มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 22
ตอนที่ 22 ความแข็งแกร่งระเบิดออกมาแล้ว
หลังจากเดินทางมาได้สามชั่วยาม แสงในป่าเริ่มสว่างขึ้นทุกที พวกเขาไม่ถูกโจมตีจากอสรพิษใดอีกเลย คงเป็นเพราะแก่นภายในเมื่อคืน ยังไงก็ตามหยางเย่ยังคงระมัดระวังอยู่ทุกฝีก้าว และไม่ได้ลดระดับการป้องกัน การไม่ประมาทเป็นสิ่งดีอย่างยิ่งในขุนเขาไม่สิ้นสุด
ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่ออกมาจากป่าอสรพิษ ฉากที่สยดสยองจากเมื่อคืนทำให้พวกเขากลัวป่านี้อย่างยิ่ง
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเองเสียงตัดอากาศดังก้องขึ้น ทันทีที่ได้ยิน หยางเย่ที่เดินอยู่ข้างชิงหงขมวดคิ้ว จากนั้นร่างเขาปรากฏขึ้นด้านหน้าหมานจื้อพร้อมชกหมัดออกไป
ปั้ง!
ลูกศรโลหะสีหมึกดำแตกออกเป็นเสี่ยง
ขณะที่มองไปยังลูกศรสีดำที่แตกออก ท่าทางทั้งสี่เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะหมานจื้อที่รู้สึกคลุ้มคลั่งภายในใจ เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะหยางเย่ ก็คงบาดเจ็บหนักไปแล้วแม้จะสามารถเอาชีวิตรอดได้
หมานจื้อและพรรคพวกไม่รอช้า พวกเขารีบหยิบอาวุธออกมาพร้อมมองไปรอบด้าน ในอีกด้านหนึ่ง ท่าทางหยางเย่ดูมืดหม่นอย่างยิ่ง แม้จะทราบว่าพวกบรรดาทหารรับจ้างจะสังหารและปล้นกันเอง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นไวขนาดนี้
แปะ! แปะ!
เสียงตบมือของชายศีรษะโล้นวัยกลางคนกระโจนลงมาจากต้นไม้ขนาดใหญ่กว่าสามสิบเมตร มีชายอีกสามคน สตรีหนึ่งคนอยู่ข้างกาย นางมีคันธนูหมึกเขียวอยู่ในมือ ดูเหมือนจะเป็นนักธนูเพียงคนเดียวในกลุ่ม ลูกศรหมึกดำก่อนหน้านี้คงมาจากนาง
และสิ่งที่น่าตกใจในกลุ่มคนทั้งห้านี้ คือชายที่ยืนด้านขวาของสตรี ชายผู้นั้นไม่ใช่คนอื่นไกล เขาคือชิวหยวนผู้ที่ทอดทิ้งสมาชิกเมื่อวานนี้เอง
ท่าทางของทุกคนดูเคร่งเครียดอย่างมากเมื่อคนเหล่านั้นปรากฏกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักทหารรับจ้างกลุ่มนี้
ชิงหงเดินไปอยู่ข้างหยางเย่เมื่อเห็นทั้งห้าคนเดินเข้ามา นางกล่าวเสียงเบา “พวกเขาคือกลุ่มทหารรับจ้างหัวหมาป่า เป็นกลุ่มที่มักจะโจมตีและปล้นสะดมกลุ่มทหารรับจ้างที่อ่อนแอ หัวหน้ากลุ่มมีนามว่าเจ้าโล้นเชียง เขาอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ เหลืออีกเพียงครึ่งทางจะเข้าสู่ขั้นปราณสวรรค์ ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าข้าและเฉียวไห่ ส่วนสตรีผู้นั้นมีนามว่าหงเย่ นางอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์เช่นกัน ความสามารถด้านการยิงธนูของนางเหนือกว่าข้านัก”
เมื่อเห็นชิวหยวน ชิงหงทราบดีว่าพวกเขามาด้วยเจตนาร้าย ทั้งยังไม่มีทางปล่อยให้มีใครรอดเป็นแน่ เช่นนั้นชิงหงจึงรีบให้ข้อมูลหยางเย่ เพราะมีเพียงเขาผู้เดียวที่สามารถต่อกรกับเจ้าโล้นเชียงได้
หยางเย่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชิงหงบอก เขาคำนวณความต่างระหว่างความแข็งแกร่งของกลุ่ม หลังจากคำนวณเรียบร้อย หยางเย่ยิ่งขมวดคิ้วแน่น เพราะทราบดีว่าไม่มีโอกาสชนะได้โดยปกติ ชายที่มีนามว่าเจ้าโล้นเชียง ความแข็งแกร่งของทั้งสองถือว่าสูสี แต่ความแข็งแกร่งของสมาชิกศัตรูเหนือกว่ากลุ่มหยางเย่มากนัก ดังนั้นเมื่อเริ่มสู้กับเจ้าโล้นเชียง พรรคพวกของเขาที่ต่อสู้แบบสามต่อสี่นั้น คงยื้อไม่ไหวและไม่นานคงพ่ายแพ้
หากไม่ร่วมสู้ เขามั่นใจว่าสามารถหนีรอดได้ แต่ชิงหงและคนอื่นไม่สามารถหนีได้ หากไม่มีโอกาสหนี ผลลัพธ์มันก็ชัดเจน ยามนี้หยางเย่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในขณะที่หยางเย่กำลังครุ่นคิดวิธีต่อสู้ ชายหัวโล้นและพรรคพวกเดินเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร ชายหัวโล้นขนาดร่างกายเท่าหมานจื้อเหลือบมองชิงหง จากนั้นหันกลับมามองหยางเย่ “ทั้งปฏิกิริยาและความแข็งแกร่งยอดเยี่ยม น้องชายเจ้าอยู่สำนักไหนงั้นหรือ?”
“เขาไม่ได้อยู่สำนักใดทั้งนั้น!” ทันใดนั้นเองชิวหยวนที่ยืนมองหยางเย่กล่าวออกมา “เขาแค่คนทำความสะอาดสนามรบเท่านั้น พี่เชียง อย่าสนใจมันเลยรีบจัดการพวกมันเถอะ แก่นภายในของจ้าวอสรพิษปีกทมิฬและเกล็ดหนังงูต้องอยู่ที่มันเป็นแน่”
อันที่จริงเขาไม่ต้องการแก่นภายในและเกล็ดหนังงู แต่ต้องการสังหารหยางเย่และคนอื่นต่างหาก หลังจากวิ่งหนีไปเมื่อวาน เขาตั้งใจกลับมาฝังศพและปล้นทรัพย์ ทันทีที่กลับมายังสนามรบ ทั้งจ้าวอสรพิษปีกทมิฬและคนอื่นหายไปหมดแล้ว เมื่อสังเกตเห็นเลือดที่สาดอยู่บนพื้นดิน เขาทราบทันทีว่าทั้งสี่มีผู้เข้ามาช่วยแน่นอน
เวลานั้นชิวหยวนได้บังเกิดอาการตื่นตระหนกในใจ เขาทราบดีว่าหากหมานจื้อและคนอื่นมีชีวิตรอดกลับไป ชื่อเสียงที่มีต้องพังพินาศเป็นแน่ ในอนาคตไม่เพียงแค่ไม่สามารถกินข้าวหม้อเดียวกันได้ ผู้อื่นในสายอาชีพก็ไม่สามารถทนรับเขาไหว เพราะอาชีพนี้ไม่ต้องการผู้ที่ละทิ้งสหายในการต่อสู้!
“ไอ้สารแลว!” เมื่อได้ยินชิวหยวนกล่าว หมานจื้อและพรรคพวกรู้สึกโมโหอย่างมาก เขาชี้ดาบไปยังชิวหยวนและกล่าวด้วยโทสะ “ชิวหยวน แกมันเป็นแค่สวะทิ้งสหายในการต่อสู้ แกวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเมื่อวานนี้ แต่วันนี้กลับพาปัญหามาหาพวกเรา ไอ้ขยะ! แกมันเป็นความอับอายของอาชีพทหารรับจ้าง!”
ชิวหยวนแสดงท่าทีแปลกไปเมื่อได้ยินหมานจื้อสบถคำ แต่เดิมเขาเสนอให้เจ้าโล้นเชียงและพรรคพวกจู่โจมกลุ่มหมานจื้อโดยตรง และให้หงเย่โจมตีก่อน แต่ไม่คาดคิดว่าลูกศรสังหารจะถูกสกัดไว้ได้ ยิ่งกว่านั้นพอเจ้าโล้นเชียงเห็นหยางเย่สกัดลูกธนู เขาดันหยุดโจมตีทันที มันทำให้หมานจื้อมีจังหวะสบถคำ ซึ่งมันทำให้ชิวหยวนดูน่าชิงชังยิ่งนัก
เมื่อพวกเขาได้ยินหมานจื้อกล่าว สายตาของกลุ่มหัวหมาป่ามองไปยังชิวหยวนอย่างน่ารังเกียจ ถึงแม้ชื่อเสียงพวกเขาจะไม่ได้ดีเท่าไหร่ในโลกทหารรับจ้าง พวกเขาก็ไม่เคยทอดทิ้งสหาย ทว่าชายผู้นี้กลับทิ้งสหายในสนามรบ บัดนี้พวกเขามองด้วยสายตาที่เหยียดหยามไปยังชายผู้นี้เช่นกัน
เจ้าโล้นเชียงมองชิวหยวนอย่างเย็นเยือก เขามองอย่างเหยียดหยามไปที่ชายผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะพี่ชายชิวหยวนที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ เจ้าโล้นเชียงคงเหวี่ยงฝ่ามือใส่ชิวหยวนไปแล้ว ทันทีที่นึกถึงพี่ชายของชิวหยวน เจ้าโล้นเชียงพยายามข่มความไม่พอใจไว้ เขามองกลับไปยังหยางเย่และหมานจื้อ “ช่างไร้สาระยิ่งนัก ส่งแก่นภายในและเกล็ดหนังงูมาให้ข้า อืม ทิ้งสตรีข้างหลังไว้ด้วยแล้วพวกเจ้าทั้งสามจะรอดชีวิต!”
“พี่เชียง อย่าปล่อยพวกมันไปนะ!” ชิวหยวนรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตาอันเย็นเยือกของเจ้าโล้นเชียง จึงรีบหุบปากในทันที เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันกล่าว “หากพี่เชียงจัดการพวกมันทุกคนได้ ข้าจะให้ท่านยืมวิชาปราณล้ำลึกระดับต่ำของพี่ใหญ่ข้า!”
เจ้าโล้นเชียงตัวกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขาไม่เคยเห็นวิชาปราณล้ำลึกระดับต่ำมาก่อนในชีวิต! หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เขามองสายตาเย็นเยือกไปยังหยางเย่และพรรคพวกพร้อมกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ทำตามคำที่ข้าสั่ง เช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าไร้ความเมตตา โจมตี!” เมื่อกล่าวจบ เขาบิดข้อมือทำให้ดาบขนาดใหญ่ปรากฏในมือ จากนั้นร่างกายเขาทะยานไปฟันที่หมานจื้อผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุด
เวลานี้ความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างถูกแสดงออกมาแล้ว ขณะที่เจ้าโล้นเชียงเริ่มขยับ ชายสองคนและสตรีรอบข้างพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ของตน โดยเฉพาะหงเย่ นางยิงลูกธนูไปยังชิงหงที่เป็นมือธนูเช่นกัน
ในอีกด้านหนึ่ง หมานจื้อและพรรคพวกตอบสนองในเหตุการณ์ไม่ทัน โดยเฉพาะชิงหง นางทำได้เพียงเรียกสติกลับมาพร้อมหลบลูกธนูไปด้านข้าง แต่นางเสียไหวพริบในการต่อสู้ไปก่อนแล้ว ทำให้ต้องรับลูกธนูของหงเย่
ทันทีที่เจ้าโล้นเชียงพุ่งเข้าจู่โจมหมานจื้อ หยางเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบสงบเริ่มขยับตัว ดาบที่โคจรด้วยพลังปราณทองคำปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นฟาดฟันไปยังเจ้าโล้นเชียงราวกับสายฟ้า
ความเร็วสูงล้ำขนาดทำทุกคนที่ปิดล้อมไว้ตกตะลึง
โดยเฉพาะเจ้าโล้นเชียงที่ตกเป็นเป้าหมายของสายฟ้าฟาด เขาบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวรุนแรง ทั้งยังไม่คาดคิด ว่าหยางเย่ที่ทำตัวไร้ความโดดเด่นจะครอบครองพลังและความเร็วร้ายกาจเพียงนี้ ก่อนหน้าที่หยางเย่ทำลายลูกธนูด้วยการโจมตีเดียว ก็ทำให้ประหลาดใจไม่น้อยแล้ว แต่เมื่อเทียบอายุกับเรื่องที่ชิวหยวนกล่าว เขาจึงไม่ให้ความสนใจ ทำให้คิด ว่าหงเย่ไม่ได้โจมตีสุดกำลัง แม้หยางเย่ไม่ลงมือ หมานจื้อก็หลบหลีกเองได้!
แต่บัดนี้เขาทราบดีว่าความคิดนั้นผิดพลาด
ทันใดนั้นเองเจ้าโล้นเชียงหยิบดาบมาใช้ป้องกันการโจมตี
เคล้ง!
ดาบในมือหยางเย่ถูกปกคลุมด้วยพลังปราณทองคำปะทะกับดาบเจ้าโล้นเชียง ทันใดนั้นดาบเขาแตกเป็นสองเสี่ยงทันที ทว่าดาบหยางเย่กลับไม่มีความเสียหายใดเลย
“อะไร พลังอะไรกันนี่…” เจ้าโล้นเชียงยังกล่าวไม่จบ ร่างกายเขาถูกแยกออกเป็นสองซีกทันที อวัยวะภายในและเลือดกระจายออกทั่วพื้นดิน
หยางเย่ไม่สนใจร่างของเจ้าโล้นเชียงที่ถูกแยกออก เขาไม่รอช้ารีบพุ่งไปยังหมีใหญ่และหมีเล็กที่ยังตกตะลึง ภายในสายตาของชิวหยวน ดาบของหยางเย่พร้อมเส้นใยพลังปราณทองคำตัดผ่านคอหมีใหญ่ ทำให้ศีรษะเขาหลุดลงสู่พื้น
ความไวของหยางเย่ยังไม่ตกขณะพุ่งมาที่หมีเล็ก หลังจัดการเจ้าโล้นเชียงและหมีใหญ่ หมีเล็กเรียกสติกลับมา เขายกดาบป้องกันตามสัญชาตญาณ แต่ก็เหมือนก่อนหน้านี้ ดาบของเขาแตกกระจาย ศีรษะอีกหนึ่งร่วงลงพื้น
ในชั่วพริบตา หยางเย่จัดการสามคนที่อยู่ขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้าลง ยามนี้หยางเย่หยุดการโจมตี เพราะเหลืออยู่เพียงชิวหยวนเท่านั้น
เมื่อทำการสังหารเจ้าโล้นเชียง สตรีนามหงเย่โยนธนูทิ้งและหันหนีเข้าไปในป่าทึบ นางวิ่งหนีรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
ขณะที่มองซากศพของทั้งสาม หมานจื้อและพรรคพวกงุนงงยิ่งนักพร้อมคิดในใจ ‘พระเจ้า! พวกเขาอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ แต่ความแข็งแกร่งนั้นไม่สามารถต้านทานดาบหยางเย่ได้เชียวหรือ? เขาปิดบังพลังไว้งั้นหรือ? หรือหยางเย่เป็นยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์แล้ว?’
คำถามมากมายปรากฏในหัวของหมานจื้อและพรรคพวก