มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 61 หม้อไฟที่พวกเรากินและคนที่พวกเราฆ่าเมื่อในอดีต
- Home
- มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2
- ตอนที่ 61 หม้อไฟที่พวกเรากินและคนที่พวกเราฆ่าเมื่อในอดีต
เรื่องราวเล่ามาถึงตรงนี้ แน่นอนว่ายังไม่จบ มันเพียงแค่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
จิ๋งจิ่วคิดถึงเรื่องเหล่านั้นเมื่อในอดีต นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
เพื่อจะเตรียมบรรลุเป็นเซียนแล้ว อาจารย์ปู่ได้มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้แก่อาจารย์ จากนั้นไปยังยอดเขาซ่อนเร้น
ไม่มีใครคิดถึงว่าอาจารย์ปู่จะบรรลุเป็นเซียนล้มเหลวเพราะถูกหนานชวีลอบโจมตี จากนั้นอาจารย์ก็บรรลุเป็นเซียนล้มเหลวเช่นกัน สายสืบทอดนี้เหลือเพียงเขากับศิษย์พี่สองคนเท่านั้น
หลังจากนั้นหลายปี เขาและศิษย์พี่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อย่าว่าแต่ตำแหน่งเจ้าสำนักเลย กระทั่งยอดเขาซั่งเต๋อก็เกือบจะถูกช่วงชิงเอาไป
ต่อมา ศิษย์พี่ถึงขนาดถูกขับออกจากสำนัก
แต่แน่นอนว่าการขับออกจากสำนักนั้นเป็นการแสร้งทำ
ก็เหมือนกับเรื่องราวของหลิ่วสือซุ่ย เพียงแต่ศิษย์พี่นั้นเดินทางไปยังดินแดนหมิง
สุดท้ายเขาก็เป็นเหมือนอย่างหลิ่วสือซุ่ยในตอนนี้ ทำภารกิจสำเร็จ กลับมายังชิงซาน
แต่แม้นจะเป็นเช่นนี้ ยอดเขาอื่นๆ ที่เหลือก็ยังคงเฝ้าระวัง กระทั่งเอาเรื่องบางเรื่องมาคอยกล่าวโทษวิพากษ์วิจารณ์ศิษย์พี่อย่างรุนแรง
หวังว่าหลิ่วสือซุ่ยกลับมาแล้วจะไม่เจอปัญหาแบบเดียวกันนี้นะ
ในเวลานั้นยอดเขาซั่งเต๋อทำตัวเรียบง่ายเป็นอย่างมาก
ศิษย์พี่ักับเขา แล้วยังมีหยวนฉีจิงกับหลิ่วฉือกินหม้อไฟกันอยู่หลายปี บางครั้งก็จะเล่นไพ่นกกระจอก
จนกระทั่งคนที่ควรทะลวงสวรรค์ก็ทะลวงสวรรค์ คนที่ควรแหวกทะเลก็แหวกทะเล
สุดท้ายศิษย์พี่ก็เอาตำแหน่งเจ้าสำนักมาได้สำเร็จ
ความจริงเขาก็ไม่รู้แน่ชัดนักว่าในช่วงเวลานั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เขามุ่งมั่นอยู่กับการบำเพ็ญพรต ไม่เคยออกจากซั่งเต๋อ กระทั่งถ้ำที่หนาวเย็นนั้นก็แทบจะไม่ออกมา
มีเพียงครั้งนั้นที่ศิษย์พี่บอกว่าจะไปฆ่าคน เขาถึงได้ออกจากถ้ำ พาหยวนฉีจิงและหลิ่วฉือไปฆ่าคน
ตอนนี้เมื่อมาย้อนคิดดูแล้ว เพื่อจะรักษาเสถียรภาพในยอดเขาทั้งเก้าของชิงซานเอาไว้ ครั้งนั้นพวกเขาฆ่าคนไปหลายคนจริงๆ
ส่วนเหตุใดถึงต้องฆ่า เขาไม่เคยถามมาก่อน
ศิษย์พี่คงไม่มีทางฆ่าคนส่งเดช
ช่างน่าขันจริงๆ
……
……
“หลังจากนั้นล่ะขอรับ?”
คำถามของหยวนฉวี่ทำให้จิ๋งจิ่วตื่นขึ้นมาจากความทรงจำ
เขาเริ่มเล่าเรื่องราวนั้นต่อ
“เรื่องราวหลังจากนั้นล้วนแต่เป็นการคาดเดาของข้า”
……
……
ต้นไม้แห่งเต๋าของหนานชวีถูกทำลาย แล้วยังถูกหมอกในทะเลตัดขาดจากฟ้าดิน ต่อให้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ก็ไม่มีหวังที่จะบรรลุเป็นเซียนได้อีก ดังนั้นเขาจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถออกไปจากเกาะแห่งนั้นได้ แต่เป็นเพราะชิงซาน เขาจึงไม่กล้าออกมาจากหมอกแห่งนั้น แต่เขาสามารถส่งคนออกมาได้ จากนั้นก็คิดหาวิธีทำลายสำนักชิงซาน เมื่อนั้นเขาก็จะสามารถออกมาได้
เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมาก เป็นเวลาหลายร้อยปีหรืออาจจะมากกว่านั้น แต่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญพรตมีอยู่มากที่สุดก็คือเวลา
คนที่ออกมาจากเกาะเป็นคนแรกก็คือเด็กรับใช้ของเขา
หลังเด็กรับใช้คนนั้นมายังแผ่นดิน เขาก็เรียกตัวเองว่าเทียนจิ้นเหริน รับหน้าที่ตามหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมให้แก่หนานชวี
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อเจี้ยนซีไหล พรสวรรค์ทางวิถีกระบี่ของเขาสูงส่ง แต่เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างจึงถูกสำนักอู๋เอินเหมินปฏิเสธ ในใจเกิดความคับแค้น
เทียนจิ้นเหรินพลันพบว่าเรื่องราวของเขาคล้ายคลึงกับเรื่องของหนานชวี หลังหาเจี้ยนซีไหลจนพบก็มอบของที่เป็นเครื่องยืนยันตัวตน ชี้ทางให้เขาไปยังนอกทะเล เข้าไปในเกาะหมอกแล้วกราบหนานชวีเป็นอาจารย์
แต่แน่นอน อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าเขาได้มอบวิชาของหนานชวีให้แก่เจี้ยนซีไหลก็เป็นได้
เด็กหนุ่มคนนั้นฝึกเพลงกระบี่จนสำเร็จ ก่อตั้งสำนักกระบี่ซีไห่ ทำตามเจตนารมณ์ของผู้เป็นอาจารย์ พยายามทำลายสำนักชิงซาน
แต่เขาพบว่าต่อให้สำนักกระบี่ซีไห่จะยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงใดก็ไม่มีวันที่จะไล่ตามสำนักชิงซานได้ทัน เขาจึงได้แต่ต้องใช้วิธีอื่น
ในปีหนึ่ง เขาไม่รู้ใช้วิธีอะไรทำให้ตัวเองได้อำนาจในการควบคุมปู้เหล่าหลินมาครอบครอง
นักฆ่าของปู้เหล่าหลินเริ่มเคยชินกับการใช้กระบี่ก็เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา คิดๆ ดูแล้วก็เป็นช่วงเวลานั้นพอดี
สำนักบำเพ็ญพรตฝ่ายธรรมะ โดยเฉพาะสำนักชิงซานสงสัยในประวัติความเป็นมาของเขามาโดยตลอด แต่ว่าไม่มีหลักฐาน ดังนั้นในตอนที่ยอดเขาเหลี่ยงว่างวางแผนนี้ขึ้นมา เหล่าอาจารย์ที่ล่วงรู้เรื่องนี้จึงมิได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่ก็มิได้ขัดขวาง เพียงแต่ปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามสถานการณ์ เพราะอย่างไรซะพวกเขาก็มิได้มีอะไรเสียหายจากเรื่องนี้อยู่แล้ว
……
……
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือหลิ่วสือซุ่ยจะสืบจนเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น”
หยวนฉวี่กล่าวชม “ศิษย์พี่ใหญ่สุดยอดจริงๆ”
จิ๋งจิ่วไม่รู้เรื่องที่เขากับกู้ชิงแอบคุยเรื่องเหล่านั้น จึงฟังไม่เข้าใจ จากนั้นกล่าวว่า “ถือว่ายอดเยี่ยม แต่ก็มิได้มีความหมายอะไรมากนัก เพราะเจี้ยนซีไหลไม่มีทางเปิดโอกาสใดๆ แน่”
เจ้าล่าเยวี่ยคิดไม่ถึงเรื่องเหล่านี้ การตอบสนองของกู้ชิงเร็วมากกว่า จึงกล่าวอย่างตกใจว่า “อาจารย์หมายความว่าเขาจะตัดแขนเพื่อขอชีวิตหรือขอรับ?”
จิ๋งจิ่วกล่าว “ชิงซานได้โอกาสที่จะสังหารเขาอย่างชอบธรรม หากเขาไม่ทำเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร?”
หยวนฉวี่ลืมตาโตถามว่า “นั่นมันเทพกระบี่ซีไห่เชียวนะ บอกจะฆ่าก็ฆ่าได้เลยอย่างนั้นหรือขอรับ?”
จิ๋งจิ่วกล่าว “จริงอยู่ที่มันยาก ดังนั้นชิงซานจึงพาคนไปมากขนาดนี้ เหตุผลสำคัญก็เพื่อบีบให้เขาถอย หลังจบศึกนี้ สำนักกระบี่ซีไห่ก็จะพังทลายลง”
เจ้าล่าเยวี่ยยิ่งฟังยิ่งรู้สึกประหลาดใจ กล่าวว่า “ข้านึกว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เสียอีก”
จิ๋งจิ่วมิได้กล่าวกระไร
ถึงแม้หลังกลับมายังชิงซานเขาจะพูดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่มากอยู่ดี
นอกจากที่เขาคุยกับเจ้าล่าเยวี่ยอยู่เป็นเวลานานที่เมืองเจาเกอครั้งนั้นแล้ว วันนี้นับเป็นวันหนึ่งที่เขาพูดมากที่สุด
เจ้าล่าเยวี่ยเข้าใจแล้ว
เมื่อก่อนเขาขี้เกียจครุ่นคิด มิใช่เพราะคิดไม่เข้าใจ
กู้ชิงกล่าวถามว่า “อย่างนั้นซีหวังซุนเป็นใครกันแน่ขอรับ? ว่ากันว่าเขาเป็นศิษย์น้องของเจี้ยนซีไหล หรือว่าเขาจะเป็นศิษย์ของหนานชวีเช่นเดียวกัน?”
เจ้าล่าเยวี่ยมองจิ๋งจิ่ว ครุ่นคิดถึงเรื่องในเมืองไห่โจวครั้งนั้น
ครั้งนั้นจิ๋งจิ่วเข้าไปหาซีหวังซุนเป็นการเฉพาะ เพียงแต่หลังได้พบแล้วก็รู้สึกผิดหวัง เพราะจิ๋งจิ่วมั่นใจว่าอีกฝ่ายมิใช่คนที่ตนเองกำลังตามหา
จิ๋งจิ่วนิ่งเงียบไม่กล่าวกระไร นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาคิดไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน เหตุใดเมื่อสิบกว่าปีก่อนถึงมีคนอย่างซีหวังซุนปรากฏขึ้นมา?
ในตอนนั้นศิษย์พี่ได้ออกจากชิงซานไปแล้ว ระหว่างทั้งสองจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า?
ความเชื่อใจที่ซีหวังซุนมีต่อหลิ่วสือซุ่ยมาจากไหน?
หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่จริงๆ?
หยวนฉวี่กล่าว “ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ซีหวังซุนจะต้องตายอย่างแน่นอน ปู้เหล่าหลินถูกทำลาย พรรคมารเสื่อมอำนาจ ดูเหมือนโลกบำเพ็ญพรตจะสงบสุขไปอีกหลายปี”
เมื่อได้ยินกับว่าสงบสุข[1] เจ้าล่าเยวี่ยก็มองไปทางจิ๋งจิ่ว
จิ๋งจิ่วรู้ว่าต่อให้โลกแห่งการบำเพ็ญพรตฝ่ายธรรมะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ที่กำจัดไปได้ก็มีเพียงคนระดับกลางและระดับล่างของปู้เหล่าหลินเท่านั้น
คนที่เป็นอันตรายอย่างแท้จริงเหล่านั้น หลิ่วสือซุ่ยไม่มีทางสัมผัสได้
อย่างเช่นคนที่อาจจะปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้
เวลาค่อยๆ เดินไป ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนสี หมู่ดาวมองดูหมู่ยอดเขาอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้บนท้องฟ้าเหนือทะเลสีดำที่อยู่นอกเมืองไห่โจว สถานการณ์กำลังอยู่ในช่วงที่ตึงเครียดที่สุด เจ้าสำนักชิงซานและหยวนฉีจิงปรากฏตัว
จิ๋งจิ่วยืนอยู่ริมผา ในใจครุ่นคิดว่าหากคนผู้นั้นจะปรากฏตัว ก็น่าจะเป็นตอนนี้
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเช่นนี้ พลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งได้ลอยมาถึงยอดเขาเสินม่อ
ข่ายพลังปิดกั้นของยอดเขาเสินม่อเกิดการตอบสนอง เจตน์กระบี่นับหลายร้อยสายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่กลับไม่สามารถบีบให้คนที่แอบซ่อนอยู่ในท้องฟ้ายามค่ำคืนผู้นั้นปรากฏตัวออกมาได้
กู้ชิงและหยวนฉวี่รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของข่ายพลัง พวกเขารีบไปยังริมผา แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ภายในถ้ำ เจ้าล่าเยวี่ยยืนอยู่หน้าตั่งเหมันต์ มองดูแมวสีขาวที่กำลังนอนหลับ ก่อนกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “อาจารย์ปู่ ถึงเวลาตื่นแล้วค่ะ”
……………………………….