มรรคาสู่สวรรค์ ภาคที่ 2 - ตอนที่ 85 เดินลำบาก (1)
“ถ้าเห็นคนตายมามาก ดังนั้นจึงไม่มีทางวิเคราะห์ผิดพลาด”
กั้วตงมองเขา กล่าวว่า “เจ้ากำลังจะตายจริงๆแล้ว”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ข้ารู้”
อาการบาดเจ็บของเขาหนักหนาสาหัส อวัยวะภายในขาดสะบั้น เลือดลมไม่มี ต่อให้เป็นยาวิเศษที่ล้ำค่าแค่ไหนก็ยากที่จะช่วยชีวิตได้ นอกเสียจากจะได้ยันต์เซียนมาแผ่นนึง
กั้วตงกล่าวว่า “ก่อนตายจะบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ เจ้าเป็นใครกันแน่?”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เจ้าเคยเจอข้า”
กั้วตงกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าเป็นศิษย์หลานของจิ่งหยาง ก็ไม่มีทางที่จะร้ายกาจขนาดนี้ได้”
การที่สามารถพานางหนีออกมาจากกระบี่ของเทพกระบี่ซีไห่ มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้บำเพ็ญพรตหนุ่มสาวที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเหล่านั้นจะทำได้
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะต้องสร้างความตกตะลึงให้กับทั่วทั้งแผ่นดินเฉาเทียนอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ไม่มีใครเชื่อ
กั้วตงไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นแค่ศิษย์ชิงซานที่ชื่อจิ๋งจิ่ว
จิ๋งจิ่วมิได้ตอบคำถามของนาง
เพราะเสียเลือดมากเกินไป บนใบหน้าเขาในตอนนี้ไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ใบหน้ายังคงงดงาม ยิ่งดูยิ่งเหมือนว่าไม่ใช่คนจริงๆ คล้ายรูปปั้นหยกแกะสลัก
ตอนที่เทพกระบี่ซีไห่นอนอยู่ในน้ำทะเล ก็มีความรู้สึกที่คล้ายกัน
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นผีกระบี่ ถึงแม้สุดท้ายอาจจะยังต้องแตกสลาย แต่มันก็ทำให้เจ้าอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย”
คำแนะนำของกั้วตงดูเหมือนง่ายดาย แต่มันกลับแสดงให้เห็นถึงระดับความรู้ของนางที่ลึกซึ้งจนยากจะจินตนาการได้
จิ๋งจิ่วไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผีกระบี่ หากอยากจะมีชีวิตต่อไป เขาจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น จึงกล่าวว่า “เอาไหมของเจ้าให้ข้ายืมหน่อย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สายตาของกั้วตงพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวถามว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่”
จิ๋งจิ่วยังคงไม่ตอบคำถาม เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาพร้อมยื่นนิ้วชี้ออกไป
กั้วตงมองดูเขาอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นนิ้วออกไปนิ้วหนึ่งเช่นกัน
นิ้วทั้งสองสัมผัสกันท่ามกลางลมทะเล
เพียงสัมผัสแล้วแยกจาก
แต่กลับไม่สามารถแยกกันได้จริงๆ
เส้นไหมที่มีขนาดเล็กและมีความเหนียวเส้นหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสองนิ้วที่แยกออกจากกัน
เส้นใหม่ขนาดเล็กเส้นนี้โปร่งใส แข็งตัวขึ้นเมื่อเจอกับลม สั่นไหวเล็กน้อยตามสายลม ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดแสงลงมา เส้นไหมส่องประกายระยิบระยับเหมือนอัญมณี เพียงแต่ดูจางเป็นอย่างมาก
เส้นไหมยืดออกมาจากปลายนิ้วของกั้วตง
ดูคล้ายหนอนไหมกำลังพ่นไหม
กระบี่เหล็กสีดำปรากฏ ลอยค้างนิ่งๆ อยู่เหนือหาดทรายตรงตำแหน่งที่หัวไหล่ของทั้งสองคนสัมผัสกัน
จิ๋งจิ่วเอาเส้นไหมที่มีขนาดเล็กเส้นนั้นติดไปบนปลายของกระบี่เหล็ก
กระบี่เหล็กดึงเส้นใหม่มายังส่วนท้องของเขา สั่นไหวขึ้นเบาๆ
กั้วตงไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร
ความจริงกระบี่เหล็กกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขอบเขตที่เล็กอย่างมาก เพียงแต่เคลื่อนไหวเร็วเป็นอย่างมาก จึงดูเหมือนว่ามันกำลังสั่นไหวอยู่
ผ่านไปไม่นาน กระบี่เหล็กก็ดึงไหมเส้นเล็กเส้นนั้นมายังอีกที่หนึ่งตรงส่วนท้องของจิ๋งจิ่ว
“ข้ากำลังเย็บผิวหนังตรงด้านหลัง ตอนนี้กำลังซ่อมรอยแตกบนกระดูกสันหลังอยู่”
จิ๋งจิ่วกล่าวอธิบาย
กั้วตงไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้ จึงมองไม่เห็นภาพตรงนั้น เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเหลวไหลยิ่งนัก
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เท่ากับว่าไหมฟ้าของตัวเองนั้นถูกชายหนุ่มผู้นี้เย็บเข้าไปในร่างกาย นางยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ไหมฟ้าเป็นเส้นใหม่ที่มีความแข็งแกร่งและมีขนาดเล็กที่สุดบนโลก การเอามาใช้เย็บบาดแผลนั้นถือว่าสมบูรณ์แบบที่สุด
เพียงแต่นอกจากกั้วตงและไป๋เจ่าในตอนนี้ ก็ไม่มีใครที่จะหาไหมฟ้ามาได้เยอะขนาดนี้
กระบี่เหล็กดึงใหม่ฟ้าเคลื่อนไหวอยู่ในส่วนท้องของจิ๋งจิ่วด้วยความเร็วสูง เย็บบาดแผลไม่หยุด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง รอยแตกบนกระดูกสันหลังก็ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย กระบี่เหล็กขยับไปยังที่อื่น เริ่มเย็บอวัยวะภายใน
สิ่งที่ต้องทำการเย็บนั้นมิใช่แค่ตัวอวัยวะภายในเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเยื่อเมือกและหลอดเลือดที่อยู่บนผิวอวัยวะเหล่านั้นด้วย ซึ่งต้องมีความละเอียดแม่นยำเป็นอย่างมาก
แต่ความเร็วของกระบี่เหล็กนั้นมิได้ลดลงเลย หากแต่ยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดเป็นเงากระบี่ขึ้นลางๆ
“ทำไมถึงรู้สึกว่าเร็วขึ้นกว่าเดิม?” กั้วตงกล่าวถาม
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ซ่อมแซมกระดูกนั้นดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วยุ่งยาก เส้นใยสีเทาขาวที่อยู่ภายในกระดูกเหล่านั้นมีความเล็กละเอียดเป็นอย่างมาก และกระดูกของข้าก็แข็งมาก”
กั้วตงกล่าวว่า “เมื่อก่อนเจ้าเคยทำเรื่องแบบนี้?”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “เคยศึกษา”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน กระบี่เหล็กก็เย็บลำไส้สองเส้นเข้าด้วยกัน จากนั้นเริ่มเย็บที่อื่น
หลังทำการเย็บอวัยวะภายในเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เย็บกล้ามเนื้อ สุดท้ายเป็นผิวหนัง
ลมทะเลพัดพาแสงแดด เวลาค่อยๆเดินไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ กระบี่เหล็กหยุดสั่นลง ลอยนิ่งๆ อยู่ตรงด้านหน้าของทั้งสองคน
ไหมฟ้าที่ส่องประกายราวอัญมณีขาดลงเมื่อเจอกับลม จากนั้นหดกลับเข้าไปในปลายนิ้ว
กั้วตงมองดูส่วนท้องของเขา พบว่าตรงนั้นเรียบลื่นเหมือนปกติ แค่มีเส้นสีแดงเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาเส้นหนึ่ง มองไม่เห็นปัญหาใดๆ
“ฝีมืออย่างเจ้านี่น่าจะไปเป็นหมอนะ”
จิ๋งจิ่วกล่าว “สาเหตุหลักๆเป็นเพราะกระบี่ของซีไหลเร็วเกินไป”
ลำแสงกระบี่ที่พุ่งมาจากระยะสิบกว่าลี้มีความเฉียบคมเป็นอย่างมาก ดังนั้นปากแผลถึงได้เรียบลื่นเช่นนี้
หากปากแผลเวอะหวะเละเทะเหมือนกับหาดทรายแห่งนี้ เช่นนั้นการเย็บแผลก็คงจะยุ่งยากขึ้นมาก
และแน่นอน เดิมทีบนโลกนี้ สิ่งที่ทำให้ร่างกายของเขาขาดออกจากกันได้นั้นก็มีอยู่น้อยมาก
กั้วตงสังเกตเห็นว่าเขาเรียกเทพกระบี่ซีไห่ว่าซีไหล
คำถามแบบนี้มีมากเกินไปแล้ว
“แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วหรือ?” นางกล่าวถาม
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ไม่ นี่แค่เย็บเข้าด้วยกันเท่านั้น ต่อไปต้องทำให้พวกมันเติบโตขึ้นมาด้วยตนเอง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ข้าไม่ตายแล้ว”
กั้วตงกล่าวว่า “อย่างนั้น ตอนนี้ถึงตาข้าต้องตายแล้ว”
อาการบาดเจ็บของนางไม่ใช่อาการบาดเจ็บภายนอก หากแต่เป็นอาการบาดเจ็บภายในที่รุนแรงถึงชีวิต
เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าสามารถสังหารเทพกระบี่ซีไห่ได้ ตอนที่นางลงมือจึงอยู่ห่างจากเขาค่อนข้างใกล้ อาการบาดเจ็บที่ได้รับย่อมต้องรุนแรงอย่างมากเช่นกัน
กระบี่ของเทพกระบี่ซีไห่กระบี่นั้น ฟันเส้นปราณแห่งเต๋าของนางขาดสะบั้นไปสามที่
ในเวลานี้ร่างกายของนางดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ความจริงตั้งแต่ส่วนคอลงไปไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ คล้ายกับคนที่เป็นอัมพาต อีกทั้งพลังชีวิตก็ค่อยๆ สลายหายไป
ต่อให้กระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วจะสามารถเย็บบาดแผลที่เล็กที่สุดได้ แต่มันก็ไม่มีทางรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้
“เจ้าไม่ตายหรอก”
หลังจิ๋งจิ่วพูดประโยคนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าภาพนี้และบทสนทนานี้คล้ายเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
เมื่อหลายปีก่อน หรืออาจจะหลายร้อยปีก่อน
กั้วตงมองเขา กล่าวว่า “อย่างนั้นหรือ?”
ครั้นกล่าวประโยคนี้จบ นางก็หลับตาลงแล้วเริ่มปรับลมหายใจ
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลง ท้องฟ้ายามเย็นยิ่งดูสวยงาม ท้องทะเลคล้ายกำลังลุกไหม้ ปลาตายที่ลอยเข้ามายิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีนกทะเลบินลงไปในทะเลไม่หยุด จากนั้นบินขึ้นไปอีกครั้ง ส่งเสียงร้องดัง เมื่อมองดูไกลๆ ก็ดูคล้ายกับอุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วน
จิ๋งจิ่วเหลียวหน้ามองดูใบหน้าของนาง
ดวงตาที่ปิดลงเป็นเหมือนเส้นสองเส้น ขนตาที่ไม่สั้นไม่ยาวเป็นเส้นจำนวนมาก ปากเป็นเส้น สันจมูกก็เป็นเส้น
นี่คือใบหน้าที่ธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ไม่เหมือนกับนางในอดีต
ตัวนางในอดีตไม่ถึงกับเป็นโฉมสะคราญ แต่ก็เรียกได้ว่าสะดุดตา ไม่ว่าจะอยู่ที่ป่าเขาและธารอันเชี่ยวกราก หรือว่าในโลกมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรือง ขอเพียงได้เห็นก็สามารถจำได้
แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นนางคนไหน อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเข้าใจนาง ก็เหมือนกับที่นางน่าจะไม่เคยเข้าใจเขาเช่นกัน
“สภาวะของเจ้ายังไม่อาจเทียบเท่าข้าในตอนนี้ แต่กลับคิดจะสังหารซีไหล เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่? เจ้าหยุดนิ่งในขั้นทะลวงสวรรค์มาหลายร้อยปี ไม่สามารถบรรลุได้เสียที หลังจากที่ข้าบรรลุกลายเป็นเซียน ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจใช้วิธีที่อันตรายที่สุดนั้น ทำลายรังไหมออกมา เพื่อลอกคราบและเกิดใหม่….เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยังใช้ชีวิตเหมือนอย่างเมื่อก่อน ยอมเสียเวลาในการบำเพ็ญเพียรของตัวเองเพื่อเรื่องที่ไม่สำคัญเหล่านี้ กระทั่งชีวิตก็ยอมแลก? เผยไป๋ฟ่านั้นเหลือเวลาไม่มาก แล้วเจ้าล่ะ?”
จิ๋งจิ่วมองดูใบหน้านาง คิดถึงปัญหาเหล่านี้
………………………………………………………………