มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 18
ตอนที่ 18 จ้าวอสรพิษปีกทมิฬ
หลังจากเดินทางมานาน ความมืดในป่าอสรพิษเริ่มมากขึ้น หยางเย่เพิ่มระดับการระมัดระวัง รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า กิ่งและใบไม้พันเข้าด้วยกันอย่างหนาแน่น มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านแค่บางจุดเท่านั้น
ทุกช่วงเวลา มีงูเล็กงูน้อยเข้าโจมตีพวกเขาจากต้นไม้บ่อยครั้ง แต่งูพวกนั้นไม่สามารถทำความเสียหายได้ กลุ่มพวกเขาจัดการงูเล็กได้อย่างง่ายดาย
หยางเย่ไม่ทำการต่อสู้อันใด เพราะชิงหงอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา เมื่อถูกงูจู่โจม นางจัดการมันด้วยตนเอง หยางเย่เองแทบไม่ได้ขยับตัว เพราะเขาถูกเหยียดหยามโดยชิวหยวนตลอดทาง
หยางเย่ติดตามกลุ่มมาสองสามชั่วโมง เขาพอเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของบรรดาผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัดกับศิษย์สำนัก เมื่อชาวไร้สังกัดเทียบกับศิษย์สำนัก จะมีช่องว่างระหว่างพวกเขาค่อนข้างมาก เพราะศิษย์จากสำนักมีทั้งทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังเช่น วิชา และสมบัติ แต่กลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเลย นอกจากอาวุธของชิวหยวนที่เป็นระดับต่ำขั้นสีเหลือง นอกนั้นเป็นแค่อาวุธธรรมดา และคนกลุ่มนี้ยังไม่มีวิชาล้ำลึก ส่วนใหญ่จะใช้กำลังเข้าสู้มากกว่า
ทุกครั้งที่ชิวหยวนดูถูกเหยียดหยาม หยางเย่ไม่ได้สนใจอันใด แม้ชิวหยวนจะอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ หยางเย่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมีฝีมือมากไหร่ จากที่หยางเย่คาด แม้กระทั่งต้วนจวินที่ถูกตัดแขนขาก็สามารถสู้กับชิวหยวนอย่างสูสีได้
ช่องว่างระหว่างศิษย์สำนักและผู้บ่นเพาะพลังไร้สังกัดช่างแตกต่างกันอย่างมาก!
ยิ่งพวกเขาเข้าไปในป่าจ้าวอสพิษลึกขึ้น จำนวนงูที่อยู่บนต้นไม้ก็เพิ่มมากตาม ในที่สุดพวกเขาก็ถูกงูแทบทุกชนิดล้อมรอบในระยะสิบเมตร
ฟู่~
ทันใดนั้นชิงหงเหวี่ยงมีดในมือพุ่งผ่านบนหัวหยางเย่ งูเล็กร่างขาดเป็นสองส่วนตกสู่พื้นทันที
ภายหลังจากสังหารงูในการโจมตีเดียว ชิงหงตบไหล่หยางเย่ “ข้าบอกให้อยู่ด้านหลังตลอดเวลาไม่ใช่หรือ? ถึงแม้ระดับพลังงูเล็กพวกนี้ไม่สูง แต่มันก็มีพิษมากพอที่จะทำให้เจ้าลำบากได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยางเย่ปาดจมูกและขบขันเล็กน้อย แม้จะยืนให้งูกัดโดยตรง พวกมันก็ไม่สามารถกัดเข้าผิวหนังเขาได้ แต่หยางเย่ยังคงทำตามที่สตรีผู้นี้เตือน เหตุเพราะพวกเขาพบกันโดยบังเอิญ แต่นางกลับดูแลอย่างดีในทุกสถานการณ์ มันทำให้ใจเขารู้สึกอบอุ่นไม่น้อย
ปั้ง!
ทันใดนั้นเอง จ้าวอสรพิษร่างยักษ์มีปีกคู่อยู่ด้านหลังปรากฏตัวออกมาไม่ไกลจากกลุ่ม ร่างจ้าวอสรพิษตัวนี้ใหญ่กว่าจ้าวอสรพิษที่หยางเย่สังหารครั้งนั้น สีตัวที่ดำทมิฬ มันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดราวโลหะสีดำ ยิ่งกว่านั้นจ้าวอสรพิษตัวนี้ยังมีปีกสีดำทมิฬคู่
จ้าวอสรพิษตัวนี้ยังไม่ได้โจมตีหยางเย่และพรรคพวก มันเพียงออกมาขวางทาง ดวงตาที่ใหญ่โตจ้องมองพวกเขาอย่างดุร้าย
“นั่นจ้าวอสรพิษปีกทมิฬระดับแปด ทุกคนระวังตัว!” เมื่อเห็นจ้าวอสรพิษปีกทมิฬปรากฏกาย พลังปราณล้ำลึกในร่างหมานจื้อโคจรออกมา ท่าทางดูจริงจังขึ้นเมื่อกล่าวเตือนคนในกลุ่ม ชิวหยวนและเฉียวไห่รีบขยับออกไปสองสามเมตรคนละข้าง พวกเขาจ้องเขม็งจ้าวอสรพิษอย่างระมัดระวัง
ชิงหงที่ยืนอยู่ข้างหยางเย่รีบดึงคันธนูออกมาจากไหล่พร้อมเตรียมศรเล็งไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ
“หมานจื้อสังหารมันเถอะ จ้าวอสรพิษปีกทมิฬมีแก่นภายในที่สามารถขายได้ถึงห้าพันเหรียญทองเป็นอย่างต่ำ ยิ่งกว่านั้นเกล็ดก็มีราคาถึงหนึ่งพันเหรียญทอง เจ้าคิดเห็นว่ายังไง?” ดวงตาของชิวหยวนเกิดประกายความโลภขึ้นขณะที่กล่าวเสียงต่ำ
ดวงตาหมานจื้อเต็มไปด้วยความโลภเช่นกันเมื่อได้ยิน เขาลังเลอยู่ไม่นานก่อนจะพยักหน้า “พวกเราทั้งสามจะโจมตีมันโดยตรง ชิงหงเจ้าสนับสนุนด้วยธนู โจมตี!”
เมื่อกล่าวจบ หมานจื้อ เฉียวไห่และชิวหยวนพุ่งโจมตีจ้าวอสรพิษปีกทมิฬทันที เพราะสัตว์อสูรทมิฬที่อยู่ตัวเดียวนั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปรานนัก
ชิงหงจ้องเขม็งไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ แต่ลูกธนูยังไม่ได้ปล่อยออกไป นางกำลังรอจังหวะที่เหมาะสม มิเช่นนั้นลูกธนูจะไม่สามารถเจาะเกราะของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬได้
เป้าหมายเดิมของพวกเขาคือบรรดาสัตว์อสูรทมิฬระดับหกหรือเจ็ด เพราะพวกเขาสามารถต่อกรได้แค่ระดับนี้ สำหรับสัตว์อสูรระดับแปดนั้น พวกเขามักจะหนีทันทีเมื่อเผชิญหน้า เพราะพลังป้องกันสัตว์อสูรระดับแปดนั้นเข็งแกร่งมาก และมันมักจะอยู่กันเป็นฝูง
แต่สัตว์อสูรระดับแปดตนนี้อยู่เพียงตนเดียว ทั้งยังปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มันช่างยั่วยวนความโลภยิ่งนัก
เมื่อมันเห็นกลุ่มข้างหน้าพุ่งจู่โจมมา จ้าวอสรพิษปีกทมิฬดูเกรี้ยวกราดขึ้นมา ดวงตาหยกสีเขียวเรืองแสงประกายดุร้าย ปีกคู่ใหญ่ด้านหลังกระพือออก ลมพายุพัดแรงปกครอบคลุมทั้งสามคม
ทั้งสามเกิดอาการตกใจอย่างฉับพลัน พวกเขารีบหมุนเวียนพลังปราณล้ำลึกเข้าสู่อาวุธเพื่อตัดพลังพายุ
จากนั้นไม่นาน ทั้งสามฝ่าพายุเข้าไปใกล้ตัวจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ พวกเขาดูค่อนข้างมีประสบการณ์พอตัวจากการไม่เผชิญหน้าโดยตรง ทั้งสามหลบหางอสรพิษและของเหลวพิษจากปาก ทันทีที่จ้าวอสรพิษปีกทมิฬคั้งท่าจู่โจมกลับ ลูกธนูที่ฝังพลังปราณล้ำลึกจะสกัดไว้ ทำให้อสรพิษปีกทมิฬไม่มีทางเลือกนอกจากรับการโจมตีนั้น ยามนี้ทั้งสี่สู้ได้อย่างทัดเทียมกับอสรพิษปีกทมิฬ
ขณะที่มองดูการต่อสู้ หยางเย่ส่ายหัวในใจ การวางแผนโจมตีของพวกเขาไม่เลว แต่ที่ยังอ่อนด้อยนักคือพลังในการต่อสู้ ทั้งสามมีการวางพื้นที่จู่โจมขณะเคลื่อนที่ไปรอบตัวจ้าวอสรพิษได้อย่างดี แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายหนักได้ ยิ่งกว่านั้นหากจ้าวอสรพิษโจมตีใส่คนใดคนหนึ่ง ถึงไม่ตายแต่ก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส!
หากหนึ่งในพวกเขาบาดเจ็บ สองคนที่เหลือยิ่งตกอยู่ในอันตราย!
เมื่อเทียบกับสามคนนี้แล้ว หยางเย่นึกถึงตอนล้มจ้าวอสรพิษระดับหกอย่างยากลำบากในวันนั้น เพราะเขาใช้เพียงหมัดในการทำลายเกราะของสัตว์อสูรทมิฬ!
“มันไม่ได้ผลแน่ จ้าวอสรพิษปีกทมิฬมีพลังป้องกันแข็งแกร่งเกินไป พวกเราสามคนไม่สามารถล้มมันได้แน่!” ขณะที่มอง ประกายไฟจากดาบโจมตีไปยังจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ ดวงตาชิวหยวนเกิดอาการสั่นกลัวพลางนึกบางอย่างในใจ
ไม่เพียงแค่ชิวหยวนที่นึกเช่นนั้น ทั้งหมานจื้อและเฉียวไห่เองก็มีความคิดคล้ายกัน พวกเขาเคยคิดว่าความแข็งแกร่งที่มีจะสามารถเอาชนะสัตว์อสูรระดับแปดได้ แต่ตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่าไม่สามารถทำอะไรพลังป้องกันระดับนี้ได้
“ดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะเป็นทหารรับจ้าง!” หยางเย่กล่าวเสียงต่ำขณะมองการต่อสู้ที่กดดันนี้ ขณะที่กำลังจะเข้าไปร่วมการต่อสู้ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ชิวหยวนที่แต่เดิมรับหน้าที่ทางด้านขวา เขาใช้โอกาสที่จ้าวอสรพิษปีกทมิฬโจมตีหมานจื้อถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ชิวหยวนออกจากสนามรบในทันทีพร้อมกระโดดหายเข้าไปในป่า
“น่าละอายนัก!” การทิ้งพรรคพวกไว้เช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ใบหน้าที่งดงามของชิงหงกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ นางคิดจะยิงธนูใส่ชิวหยวน แต่เมื่อเห็นจ้าวอสรพิษโจมตีหมานจื้อ จึงทำได้เพียงลืมมันไปและรีบยิงธนูจำนวนมากเข้าใส่จ้าวอสรพิษปีกทมิฬ
หยางเย่ถึงกับส่ายหัวเมื่อเห็นชิวหยวนวิ่งหนีเตลิด แต่เดิมเขาคิดว่าชิวหยวนเป็นคนหยิ่งผยองอวดดี ไม่เคยคิดว่าจะขี้ขลาดกลัวตายทิ้งสหายไว้ข้างหลังและหนีเอาชีวิตรอดเช่นนี้!
ชิวหยวนที่หายไปอย่างฉับพลัน ทำให้เสียกำลังหลักทางด้านขวาของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬไป แรงกดดันของหมานจื้อและเฉียวไห่เพิ่มขึ้นอีกสองถึงสามเท่า ทั้งสองไม่สามารถถอยหนีได้ เพราะหากคนใดคนหนึ่งหนีไปตอนนี้ คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ไม่มีทางรอด!
“หยางเย่ รีบหนีไป” ชิงหงหันมาตะโกนบอกหยางเย่ จากนั้นหันกลับไปยิงลูกธนูจำนวนมากใส่จ้าวอสรพิษปีกทมิฬ นางเองไม่สามารถหนีได้ หากทำเช่นนั้นชีวิตหมานจื้อและเฉียวไห่ต้องพินาศจากการไม่มีผู้ใดตรึงข้างหลังให้เป็นแน่
หยางเย่รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ยินชิงหงกล่าว เพราะในสถานการณ์นี้นางยังคำนึกถึงความปลอดภัยของเขา หยางเย่จับดาบเหล็กดำในมือ ขณะทำท่าพร้อมจะโจมตี ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น หนึ่งในลูกธนูของชิงหงพุ่งผ่านอากาศเข้าไปโดนดวงตาขวาของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬ
ฟ่อ!
ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ทำให้จ้าวอสรพิษปีกทมิฬเริ่มบ้าคลั่ง ร่างกายที่ใหญ่โตกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นอย่างรุนแรง มันไม่สนใจหมานจื้อและเฉียวไห่อีกต่อไป ปีกคู่ยักษ์กระพือเกิดลมพายุขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมพุ่งตรงไปยังชิงหงที่ยืนเตรียมลูกธนูอยู่
เมื่อชิงหงเห็นจ้าวอสรพิษปีกทมิฬพุ่งมาหา ใบหน้านางซีดเผือดลงทันที จ้าวอสรพิษปีกทมิฬรวดเร็วราวกับสายฟ้า มันมาอยู่ข้างหน้าชิงหงเพียงสองถึงสามช่วงลมหายใจ ปากขนาดมหึมาที่ชุ่มไปด้วยโลหิตจ่อไปยังชิงหง
“ไม่นะ!” เมื่อเห็นปากจ้าวอสรพิษปีกทมิฬกำลังจะเขมือบชิงหง หมานจื้อตกตะลึงและคำรามออกมาพร้อมพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง