มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 82 น้ำขึ้นแล้วก็ลง (2)
เช้าตรู่วันนี้ ลำแสงกระบี่สองสายปรากฏขึ้นโดยไม่มีเค้าลางบอกเหตุ ฟาดฟันแสงอาทิตย์ยามเช้าจนแหลกละเอียด
การต่อสู้ของเทพกระบี่ซีไห่และเผยไป๋ฟ่าเริ่มขึ้นแบบนี้
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ท้องทะเลเกิดคลื่นยักษ์
เพียงพริบตา เรือประมงของเขาก็ถูกคลื่นยักษ์กระแทกจนแตกกระจาย จมลงไปใต้ท้องทะเล
เหอจานไม่กล้าบินขึ้นไป เขากอดแผ่นไม้แผ่นนึงเอาไว้ ลอยคออยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่ซัดสาดไม่หยุด
เขารับรู้ได้ถึงเจตน์กระบี่ที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวสองสายบนท้องฟ้านั้น รู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนมดตัวหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
จนกระทั่งในเวลานี้เขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าโลกแห่งการบำเพ็ญพรตให้ความเคารพแก่ผู้แข็งแกร่ง ตัวเอกที่แท้จริงนั้นมีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้น
ในเรื่องเล่านี้เขาไม่มีสิทธิ์เป็นตัวเอก
แต่เดิมทีเขาก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีความสามารถเข้าร่วมในแผนการสังหารเทพกระบี่อยู่แล้ว เขาเพียงแต่อยากจะมาดู ดูว่ามีอะไรที่ตนเองพอจะช่วยได้บ้าง
ส่วนจะช่วยอย่างไรเขาเองก็ไม่รู้ จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าแผนการของถงเหยียนที่ดูเรียบง่ายอย่างมากแผนนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
น้ำทะเลกระแทกใส่ร่างกายเขาไม่หยุด ทำให้ความคิดและอารมณ์ของเขาค่อนข้างสับสน
ท่านเผยลงมือแล้ว เป็นถงหลูหรือว่าซูจึเย่ที่ล่อลวงขั้นสุดท้ายได้สำเร็จ? พวกเขาทั้งสองคนถูกจับได้หรือเปล่า? พวกเขาเตรียมจะหนีออกมาตอนไหน? เออใช่ ผ้าธารชำระของตนเองนั่งได้กี่คนกันแน่? เมื่อก่อนมักจะไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เคยมีโอกาสได้ลองมาก่อน รู้อย่างนี้น่าจะไปที่ต้าเจ๋อก่อน
เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ทันใดนั้นพลันพบว่าคลื่นที่กระแทกเข้ามาจากด้านหน้ามีขนาดเล็กลงเล็กน้อย
เมฆหมอกสลายไป มองเห็นท้องฟ้าสีคราม
เหอจานเงยหน้ามองท้องฟ้า
คนผู้หนึ่งร่วงตกลงมาจากดินแดนแห่งความว่างเปล่าที่อยู่สูงขึ้นไป
หลังจากนั้นครูหนึ่ง ก็มีคนอีกผู้หนึ่งร่วงตกลงมาจากดินแดนแห่งความว่างเปล่า
ทั้งสองคนทยอยร่วงตกลงไปในทะเล น้ำแตกกระเซ็นขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยๆ จมลงสู่ใต้ทะเล
ในหมู่เกาะซีไห่ที่อยู่ไกลออกไป คล้ายมีลำแสงกระบี่หลายสิบสายส่องสว่างขึ้นมา
……
……
จากใต้ทะเลอันมืดมิดมองขึ้นไปยังผิวทะเล ก็คล้ายกับการมองดูท้องฟ้าจากก้นบ่อน้ำ
สำหรับกบแล้ว ท้องฟ้าผืนนั้นคือสิ่งที่ทำได้เพียงมอง แต่ไม่อาจสัมผัสได้ ทว่าสำหรับคนที่อยู่ในท้องฟ้าเองก็ยากจะพบเห็นตัวมันที่อยู่ในเงามืดภายใต้บ่อน้ำได้เช่นกัน
กระบี่เหล็กอยู่ใต้ทะเล ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยของมัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุ้มแมวขาวเอาไว้หรือเปล่า กู้ชิงจึงรู้สึกว่าพลังวิญญาณของตนเองเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา ไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจเลยแม้แต่น้อย
ระลอกคลื่นบนผิวน้ำค่อยๆ สงบนิ่ง กลับคืนสู่ความสงบ จากนั้นมีสะเก็ดน้ำแตกกระจายอีกสองครั้ง
เผยไป๋ฟ่าตกลงมาในทะเล
เทพกระบี่ซีไห่เองก็ตกลงมา
กู้ชิงใบหน้าขาวซีด มือขวาร่ายเคล็ดกระบี่ พร้อมลงมือทุกเมื่อ
จิ๋งจิ่วมิได้มีทีท่าว่าจะลงมือ เขาเพียงแต่มองดูใต้ทะเลที่อยู่ข้างหน้าอย่างเงียบๆ
เทพกระบี่ซีไห่ค่อยๆ จมลงไปข้างล่าง
ร่างกายอันสูงใหญ่ของเขานอนขวางอยู่ในทะเล ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก คล้ายรูปปั้นแกะสลักองค์หนึ่ง
เจตน์กระบี่เล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่รอบร่างกายเขา มองดูคล้ายกระแสไฟฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
น้ำทะเลไหลเวียนอยู่รอบร่างกายเขาอย่างอ่อนโยน เหล่าอสูรทะเลที่ดุร้ายพากันหนีห่างออกไป ดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
แสงอาทิตย์ส่องทะลุน้ำทะเล กระทบลงมาบนใบหน้าเขา ส่องประกายเป็นสีขาวราวกับหยก ใบหน้าดูค่อนข้างแข็งทื่อ
เขาจมลงไปใต้ท้องทะเลอย่างช้าๆ ดวงตาปิดสนิท ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน คล้ายนอนหลับไปอย่างไรอย่างนั้น
ใต้ท้องทะเลที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ เผยไป๋ฟ่าเองก็จมลงไปใต้ท้องทะเลเช่นกัน
ดวงตาของเขาเองก็ปิดสนิทเช่นกัน ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน ผมสีขาวที่แผ่กระจายพริ้วไหวอยู่ในน้ำทะเล โลหิตถูกน้ำทะเลชะล้างออกไป
การต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นทะลวงสวรรค์สองคน หรือผลสุดท้ายจะบาดเจ็บสาหัสกันทั้งสองฝ่าย
บนผิวน้ำทะเลทางด้านตะวันตกมีลำแสงกระบี่หลายสิบสายปรากฏขึ้นมา ทันทีที่ออกจากหมู่เกาะก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกพุ่งเข้ามาหาเทพกระบี่ซีไห่ น่าจะเตรียมเข้าช่วยเหลือ อีกกลุ่มพุ่งไปยังตำแหน่งของเผยไป๋ฟ่า เจตนาชัดเจนเป็นอย่างมาก
กู้ชิงมองจิ๋งจิ่วอีกครั้ง ดวงตาเบิ่งโต ในใจครุ่นคิดว่าตอนนี้ต้องลงมือแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านเผยต้องตายอย่างแน่นอน!
แม้แต่แมวขาวในเวลานี้ก็ยังยื่นอุ้งเท้าออกมาสะกิดจิ๋งจิ่วเล็กน้อย — มันไม่ได้มองเผยไป๋ฟ่า หากแต่จ้องมองไปทางเทพกระบี่ซีไห่ ในใจครุ่นคิดว่าในเมื่อคนผู้นี้คือศัตรูคนสำคัญของสำนักชิงซาน โอกาสดีๆ เช่นนี้จะพลาดไปได้อย่างไร เจ้าน่าจะให้ข้าเข้าไปสังหารเขาเสีย
จิ๋งจิ่วไม่ได้สนใจกู้ชิง
เขาเองก็กำลังมองดูเทพกระบี่ซีไห่ แต่สายตากลับไม่ได้อยู่บนร่างกายของเทพกระบี่ซีไห่ คล้ายกลัวว่าจะทำให้อะไรบางอย่างรู้ตัวเข้า มือขวากดแมวขาวเอาไว้แน่น
……
……
กระบี่บินที่พุ่งออกมาจากหมู่เกาะซีไห่แยกออกเป็นสองกลุ่ม
เหล่าลูกศิษย์และผู้อาวุโสที่มีสถานะค่อนข้างสูงและค่อนข้างแข็งแกร่งย่อมต้องไปช่วยเจ้าสำนัก ส่วนคนอื่นที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังที่ที่ไกลออกไป
สังหารเผยไป๋ฟ่าย่อมต้องเป็นคุณงามความดีอันใหญ่หลวง แต่ก็เป็นอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นใครบ้างที่ไม่อยากให้เจ้าสำนักลืมตาขึ้นมาแล้วมองเห็นตนเป็นคนแรก?
ซูจึเย่เข้ามายังสำนักกระบี่ซีไห่ในฐานะแขกที่เข้ามาสวามิภักดิ์ ในช่วงเวลาสองปีนี้ค่อนข้างได้รับความชื่นชมจากเทพกระบี่ ดังนั้นย่อมไม่เป็นที่ชื่นชอบของเราศิษย์ในสำนักกระบี่ซีไห่เท่าไหร่ ปกติมักจะถูกกีดกัน
ในเวลานี้เขาย่อมต้องมุ่งหน้าไปหาเผยไป๋ฟ่า
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เขากับศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่สิบกว่าคนก็มาถึงทะเลทางด้านนั้น
กระบี่บินฟันลงไปยังผิวทะเล เพลงกระบี่กระเเสนํ้าซ่อนของสำนักกระบี่ซีไห่แสดงอานุภาพออกมาได้อย่างรุนแรงในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เพียงครู่ก็แหวกน้ำทะเลออก เผยให้เห็นร่างของเผยไป๋ฟ่า
สีหน้าของซูจึเย่ยิ่งดูเขียวคล้ำ ไอพลังพลันเย็นยะเยือก ยื่นมือไปดึงเผยไป๋ฟ่าขึ้นมาจากในทะเล
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ซีไห่ยังคงไม่รู้ตัว
ใบไม้สีเขียวใบหนึ่งบินออกมาจากในปากของซูจึเย่ ก่อนจะขยายใหญ่กลายเป็นเรือบินลำหนึ่งที่มีสีเขียวหยกทั้งลำ พริบตาก็แหวกอากาศพุ่งออกไป มุ่งหน้าออกไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว!
เหล่าศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ถึงได้รู้ว่าซูจึเย่นั้นมาช่วยคน!
บนผิวน้ำทะเลมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา ทุกคนขี่กระบี่ไล่ตาม แต่ไหนเลยจะคิดบ้างว่าจู่ๆ ในน้ำทะเลพลันมีกำแพงน้ำแถบหนึ่งปรากฏขึ้นมา ขวางหน้าพวกเขาเอาไว้
ในกำแพงน้ำแถบนั้นมีสีเขียวจางๆ คล้ายกับปะปนไว้ด้วยหญ้าทะเลจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็นคาวแปลกๆ น่าจะแฝงไว้ด้วยพิษที่ร้ายแรง
เหล่าศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่หลบไม่พ้น พุ่งชนเข้ากับกำแพงน้ำ พากันร่วงตกลงมา ไม่มีใครที่จะไล่ตามไปอีก ต่างคนต่างรีบรักษาใจแห่งเต๋า ปกป้องตานของตนและขับพิษ
……
……
เหล่าศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ที่เหลือพุ่งลงไปยังใต้ทะเล มาถึงข้างกายเทพกระบี่ซีไห่
ถงหลูอยู่ด้านหน้าสุด
เขาไม่ได้เป็นคนที่มีความอาวุโสสูงสุดและแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาเป็นศิษย์ที่เทพกระบี่ให้ความสำคัญที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแย่งชิงตำแหน่งนี้กับเขา
แสงอาทิตย์ตกกระทบลงมาบนใบหน้าเทพกระบี่ซีไห่ ดูค่อนข้างขาวซีด
เมื่อเห็นอาจารย์ที่คล้ายกำลังหลับลึก สีหน้าของถงหลูยิ่งดูขาวซีด ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขัดแย้งและเจ็บปวด สองมือสั่นไหวขึ้นมาเบาๆ กระบี่ประจิมเหน็บหนาวที่อยู่ใต้เท้าส่งเสียงดังหวึ่งๆ
ในที่สุดก็มีคนพบเห็นความผิดปกติ จึงกล่าวตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เทพกระบี่ซีไห่ยังคงหลับตา คล้ายไม่รับรู้ถึงอะไร
ในน้ำทะเลถูกลำแสงกระบี่ส่องสว่าง เจตน์กระบี่ที่รุนแรงและต่อเนื่องไม่ขาดสายพุ่งเข้ามาจากรอบทิศ
ไหล่ซ้ายของถงหลูถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ ถอยห่างออกไปหลายร้อยจ้าง เสียโอกาสที่ดีที่สุดไป
ศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ทุกคนจ้องมองถงหลูที่มือขวาถือกระบี่อยู่ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกระมัดระวังและความรู้สึกเหลวไหล
เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาศิษย์หนุ่มสาวของสำนักกระบี่ ได้รับความรักใคร่จากเจ้าสำนัก แม้นในศึกลานเมฆครั้งนั้นจะแสดงฝีมือออกมาได้แย่มาก เจ้าสำนักก็มิได้ต่อว่าอะไร…แต่ตอนนี้เจ้ากลับคิดจะฆ่าเจ้าสำนัก! หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าเจ้าสำนักคืออาจารย์ของเจ้า! สารเลวชั่วช้ายิ่งนัก!
ไม่มีใครคิดถึงว่าหลังจากนั้นยังมีเรื่องที่เหลวไหลยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นอีก
ศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ผู้หนึ่งไม่รู้ว่าเข้ามาใกล้เทพกระบี่ซีไห่ตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นฟาดฝ่ามือไปที่กลางหน้าอกเขา!
……
……
เทพกระบี่ซีไห่ลืมตาขึ้นมา!
สายตาเขาดูเฉยชา
……
……
เสียงหวึ่งทึบๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
น้ำทะเลหมุนวนคลุ้มคลั่ง
เจตน์กระบี่เกรี้ยวกราด
ศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ที่อยู่ใกล้ๆ ถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปไกล
……
……
ศิษย์สำนักกระบี่ซีไห่ที่ลงมือลอบสังหารผู้นั้นถอยหลังไปอย่างเงียบๆ ผมสีดำปลิวไปด้านหลังอยู่ในสายน้ำ ปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง
นั่นคือใบหน้าที่ธรรมดา
ที่แท้เทพกระบี่ซีไห่มิได้สลบ
เขาแสร้งทำเป็นสลบ!
แต่ในเวลาแบบนี้ ในดวงตาของหญิงสาวยังคงมองไม่เห็นความหวาดกลัวใดๆ สงบนิ่งเยือกเย็น
เพราะนางคือกั้วตง
ในชีวิตการบำเพ็ญเพียรของนาง นางได้เจอกับผู้คนและเรื่องราวที่ไม่ธรรมดามามากมาย