี่ยนั่งอยู่บนโขดหินริมบึง
จิตจำแนกแห่งกระบี่ของนางสาดกระจายออกไปคล้ายแสงดาว ปกคลุมทุกสรรพสิ่งในระยะสิบลี้ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอันสุดแสนมหัศจรรย์อย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเอง นางพลันลืมตาขึ้น
บนยอดเขามีจิตจำแนกแห่งกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา
จิตจำแนกแห่งกระบี่แฝงไว้ด้วยเจตน์กระบี่ หรือก็คือจิตจำแนกที่ใช้กระบี่ส่งออกมา
จิตจำแนกแห่งกระบี่สายนั้นทั้งแข็งแกร่ง ทั้งสะอาดบริสุทธิ์ แม้แต่จิตจำแนกแห่งกระบี่ที่นางฝึกฝนอย่างยากลำบากอยู่บนยอดเขากระบี่ก็ยังมิอาจเทียบได้
จิตจำแนกแห่งกระบี่สายนั้นเป็นของจิ๋งจิ่ว
จิตจำแนกแห่งกระบี่ตกลงมาบนมือของนางราวน้ำตก
สร้อยข้อมือเส้นนั้นสั่นไหวขึ้นมา ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
เจ้าล่าเยวี่ยมิได้ยื้อแย่งสิทธิ์ในการควบคุมกับจิตจำแนกแห่งกระบี่ของจิ๋งจิ่ว
นางรู้สึกใคร่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
สร้อยข้อมือหลุดออกจากข้อมือนาง บินขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน กลับกลายเป็นกระบี่มิคำนึง
ลำแสงกระบี่สีแดงส่องสว่างหน้าผา น้ำตกเป็นเหมือนโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลทะลักออกมา
ลมพัดขึ้นมา ดอกหญ้าที่อยู่ริมบึงโน้มต่ำตามลม
กระบี่มิคำนึงหายไปแล้ว
บนท้องฟ้าอันห่างไกลมีจุดสีแดงปรากฏขึ้นมา ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าล่าเยวี่ยเหยียบอากาศทะยานขึ้นไป เสื้อผ้าและใต้เท้ามีลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นมาเป็นสายๆ เพียงหนึ่งก้าวก็ไปได้ไกลสิบกว่าจ้าง ไม่นานก็กลับมาถึงยอดเขา
เมื่อเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ นางมองเห็นจิ๋งจิ่วกำลังนั่งหลับตาอยู่ภายใต้แสงดาว
กู้ชิงและหยวนฉวี่เองก็รับรู้ได้ถึงการจากไปของกระบี่มิคำนึง จึงมาที่ถ้ำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“กระบี่ท่องทะยาน”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าว
กู้ชิงและหยวนฉวี่สบตากัน รู้สึกตกใจ
กระบี่มิคำนึงคือกระบี่หลักของยอดเขาทั้งเก้าของชิงซาน น่าจะสามารถท่องทะยานออกไปได้
แต่เหตุใดจิ๋งจิ่วที่อยู่ในสภาวะมิประจักษ์ถึงได้แบกรับการเผาผลาญจิตจำแนกแห่งกระบี่ในระดับนี้ได้?
ที่ผ่านมาจิ๋งจิ่วได้สร้างความน่าประหลาดใจให้แก่ทุกคนมามากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ เพราะในระหว่างที่กระบี่ท่องทะยานจะไม่สามารถถูกคนรบกวนได้
แต่ในตอนที่พวกเขามองเห็นไป๋กุ่ยที่นอนหลับอยู่บนตั่งหยกเหมันต์และจักจั่นเหมันต์ที่เห็นได้ชัดว่าตื่นแล้วแต่กลับไม่กล้าออกไปไหนตัวนั้น พวกเขาถึงได้พบว่าตัวเองกังวลมากไป
……
……
เหนือโลกขึ้นไปคือทะเลเมฆ
เหนือทะเลเมฆขึ้นไปคือยอดเขา
เหนือยอดเขาขึ้นไปคือท้องฟ้า
เหนือท้องฟ้าขึ้นไปคือลมรุนแรง
เหนือลมอันรุนแรงขึ้นไปคือดินแดนแห่งความว่างเปล่า
ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ กระทั่งพลังวิญญาณของฟ้าดินก็ยังสลายหายไปจนหมด
หากบอกว่าการที่ผู้บำเพ็ญพรตจะขี่กระบี่ท่องไปบนลมอันรุนแรงนั้นเป็นเรื่องยากลำบากและทุกข์ทรมาน เช่นนั้นดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย
—–ผู้บำเพ็ญพรตที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นแหวกทะเลนั้นไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้
เหนือดินแดนแห่งความว่างเปล่าขึ้นไปคือแดนอัศนีที่น่ากลัวยิ่งกว่า
ในแดนอัศนีเต็มไปกว่าพลังอันคุ้มคลั่ง สามารถเกิดสายฟ้าขึ้นได้ตลอดเวลา
ถึงแม้จะเป็นยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์ที่บางครั้งขึ้นมาที่นี่เพื่อรับรู้ถึงกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ก็ยังมิกล้ารั้งอยู่นาน
กระบี่มิคำนึงออกมาจากยอดเขา แหวกอากาศทะยานขึ้นไป ไม่นานก็เข้าสู่ชั้นที่เป็นลมอันรุนแรง ทิ้งร่องรอยไว้ด้านหลังเป็นหางยาวๆ
เมื่ออยู่ในชั้นลมรุนแรง มันยังคงทะยานต่อไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง หลังผ่านไปสิบกว่าอึดใจ เสียงที่ดังสนั่นราวสายฟ้าฟาดดังขึ้นมา ร่องรอยต่างๆ หายไปจนหมด
กระบี่มิคำนึงเข้าสู่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า ไม่สามารถมองเห็นมันจากบนพื้นดินได้อีก
ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ แล้วก็ไม่มีแรงต้าน แล้วก็เป็นสถานที่ที่กระบี่บินบินได้เร็วที่สุด เพียงแต่กระบี่บินที่มีระดับค่อนข้างแย่หน่อยนั้นไม่สามารถแบกรับอากาศอันเย็นยะเยือกของที่นี่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็ไม่มีพลังวิญญาณคอยหล่อเลี้ยงกระบี่ด้วย ต่อให้เป็นกระบี่ที่มีระดับสูงก็จะต้องสูญเสีญพลังวิญญาณออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นเศษเหล็ก จากนั้นก็ร่วงตกลงมาบนพื้นดิน
กระบี่มิคำนึงเป็นกระบี่ชั้นเซียนของนักพรตจิ่งหยาง ไม่หวาดกลัวความหนาวเย็น แต่ปัญหาเรื่องพลังวิญญาณที่ไหลออกไปจะแก้ไขอย่างไร?
ท้องฟ้ายามค่ำคืนค่อยๆ ถอยไป แสงแดดยามเช้าปรากฏขึ้นมา ย้อมน้ำทะเลจนกลายเป็นสีแดง
กระบี่มิคำนึงมาถึงด้านบนของมหาสมุทร ความเร็วแปรเปลี่ยนเป็นช้าลง เผยให้เห็นตัวกระบี่ที่หม่นหมอง
จู่ๆ มันพลันเชิดหัวบินขึ้นไปยังสถานที่ที่สูงขึ้นไป
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ กระบี่มิคำนึงก็พุ่งทะลุแนวกั้นที่ไร้รูปร่างเข้าไปในแดนอัศนี!
พลังอันบ้าคลั่งทำให้ลำแสงหักเหจนเงาและลำแสงดูสับสนวุ่นวาย ทุกที่ล้วนแต่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าหวาดกลัว
สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นแล้วดับลง สายฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าต้นไม้ใหญ่สว่างวาบขึ้นมาไม่หยุด กลายเป็นภาพที่ดูเหมือนรั้วอย่างไรอย่างนั้น
สายฟ้าที่นี่ไม่รู้ว่าใหญ่กว่าสายฟ้าบนยอดเขาปี้หูตั้งกี่เท่า
กระบี่มิคำนึงพุ่งเข้าไปหารั้วที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล
เปรี้ยง! สายฟ้าฟาดลงมา เสียงดังกัมปนาท คล้ายกับพายุฝนบนโลกมนุษย์
กระบี่มิคำนึงบินผ่านสายฟ้าด้วยความเร็วสูง คล้ายกับนกนางแอ่นทะเลที่กล้าหาญเหล่านั้น
……
……
เสียงวิ้งเบาๆ ดังขึ้น
กระบี่มิคำนึงออกมาจากแดนอัศนี กลับมายังดินแดนแห่งความว่างเปล่า
ตัวกระบี่ที่ผ่านการชำระล้างจากสายฟ้าดูสว่างไสว บนตัวกระบี่มีเส้นแสงอันเจิดจ้าโอบล้อม พลังวิญญาณกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
กระบี่มิคำนึงเร่งความเร็วอีกครั้ง ก่อนจะหายลับไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร บนท้องทะเลมีเกาะยักษ์แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา บนเกาะมีต้นไม้สูงใหญ่หลายพันจ้างอยู่นับไม่ถ้วน ดูแล้วคงจะเป็นเกาะเผิงไหล
หลังกระบี่มิคำนึงบินผ่านเกาะเผิงไหล ก็เข้าไปยังแดนอัศนีเพื่อดูซับพลังงานอีกครั้ง จากนั้นจึงเร่งความเร็วขึ้นมาอีก
เวลาพลบค่ำ บนผิวทะเลที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องปรากฏเป็นภาพแปลกประหลาด
บนผิวทะเลมีโพรงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาโพรงหนึ่ง น้ำทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเข้าไปด้านในไม่หยุด ขอบโพรงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่
โพรงยักษ์นั้นลึกจนสุดประมาณ ไม่รู้ว่าทะลุไปยังที่ใด ถึงแม้จะมองลงไปจากบนท้องฟ้าก็มองไม่เห็นปลายอีกด้านหนึ่งของมัน ดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
หรือว่านี่จะเป็นน้ำวนยักษ์ที่เล่าลือกัน? แดนลี้ลับหมิงเฉวียน?
เหตุใดน้ำทะเลจำนวนมากขนาดนี้ไหลลงไปในโพรงยักษ์นั้นตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่น้ำทะเลกลับไม่ลดลงเลย?
กระบี่มิคำนึงไม่รู้ถึงปัญหาที่กวนใจมนุษย์มานานหลายปีนี้ แล้วก็ไม่มีทางไปคิดถึงปัญหาเหล่านี้ด้วย
หลังใช้เวลาอยู่นาน กระบี่มิคำนึงจึงลดความเร็วลงมาอยู่ในระดับเดียวกับตอนที่ออกมาจากยอดเขาเสินม่อ
ตอนนี้เป็นรุ่งเช้าของวันที่สอง แสงอาทิตย์ยามเช้าปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ด้านหน้ามีแผ่นดินผืนหนึ่งปรากฏขึ้นมา ริมทะเลมีเทือกเขาเทือกหนึ่ง โครงร่างของมันดูคล้ายคนยักษ์กำลังนอนหลับอย่างมาก
……………………………………………………..