มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน - บทที่ 806
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 806
“สองคนนั้นเหรอ? ฮึ่ม! มันคงจะไม่เป็นการยืดเยื้อที่จะพูดว่าเด็กสิบสองขวบจากตระกูลนั้นเพียงคนเดียวก็สามารถทุบตีพวกเขาจนเละได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าตัวเองกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่
จากนั้นเขาก็สงสัยว่าฟินน์เลย์จะรับมือกับตระกูลนั้นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นไป ท้ายที่สุดแล้วจุดสนใจของเขาก็ไม่ควรเปรียบเทียบในตอนนี้
ถ้าจะพูดให้ถูก เขารู้ว่าเขาต้องหาวิธีเพื่อขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดลให้ได้ ยังไงซะตระกูลของพวกเขาก็จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
“พวกโมลเดลอาศัยอยู่ในสถานที่โดดเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่พ่อเองก็จะไม่ติดต่อพวกเขาถ้ามันไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของเรา แต่อย่างไรก็ตามอาของลูกมีความลับที่สำคัญมากเกี่ยวกับสายเลือดของตระกูลคลอฟอร์ด ถ้าความลับนั้นหลุดออกไปในตอนที่เขาหายตัวไปล่ะก็ ครอบครัวของเราก็คงจะถูกทำให้ย่อยยับไปแล้วตอนรุ่นของลูกมาถึง! ตอนนี้ที่พ่อรู้ว่ามีโอกาสที่เขาจะยังคงมาชีวิตอยู่ พ่อจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้วนอกจากขอความช่วยเหลือของตระกูลโมลเดล เพราะกลัวว่าวันหนึ่งความลับอาจจะรั่วไหลออกไปก็ได้!”
มันชัดเจนว่าดีแลนไม่ได้ตามหาอาของเขาเพราะเขาเป็นครอบครัวเท่านั้น อีกหนึ่งเหตุผลก็คือเพื่อปกป้องความลับของสายเลือดของตระกูลคลอฟอร์ด
“ความลับของสายเลือดพวกเราเหรอครับ?” เจอรัลด์ถาม
“ใช่ พ่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้จากปู่ของลูกในช่วงนั้น แต่อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลย สิ่งที่สำคัญแรกในตอนนี้ก็คือขอความช่วยเหลือจากโมลเดล!”
“พ่อต้องการให้ผมไปที่นั่นใช่ไหมครับ?” เจอรัลด์ถาม
“ถ้าการไปที่นั่นและพูดคุยกับพวกเขาคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ พ่อก็คงไปขอความช่วยเหลือของพวกเขานานแล้ว พ่อบอกลูกแล้วตระกูลโมลเดลอาศัยในสถานที่โดดเดี่ยว พวกเขาไม่เคยแทรกแซงกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกตระกูลของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม มีบุคคลหนึ่งที่อาจช่วยให้พวกเราเข้าไปได้”
“เป็นใครเหรอครับ?”
“ยายของลูกไง”
“คุณยายเหรอครับ?” เจอรัลด์ตอบกลับ รู้สึกตกตะลึง
แม้ตั้งแต่ยังเล็ก เจอรัลด์รู้ว่าพ่อแม่ของเขาอ่อนไหวเมื่อพูดคุยถึงหัวข้อเกี่ยวกับปู่ย่าตายายของเขา ไม่ว่าจะเป็นฝั่งพ่อหรือแม่ก็ตาม
เขาจำได้ว่าช่วงเวลาที่เขาถามพ่อแม่ของเขาเกี่ยวกับปู่ย่าตายายของเขาตอนที่อายุเจ็ดขวบ เจอรัลด์เพียงต้องการจะรู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มีเลยสักคน ในขณะที่คนอื่นก็มีปู่ย่าตายายกัน ผลก็คือ แม่ของเขาที่มักจะอ่อนโยนกับเขาอยู่เสมอ กลับตบเขาอย่างแรงก่อนจะบอกเขาว่าไม่ให้ถามคำถามเพิ่มเติมใด ๆ เกี่ยวกับพวกเขา
นั่งจึงเป็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจโดยเฉพาะสำหรับเขาและพี่สาวของเขาเช่นกัน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่เคยถามถึงปู่ย่าตายายของพวกเขาอีก
“ถูกต้อง เธอเป็นผู้นำของตระกูลเยลแมนจากยานเคน ในอดีต ยายของลูกจะติดต่อโมลเดลเป็นครั้งคราว ถ้าเธอเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือในคราวนี้ งั้นเธอก็อาจจะสามารถโน้มน้าวตระกูลโมลเดลให้ข่วยพวกเราได้!”
“ในขณะที่มันไม่สะดวกที่พ่อและแม่ของลูกจะไปพบกับเธอ แต่ลูกนั้นแตกต่างไป พ่อเชื่อว่าความขุ่นเคืองในอดีตของพวกเราจะไม่ส่งผลไปถึงลูกหรอก ดังนั้นทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับลูกว่าลูกจะสามารถโน้มน้าวเธอได้หรือไม่!” ดีแลนอธิบาย ขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากกล่าวไปแบบนั้น เขาก็เรียกยูเลียเข้ามา เมื่อตระหนักได้ว่าเจอรัลด์และสามีของเธอกำลังคุยถึงแม่ของเธออยู่ สีหน้าของยูเลียจึงเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองเล็กน้อยในทันที
เจอรัลด์เองก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะถามแม่ของเขาเกี่ยวกับตายายของเขา ท้ายที่สุดแล้วฟินน์ก็เคยบอกเจอรัลด์ว่า แม้แต่ปู่ของเขายังคงมีชีวิตอยู่ แต่เกิดอะไรขึ้นกับเขากันล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในปีนั้น?
ไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาเคยถามเมื่อหลายปีก่อน แม่ของเขาไม่ได้ตบเขา แต่แทนที่เธอกลายเป็นน้ำตาคลอขณะที่เธอเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปีนั้น
“มัน…ทั้งหมดมันเป็นความผิดของกฏและข้อบังคับบ้า ๆ เหล่านั้นของตระกูลเยลแมน!” แม่ของเขาร้องไห้คร่ำครวญ
จากนั้นเธอก็อธิบายว่าตอนนั้น ดีแลนยังคงอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการความแร้นแค้นของเขา คล้ายกันกับเจอรัลด์ช่วงก่อน พ่อของเขาร่ำรวยแล้วในตอนนั้น แม้เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้ตามสบายก็ตาม มันเป็นช่วงที่เขาได้ทำความรู้จักท่านหญิงของตระกูลเยลแมน พูดง่าย ๆ ก็คือ แม่ของเขา…