มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 63 หมื่นล้านจักรพรรดิแห่งหมิง
คุกสะกดมารก็คือชางหลง
ที่นี่ย่อมต้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
ลึกลงไปใต้ดินหลายสิบลี้คือความมืดมิด แต่เบื้องหน้ากลับคล้ายมีแสงสว่างอยู่
แสงสว่างนั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของหุบเหวลึก คือโลกเบื้องหน้าที่อยู่ไกลแสนไกล ไม่รู้ว่านั้นคือเปลวเพลิงในแม่น้ำหมิงหรือว่าเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
ลมพายุพัดเสื้อผ้าของจักรพรรดิแห่งหมิง ส่งเสียงดังเบาๆ
เสื้อผ้าที่เคยเต็มไปด้วยสีสันต่างๆ ไม่รู้กลายเป็นสีดำตั้งแต่เมื่อไร
ร่างกายของเขาค่อนข้างเตี้ยเล็ก แต่กลับดูสง่างามน่าเกรงขาม คล้ายเป็นราชาแห่งโลก
จักรพรรดิแห่งหมิงมองดูหุบเหวลึกอย่างเงียบๆ ทางด้านนั้นคือบ้านเกิด คือแม่น้ำในวัยเด็ก คือผู้คนที่จงรักภักดี
เขามองดูมันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
ความรู้สึกที่ลึกซึ้งคือพลังอย่างหนึ่ง
พลังที่ไร้รูปลักษณ์นี้ได้ขวางกั้นความเสียหายจากลมพายุเอาไว้ ทำให้เขาเชื่อมต่อกับโลกใต้ดินที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหุบเหวลึกได้อย่างแนบแน่น
เมื่อมีพลังนี้คอยส่งเสริม จักรพรรดิแห่งหมิงก็กลายเป็นเหมือนสมอเหล็ก ทำให้เรือขนาดใหญ่ลอยอยู่นิ่งๆ ในมหาสมุทรที่มีลมพายุคลุ้มคลั่ง กลายเป็นเหมือนตะปูที่ตอกยึดหางของชางหลงเอาไว้ในส่วนลึกใต้ดิน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร การสั่นสะเทือนบนพื้นแผ่กระจายมาถึงที่นี่ หน้าผารอบด้านมีเศษหินร่วงตกลงมา
จักรพรรดิแห่งหมิงมองดูอีกฝั่งหนึ่งของหุบเหวลึกอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะหมุนตัวมองมาทางอุโมงค์ที่ทอดยาว
ลมพายุโหมกระหน่ำ ชายชราที่ก่อรูปขึ้นมาจากดวงจิตของชางหลงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจักรพรรดิแห่งหมิง
ในเวลานี้ชายชราเลือดท่วมกาย เสื้อผ้าขาดวิ่น สภาพดูแย่ยิ่งนัก
ชายชรามองดูจักรพรรดิแห่งหมิง สีหน้าค่อนข้างแปลกใจ กล่าวว่า “ที่แท้เจ้าออกมาแล้วจริงๆ”
จักรพรรดิแห่งหมิงยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “ถูกต้อง”
ชายชราเอามือกุมหน้าผากที่มีเลือดไหล นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
จากนั้นเขาพลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา กล่าวว่า “แล้วยังไง? หรือเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีออกไปได้?”
จักรพรรดิแห่งหมิงกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าออกไปไม่ได้ เจ้าเองก็ออกไปไม่ได้”
“เจ้าอยู่ในท้องข้ามาหกร้อยปี ตัดขาดจากฟ้าดิน เพลิงวิญญาณถูกดูดออกไปทั้งวันทั้งคืน เวลาเพียงสามปีไม่พอจะให้เจ้าฟื้นฟูพลังมาสู้กับข้าได้”
ชายชราจ้องมองดวงตาของเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
จักรพรรดิแห่งหมิงยังคงยิ้มเล็กน้อย เนื่องเพราะไม่มีขนคิ้ว จึงดูค่อนข้างน่ารัก
“จริงอยู่ที่สภาวะของเจ้าสูงส่ง มีชีวิตอยู่มานานมากกว่า ดวงจิตสามารถก่อเป็นร่างขึ้นมาได้ แต่การที่จะใช้ดวงจิตมาสังหารข้า มันยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ไม่อย่างนั้นเจ้าคงจะสังหารชายหนุ่มผู้นั้นไปแล้ว ไหนเลยจะใช้วิธีที่โง่เขล่าและป่าเถื่อนเช่นนี้ได้? เช่นนั้นขอเพียงอยู่ในร่างกายเจ้า ข้าก็จะปลอดภัย”
ชายชราถอนใจ กล่าวว่า “ตอนนี้พอกลับมาคิดดูแล้ว วันนี้ข้าโง่จริงๆ นั่นแหละ ไม่เพียงแต่จะเสียหน้า แต่ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักด้วย อาจจะต้องกินนักโทษสักสองสามร้อยคนถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ แต่ว่า…พวกเจ้าทำแบบนี้มันมีประโยชน์อะไรล่ะ? สุดท้ายพวกเจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้ พอพวกเขามาแล้ว เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
ขอเพียงจักรพรรดิแห่งหมิงยังอยู่ในร่างกายชางหลง ชางหลงก็ยากที่จะฆ่าเขาได้ แต่ชางหลงสามารถให้ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์เข้ามาในร่างกายของมันเพื่อฆ่าเขาได้
สีหน้าของจักรพรรดิแห่งหมิงไม่มีความหวาดกลัวใดๆ เขายังคงยิ้มอยู่ จากนั้นกล่าวว่า “เจ้ามั่นใจหรือว่าจะทนไปถึงตอนนั้นได้?”
ชายชราไม่เข้าใจความหมายของเขา ในใจครุ่นคิดว่าด้วยสภาวะของเจ้าในตอนนี้ หรือเจ้าคิดว่าจะฆ่ามังกรได้?
ในขณะที่พูดคุยกันนี้ สองมือของจักรพรรดิแห่งหมิงไพล่อยู่ด้านหลังตลอด จนกระทั่งในเวลานี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทันใดนั้น เพลิงวิญญาณขนาดเล็กและดูอ่อนแรงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดออกมาจากร่างกายของเขา
หากมองดูดีๆ จะเห็นได้ว่าเพลิงวิญญาณเหล่านั้นมีรูปร่างเป็นคน ร่างกายดูสลัว เปลวเพลิงสว่างเล็กน้อย ใบหน้าคล้ายคลึงกับจักรพรรดิแห่งหมิง ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีขนคิ้วด้วย
เพลิงวิญญาณทุกดวงคล้ายจักรพรรดิแห่งหมิงตัวน้อยที่สวมชุดสีดำ
เมื่อเห็นภาพนี้ ชายชราสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขากล่าวว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
จักรพรรดิแห่งหมิงยิ้มๆ มิกล่าวกระไร มือขวายื่นออกมาจากด้านหลัง เหวี่ยงไปด้านหน้าเบาๆ คล้ายแม่ทัพกำลังออกคำสั่งให้กองทหารม้านับหมื่นนับพันที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเปิดฉากโจมตี
เพลิงวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนแปลงกลายเป็นจักรพรรดิแห่งหมิงตัวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน บินฝ่าลมพายุเข้าไปยังอุโมงค์ที่ทอดยาว ก่อนจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน เพลิงวิญญาณเหล่านั้นก็มาถึงคุกสะกดมาร — หรือก็คือทุกซอกทุกมุมภายในท้องของชางหลง
ในที่ต่างๆ เหล่านั้น บ้างก็เป็นรอยถูกกระบี่ัฟัน บ้างก็มีผาหินพังถล่มลงมา นั่นล้วนแต่เป็นรอยบาดแผลที่กระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วทิ้งเอาไว้
น้ำที่มีพิษอย่างรุนแรงยังคงกัดกินเข้าไปในบาดแผลเหล่านั้น
จักรพรรดิแห่งหมิงตัวเล็กๆ เหล่านั้นมุดเข้าไปในบาดแผลเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล
เสียงซู่ๆ ดังขึ้นทั่วทุกที่ในคุกสะกดมาร บาดแผลเหล่านั้นถูกเพลิงวิญญาณเผาไหม้ เปล่งแสงตะคุ่มๆ คล้ายกับดวงวิญญาณที่ลอยอยู่ในป่าช้า
ความมืดถูกส่องสว่าง เหล่านักโทษภายในคุกสะกดมารตื่นขึ้นมา ต่างคนต่างมาเกาะอยู่หน้าประตู มองดูเปลวไฟเหล่านั้น ในดวงตาเผยให้เห็นความปรารถนาอันแรงกล้า
ในส่วนลึกของคุกสะกดมาร จักรพรรดิแห่งหมิงมองดูชายชราอย่างเงียบๆ มิได้กล่าวกระไร
เขายืนอยู่ที่นี่ แต่กลับเปิดฉากโจมตีในที่อื่นๆ แล้ว
นี่คือบัญชาเพลิงวิญญาณระดับสูงสุดที่แท้จริง
สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เขากล่าวเสียงสั่นว่า “เจ้ากล่าทำเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ!”
จักรพรรดิแห่งหมิงกล่าวว่า “คนอื่นทำอย่างไรกับเจ้า เจ้าก็ควรตอบแทนอีกฝ่ายเช่นนั้น นี่คือหลักมารยาท”
จิ๋งจิ่วเคยกล่าวคำพูดทำนองนี้
นี่คือหลักการและความเคยชินของคนอย่างพวกเขา
ในอดีตจักรพรรดิแห่งหมิงมายังโลกมนุษย์ เตรียมจะวางแผนที่จะอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างสงบสุข คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนที่ข้อตกลงใกล้จะบรรลุ เผ่าพันธุ์มนุษย์กลับทรยศหักหลังอย่างไร้ยางอาย จับเขาเข้าคุกสะกดมาร
ถูกขังเอาไว้หกร้อยปี
หุบเขาสีเขียวแห่งนั้นคือสิ่งลวงตา คุกอันดำมืดต่างหากคือความจริง
ในวันเวลาหกร้อยปีไม่มีความหนาวเหน็บ แต่ทุกวันเขาต้องแบกรับเรื่องที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่านั้น
—-การกัดของยุงเหล่านั้นและความรู้สึกผิดต่อเผ่าหมิง
วันนี้จักรพรรดิแห่งหมิงจะทำให้บางส่วนในความทุกข์ทรมานนั้นจบสิ้นลง ขณะเดียวกันก็จะมอบความทุกข์ทรมานอีกส่วนให้แก่อีกฝ่าย
สำหรับชางหลงแล้ว กระบี่เซียนแห่งยมโลกของจิ๋งจิ่วคือยุง
บัญชาเพลิงวิญญาณของจักรพรรดิแห่งหมิงคือยุงที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้น
เพียงแค่พริบตา ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นขาวซีดดุจหิมะ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมา
บาดแผลเล็กๆ เหล่านั้นทั้งเจ็บปวดและคัน แล้วในเวลานี้ยังมาถูกเพลิงวิญญาณเผาไหม้อีก อย่าว่าแต่เขาเลย เกรงว่าต่อให้ฉานจึมาเองก็คงจะทนไม่ไหว
ในเวลานี้ชายชราถึงเข้าใจความหมายของคำพูดของจักรพรรดิแห่งหมิงประโยคนั้น
—- เจ้ามั่นใจหรือว่าจะทนไปถึงตอนนั้นได้?
ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ใกล้มาถึงเมืองเจาเกอ
ชางหลงสามารถเอาพวกเขาเข้ามาในท้องของตัวเองได้ทุกเมื่อ
เมื่อถึงตอนนั้นจักรพรรดิแห่งหมิงจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่เขาจะทนต่อการเผาของเพลิงวิญญาณเหล่านี้ไปได้ถึงตอนนั้นหรือเปล่า?
“ข้าว่าพวกเราคุยกันได้นะ”
ชายมองดูจักรพรรดิแห่งหมิงพลางกล่าว สายตาดูจริงใจเป็นอย่างมาก
……
……
ฝุ่นควันสงบลง ลมรุนแรงพัดขึ้นมาอีกครั้ง
วิชาของสำนักจงโจวอันแข็งแกร่งถูกใช้ออกมาพร้อมกัน
รอยแตกบนพื้นค่อยๆ ลึกขึ้น น้ำในทะเลสาบไหลกลับไป
ผิวน้ำในรูขนาดใหญ่ค่อยๆ ลดลง เริ่มมองเห็นเงาอันดำมืดที่อยู่ในส่วนลึกได้
เยวี่ยเชียนเหมินหยุดใช้พลัง พุ่งตัวไปยังขอบรูยักษ์ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของเทพมังกรที่ค่อนข้างอ่อนแรง โชคดีที่พลังชีวิตยังคงเต็มเปี่ยม
เขามองไปยังบัณฑิตชุดน้ำเงินทางด้านหลังผู้นั้น กล่าวถามว่า “ท่านเจ้าเรือนมาหรือยัง?”
บัณฑิตชุดน้ำเงินแซ่สวี่ เป็นยอดฝีมือของเรือนอี้เหมา เป็นแขกของตำนักองค์ชายจิ๋งซินเหมือนอย่างเขา หรือเรียกได้อย่างคือคอยรับใช้
บัณฑิตสวี่รับรู้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “อีกสิบเจ็ดอึดใจ”
ขณะที่ฟังคำพูดนี้ ในที่สุดเยวี่ยเชียนเหมินก็โล่งใจ
เพราะเขารู้ว่าท่านเจ้าสำนักได้มาถึงแล้ว
……
……
พระอาทิตย์ยามเช้าลอยขึ้นมาทางตะวันออก ทางด้านตะวันตกถูกส่องสว่างก่อน ในนั้นพลันมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา ดูโดดเด่นแต่กลับไม่แสบตา กลายเป็นส่วนหนึ่งกับท้องฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติ
คนมาจากฟ้าดิน เช่นนั้นย่อมต้องสามารถรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดินได้ นี่คือสภาวะขั้นสูงสุดของหลบหนีฟ้าดิน
ตรงนั้นย่อมต้องเป็นเจ้าสำนักจงโจว — นักพรตถาน