CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 139 สวมฉลองพระองค์

  1. Home
  2. มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2
  3. ตอนที่ 139 สวมฉลองพระองค์
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ทำอย่างไรถึงจะสามารถล้มคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อย่างมหาบัณฑิตจางได้? อันที่จริงประวัติศาสตร์ได้ให้คำตอบเอาไว้มากมายแล้ว นั่นก็คือรอเขาตาย แล้วก็ให้ฮ่องเต้ที่เก็บกดความรู้สึกไม่พอใจมาเป็นเวลาหลายปีจัดการคิดบัญชี หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องกระทำในนามของฮ่องเต้

ดังนั้นมหาบัณฑิตเฉินและจินเฉินจึงคิดจะใช้ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการลบหลู่ดูหมิ่นฮ่องเต้ในการกล่าวโทษมหาบัณฑิตจาง แต่การกระทำเช่นนี้ก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่าบาทเสียก่อน เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมต้องแสดงความเคารพต่อฝ่าบาทอย่างเต็มที่ มอบผลประโยชน์ที่มากพอ นอกเสียจากพวกเขาจะคิดก่อกบฎ

แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีความสามารถเช่นนั้น แล้วก็ยิ่งไม่มีความกล้าเช่นนั้น อย่างมากที่สุดพวกเขาก็แค่คิดอยากจะใช้ฮ่องเต้เป็นเครื่องมือในการควบคุมแคว้นฉู่ ดังนั้นเมื่อจิ๋งจิ่วไม่ยอมพบพวกเขา พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แล้วก็ยิ่งไม่สามารถบุกเข้าไปในตำหนักเพื่อค้นหาลัญจกรด้วย — หากทำแบบนั้น ความผิดของพวกเขาจะต่างอะไรกับมหาบัณฑิตจางที่พวกเขากำลังจะกล่าวโทษล่ะ?

โชคดีที่ตอนนี้พระราชวังถูกราชสำนักควบคุมเอาไว้อย่างเข้มงวด ไม่มีพระราชฐานชั้นใน กระทั่งพระพักตร์ของฝ่าบาท พวกขันทีและนางกำนัลเหล่านั้นก็แทบจะไม่เคยได้เห็น เช่นนั้นการจัดฉากอุบัติเหตุที่เหนือความคาดหมายบางอย่างก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร

คืนนี้ลมแรงอากาศแห้ง เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การจุดไฟ

จินเฉิงไม่ได้ออกไปจากศาลาใน เขาทอดตามองข้ามลานแห่งหนึ่งที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรไปยังพระราชวัง รอการปรากฏขึ้นของแสงไฟ

จนกระทั่งช่วงเวลารุ่งสางมาถึง ดวงตาของเขาแห้งจนเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ภายในพระราชวังกลับยังเงียบสงบ ไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น

กระทั่งช่วงเวลาพลบค่ำก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่สัญญาณที่บ่งบอกว่าแผนการล้มเหลวก็ไม่มีแม้แต่น้อย

ขันทีที่มีหน้าที่จุดไฟเหล่านั้นไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ทหารที่เฝ้าประตูวังก็ไม่พบเห็น องครักษ์และเหล่าทหารหลวงก็หาไม่พบ คล้ายกับหายตัวไปเฉยๆ อย่างไรอย่างนั้น

จินเฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกๆ ในก้นบึ้งของหัวใจรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา

เขาใช้ผ้าร้อนเช็ดใบหน้าหลายครั้งเพื่อขับไล่ความง่วงและความหยาวเย็น จากนั้นเดินไปยังเรือนของมหาบัณฑิตเฉิน

ไม่รู้ว่ามหาบัณฑิตเฉินคุยอะไรกับเขา แต่เมื่อดูจากความเคลื่อนไหวภายในวังแล้ว พวกเขาน่าจะยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเผาวัง

ทว่านับแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ฝนฤดูใบไม้ร่วงในเมืองหลวงก็ตกอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้เพียงครู่

อาจเป็นเพราะฝนฤดูใบไม้ร่วง ตำหนักแห่งนั้นจึงยังไม่มีไฟลุกขึ้นมาเสียที

หยาดฝนที่ตกโปรยปรายลงมาจากเมฆที่พาเอาความหนาวเย็นซึมเข้าไปในเสื้อผ้า ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

อารมณ์ของเหล่าขุนนางในราชสำนักย่อมต้องหงุดหงิดที่สุด

ในวันหนึ่ง มหาบัณฑิตเฉินได้แอบบอกเจ้ากระทรวงจินว่า “ได้เวลาแล้ว จะพลาดไม่ได้”

จินเฉิงเข้าใจความหมายของเขา

ทุกเรื่องราวบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง ตำแหน่ง อำนาจ ทรัพย์สมบัติ หรือจะกระทั่งการบำเพ็ญเพียร เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะวกกลับลงมา กระแสสังคมเองก็เช่นเดียวกัน

ตอนนี้ความเกลียดชังที่ประชาชนแคว้นฉู่มีต่อมหาบัณฑิตจางอยู่ในช่วงที่รุนแรงที่สุด หากราชสำนักไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ เมื่อเวลาผ่านไป บัณฑิตและชาวบ้านเหล่านั้นอาจจะเริ่มคิดถึงมหาบัณฑิตที่เคยถูกพวกเขาเหยียบจนจมดินก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะทำอะไรก็จะยิ่งลำบาก

ในคืนวันเดียวกันนั้น มีคนนำเอาข้อความไปบอกแก่คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจางที่อยู่ในคุกหลวงว่าหากเขายอมรับผิดในคดีค้าอาวุธ เรื่องนี้ก็จะยุติลงเท่านี้ ไม่อย่างนั้น…..

คุณชายใหญ่ยั่งอยู่บนกองฟาง คิดถึงวันที่ถูกทหารม้าคุมตัวกลับมาเมืองหลวงวันนั้น เศษผักและน้ำหมึกที่ถูกโยนถูกสาดมาจากสองข้างของถนน ภายในดวงตาเขาค่อยๆ มีความรู้สึกผิดหวังปรากฏขึ้นมา

ก่อนตายท่านพ่อเคยพูดประโยคนั้นเอาไว้จริงๆ หรือ? อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น?

ต่อให้เป็นสิ่งที่ท่านพ่อพูดจริง แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เกรงว่านี่คงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านพ่อมองสถานการณ์ผิดเสียแล้ว

คุณชายใหญ่ตระกูลจางคิดถึงคำพูดที่ตนเองได้เคยพูดกับผู้เป็นบิดาเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเตียง กล่าวขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นบิดาด้วยน้ำตานองหน้าว่าให้คิดถึงเรื่องราวในภายหน้าด้วย หรือเขาอยากจะมองเห็นลูกๆ ของตัวเองต้องตาย ต้องถูกขับไล่? ตอนนั้นพ่อของเขาปฏิเสธคำขอของเขาอย่างเด็ดขาด บอกว่าอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก พวกเขาไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน ภายหลังพ่อของเขายังเป็นคนเนรเทศเขาไปอยู่ทางใต้ด้วยตัวเอง…แล้วดูตอนนี้สิ? ตัวเขาอยู่ในคุกหลวง ดูแล้วคงต้องตายแน่นอน เรือนมหาบัณฑิตถูกล้อมเอาไว้ ดูแล้วคงต้องถูกริบไปแน่

“พวกขุนนางที่อยู่ในราชสำนักล้วนแต่เคยเป็นสหาย เป็นนักเรียนของท่าน แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยากจะขุดเอาท่านขึ้นจากหลุมศพมาโบยจนแทบแย่แล้ว ประวัติศาสตร์ล้วนแต่เป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านถึงมองไม่ออกล่ะ!”

คุณชายใหญ่มองดูผ้าสีขาวแถบนั้นและยาพิษขวดนั้นที่มีคนเอามาวางไว้บนพื้น มุมปากกระตุกขึ้นมา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนบ้า

เขาพลันตะโกนขึ้นมาอย่างดุร้าย “จินเฉิง! เจ้าต้องไม่ตายดี!”

ภายในคุกเงียบสงัด ไม่มีใครมาสนใจเขา มีเพียงเสียงด่าท่อของเขาที่สะท้อนไปมาอยู่ภายในห้องขัง

ผ้าขาวถูกมัดไว้กับด้านบนลูกกรง พลิ้วไหวแผ่วเบา เหมือนกับธงสีขาวที่อยู่บนหลุมศพ

เสียงหักเบาๆ ดังขึ้น

คุณชายใหญ่ร่วงตกลงมาบนกองฟาง สับสนเล็กน้อย จากนั้นควานหาขวดยาพิษขวดนั้นจนเจอ ก่อนจะเปิดมันออกด้วยมือที่สั่นเทาแล้วรีบกรอกมันเข้าไปในปาก

จากนั้นครู่หนึ่ง เขาพบว่าภายในขวดที่เดิมควรจะมียาพิษกลับใส่น้ำเปล่าเอาไว้แทน

ในเวลานี้เขาถึงได้สติขึ้นมา มองไปรอบด้านห้องขังอันมืดมิดด้วยสายตาระแวดระวัง ก่อนจะถามขึ้นมาเสียงเบาๆ ว่า “ใคร?”

คนชุดดำผู้นั้นเดินออกมาจากเงามืด กล่าวว่า “วุ่นวายจริงๆ หวังว่าเจ้าคงจะไม่พยายามเอาหัวชนกำแพงอีกนะ”

คุณชายใหญ่ตกใจ ภายในคุกหลวงของแคว้นฉู่มีการป้องกันแน่นหนา แล้วยังมีข่ายพลังซ่อนอยู่ในกำแพงอีก ต่อให้เป็นยอดฝีมือและผู้บำเพ็ญพรตที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางแอบเข้ามาได้

“เจ้าเป็นใคร?” ทำไมถึงช่วยข้า?”

“ข้าก็เป็นแค่ถูกจ้างมาทำงาน เจ้านึกว่าข้าอยากจะยุ่งเรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ?”

คนชุดดำผู้นั้นแขนขาดข้างหนึ่ง แขนเสื้อห้อยตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับเสียงของเขา “ข้ายังมีเรื่องสำคัญอีกมากที่ต้องไปจัดการ กำลังเตรียมจะไปแคว้นจ้าวเพื่อฆ่าขันทีคนนั้น แล้วก็ไปฆ่าฮ่องเต้ไป๋ แต่กลับถูกคนเรียกมาที่นี่เสียได้”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ม่านตาของคุณชายใหญ่หดเล็กลง กล่าวเสียงสั่นเครือว่า “หรือว่าเจ้าคือคนชุดดำ?”

คนผู้นั้นมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะกล่าวอย่างแปลกใจว่า “เจ้าตาไม่ดีหรือ?”

คุณชายใหญ่กล่าวพึมพำว่า “เจ้ายังไม่ตายหรือนี่”

คนชุดดำที่เขาว่าย่อมมิใช่คนที่สวมชุดสีดำ หากแต่เป็นคำพูดที่คนในโลกนี้ใช้เรียกขานคนผู้หนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อน บนโลกเคยมียอดฝีมือที่ชื่นชอบการต่อสู้และการฆ่าคนปรากฏขึ้นมาผู้หนึ่ง ว่ากันว่าเขาเป็นรองเพียงมั่วกง ความสามารถในการต่อสู้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าสังหารยอดฝีมือในสี่แคว้นใหญ่ไปมากน้อยเท่าไร ในตอนที่ยอดฝีมือผู้นั้นปรากฏตัว เขามักจะสวมชุดสีดำทั้งตัว ดังนั้นจึงถูกคนเรียกว่าคนชุดดำ

ว่ากันว่าภายหลังคนชุดดำได้ออกไปจากภาคกลาง ไปบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบากเพื่อบรรลุสภาวะอยู่ที่ทางตะวันตก ใครจะไปคิดบ้างว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง

คุณชายใหญ่จ้องมองดวงตาเขาพลางกล่าวว่า “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้า ทำไมเจ้าต้องช่วยข้า?”

คนชุดดำมิได้สนใจเขา หากแต่ทำลายลูกกรงเหล็ก ฟาดเขาจนสลบแล้วหามออกไป — จากการแจ้งเตือนของนกชิงเหนี่ยวทำให้เขารักษาชีวิตของคนที่อยู่ในคุกหลวงเหล่านี้ได้ นายพลผู้นั้นและขุนนางที่เหลือนั้นมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ไม่มีทางคิดฆ่าตัวตาย คุณชายใหญ่ผู้นี้ค่อนข้างยุ่งยากจริงๆ จัดการแบบนี้ง่ายที่สุดแล้ว

จัดการเรื่องราวหยาบๆ ง่ายๆ เช่นนี้ คนชุดดำย่อมต้องเป็นจัวหรูซุ่ย

แต่ต่อให้เป็นมือสังหารที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะเผชิญหน้ากับราชสำนักตรงๆ ได้

จัวหรูซุ่ยพาคุณชายใหญ่ที่สลบไสลออกมาจากคุกหลวง ก่อนจะหายไปในเมืองหลวงของแคว้นฉู่ คล้ายกับน้ำหยดหนึ่งที่หยดลงไปในมหาสมุทร ไม่ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมใดๆ

ลมฝนในฤดูใบไม้ร่วงน่าหงุดหงิดเหมือนอย่างที่ผ่านมา ข่าวคราวที่คุณชายใหญ่หนีคุกมิได้ทำให้ขุนนางภายในราชสำนักกังวลใจ ในทางกลับกัน พวกเขากลับรู้สึกสบายใจขึ้น

เช่นนี้แล้ว พวกเขาก็จะได้เดินหน้าต่อไปได้

พวกเขาสามารถใช้เรื่องนี้ในการเข้าค้นเรือนมหาบัณฑิต เชื่อว่าต่อให้หาลัญจกรไม่เจอ ต่อให้ฝ่าบาทไม่ยอมออกหน้า สุดท้ายพวกเขาก็ยังประหารตระกูลจางได้

……

……

จินเฉิงผู้เป็นเจ้ากระทรวงพิธีการเดินทางมายังด้านนอกเรือนมหาบัณฑิตด้วยความคิดเช่นนี้

ประตูใหญ่ของเรือนมหาบัณฑิตถูกกระแทกจนเปิดออก ทหารนับหลายร้อยนายกรูกันเข้าไปยึดสถานที่สำคัญต่างๆ เอาไว้ อีกทั้งยังเริ่มค้นหา ภายในเรือนตกอยู่ในความวุ่นวาย ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยกล่องลังที่ถูกรื้นค้น ชั้นวางต้นไม้ที่พลิกล้มและเสียงร่ำไห้ กระทั่งภูเขาปลอมที่อยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลังก็ยังถูกขุดขึ้นมา เผยให้เห็นห้องลับที่เต็มไปด้วยทองแท่ง

จินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยพอใจ กล่าวกำชับกับลูกน้องที่อยู่ข้างกายว่า “ทำอะไรระวังหน่อย อย่าทำให้เหล่าฮูหยินตกใจ”

เหล่าลูกน้องตอบรับอย่างพร้อมเพรียง แต่ในใจกลับบ่นไม่หยุด พวกเขาครุ่นคิดในใจว่าในอดีตท่านเป็นลูกศิษย์ที่มหาบัณฑิตให้ความสำคัญมากที่สุดแท้ๆ หรือตอนนี้ท่านยังจะเสแสร้งต่อไปอีก?

ในส่วนลึกของเรือนมหาบัณฑิตมีเสียงด่าทอดังขึ้นมา แล้วยังมีเสียงวัตถุหนักๆ ตกลงบนพื้น คิ้วของเจ้ากระทรวงจินยิ่งขมวดมากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเดินเข้าไปทางนั้น

ลูกน้องอธิบายเสียงเบาอยู่ข้างๆ ว่า “เรือนพักด้านหลังเราควบคุมเอาไว้ได้แล้วขอรับ เพียงแต่เรือนที่เหล่าฮูหยินพักอยู่ลงมือไม่ค่อยสะดวกขอรับ”

เจ้ากระทรวงจินมิได้หยุดฝีเท้า กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ของวางเอาไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

ลูกน้องผู้นั้นกล่าวเสียงเบากว่าเดิมว่า “อยู่ด้านล่างสุดของลังเสื้อผ้า ไม่มีปัญหาขอรับ”

เจ้ากระทรวงจินส่งเสียงอืม มิได้กล่าวกระไร หากแต่รีบเดินไปยังด้านนอกเรือนพักของเหล่าฮูหยิน

เรือนด้านหลังนั้นยิ่งวุ่นวาย สาวใช้หลายคนถูกผลักจนล้มลงกับพื้น หน้าผากกระแทกจนเลือดออก ทุกที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและผ้าต่างๆ

เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตาของเจ้ากระทรวงจินเผยให้เห็นความรู้สึกปวดใจ

เรือนมหาบัณฑิตนี้เขาเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว เรือนด้านหลังเองก็เข้ามาบ่อยๆ ก่อนหน้าที่ไม่นานเขายังเข้ามาที่นี่เพื่อป้อนยาให้แก่ผู้เป็นอาจารย์

ลูกน้องสองสามคนเมื่อเห็นสีหน้าเขา จึงกล่าวเตือนขึ้นมาสองสามประโยค อย่างเช่นบ้านเมืองสำคัญกว่า อย่างเช่นท่านเจ้ากระทรวงเป็นอย่างไรบ้าง…

เจ้ากระทรวงจินสีหน้าผ่อนคลายเล็กน้อย มองดูภาพที่วุ่นวายรอบกาย ก่อนจะยิ้มเหมือนยิ้มเยาะตัวเองขึ้นมา

เสื้อผ้าชุดนั้นคือฉลองพระองค์

ในเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา เขาคอยกล่อมให้อาจารย์ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้มาโดยตลอด แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ไม่เคยเห็นด้วย

ตอนนี้อาจารย์ตายแล้ว ตัวเองยังเตรียมฉลองพระองค์เอาไว้ให้เขาชุดหนึ่ง ถือว่ากตัญญูอย่างมากแล้วล่ะ

ภายในห้องของเหล่าฮูหยินมีลังไม้สาลี่ใบใหญ่อยู่ใบหนึ่ง ที่ก้นลังนั้นมีฉลองพระองค์ตัวนั้นอยู่

เจ้ากระทรวงจินมองดูประตูห้องที่ปิดสนิท จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองพลางกล่าวว่า “อาจารย์หญิง โปรดเปิดประตูด้วย”

ภายในห้องคล้ายมีเสียง แต่กลับไม่มีใครเปิดประตู

เวลาค่อยๆ ผ่านไป สีหน้าของเจ้ากระทรวงจินค่อยๆ เย็นยะเยือก เขากล่าวเสียงแข็งว่า “พังประตู!”

ทหารสิบกว่านายเดินขึ้นไปบนบันไดโดยไม่สนใจเรียงร่ำไห้และเสียงด่าทอของสาวใช้เหล่านั้น จากนั้นกระแทกประตูบ้านนั้นจนเปิดออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะกรูกันเข้าไป

แต่ว่าทหารเหล่านั้นกลับถอยออกมาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้ามีสีหน้าแปลกๆ คล้ายมองเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

ภายในห้องมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง มองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่ฉลองพระองค์สีเหลืองที่อยู่บนร่างกายกลับสะดุดตาเป็นอย่างมาก

เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองมองดูฉลองพระองค์ชุดนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที ในใจครุ่นคิดว่า เสื้อผ้าแอบซ่อนเอาไว้ใต้ลัง ทำไมถึงถูกคนหาพบได้ อีกทั้งยังเอามาใส่อยู่บนตัว? แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร การเอาฉลองพระองค์มาสวมใส่ก็มีโทษถึงตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังเดินออกมาจากในห้องของเหล่าฮูหยิน เรือนมหาบัณฑิตจะบอกปัดความเกี่ยวข้องนี้อย่างไร?

“กล้าดียังไงถึงเอาฉลองพระองค์มาสวมใส่! จับเจ้าสารเลวผู้นี้มาให้ข้า!”

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นออกคำสั่งด้วยเสียงดุดัน แต่กลับไม่ได้สังเกตถึงความเคลื่อนไหวข้างกาย

เมื่อเห็นชายที่สวมฉลองพระองค์ผู้นั้น ใบหน้าของเจ้ากระทรวงจินค่อยๆ ขาวซีด

ชายผู้นั้นยกสองมือขึ้นมาสางผมที่อยู่ตรงหน้า เผยให้เห็นใบหน้าที่สง่างาม ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าพเจ้าเป็นฮ่องเต้ ไม่ให้สวมฉลองพระองค์แล้วจะสวมอะไร?”

………………………………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 139 สวมฉลองพระองค์"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์