มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 57
ตอนที่ 57 ชั้นที่ยี่สิบสอง!
เฟิงหลินกลับมาที่เจ็ดยอดเขากลั่นพลังอีกครั้ง ครั้งนี้ฉินเฟิงไม่ได้ขอให้เขามา แต่กลับมาด้วยตนเอง เวลานี้เขาตื่นเต้นอย่างมาก เพราะมีคนที่ร้ายกาจกว่าสตรีปีศาจปรากฏขึ้นในสำนักดาบราชันแล้ว!
“ศิษย์พี่มู่หรง มีคนผ่านไปถึงชั้นยี่สิบเอ็ดได้แล้ว และกำลังจะขึ้นไปยังชั้นยี่สิบสอง!” เฟิงหลินตะโกนอยู่ตรงหน้าอุโมงค์แรงดึงดูด
ไม่นานประตูถ้ำค่อย ๆ เปิดออก มู่หรงเหยาปรากฏกายตรงหน้าเฟิงหลิน นางยังคงสวยงามและทรงเสน่ห์ แต่เฟิงหลินก็ไม่กล้ามอง เขารีบก้มหัวหลบ
“จริงหรือ?” มู่หรงมองไปยังเฟิงหลินพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฟิงหลินรีบตอบในทันที “ศิษย์พี่มู่หรง ข้าไม่กล้าหลอกลวงท่านหรอก! ยิ่งกว่านั้นเขาอยู่เพียงระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์!”
“ระดับแปดขั้นปราณมนุษย์?” มู่หรงขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ครั้งก่อนเจ้าบอกว่าเขาเพิ่งบรรลุขั้นปราณสวรรค์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นขั้นปราณมนุษย์ระดับแปดกันล่ะ? หรือเจ้ากำลังล้อเล่นอะไรกับข้าอยู่?” เมื่อกล่าวจบ ร่างของมู่หรงเหยาโคจรพลังปราณล้ำลึกที่ร้ายกาจออกมา ท่าทีพร้อมจะโจมตีอย่างเห็นได้ชัด
เฟิงหลินเหงื่อแตกไปทั่วใบหน้าก่อนจะรีบอธิบาย “ศิษย์พี่มู่หรงใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้หลอกลวงท่าน มีคนที่บรรลุขั้นปราณสวรรค์เมื่ออยู่ในหอคอยจริง แต่ไม่คาดคิดว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนที่ไปถึงชั้นยี่สิบสอง แต่กลับเป็นหยางเย่ผู้ที่ถูกลดขั้นไปเป็นศิษย์แรงงาน ในอีกด้านหนึ่งคนที่บรรลุขั้นปราณสวรรค์กลับไปได้เพียงแค่ชั้นสิบห้าเท่านั้น!”
มู่หรงเหยาหยุดปล่อยรังสีอำมหิตทันทีที่ได้ยิน นางมองไปยังหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบ จากนั้นดูเหมือนจะนึกคิดบางสิ่งทำให้ใบหน้าที่สวยงามดูเย็นชาในทันที “ตาเฒ่าบัดซบ! แกกล้าดียังไงมาหลอกข้า! ขั้นปราณมนุษย์ระดับแปดไปถึงชั้นยี่สิบสองงั้นหรือ? น่าสนใจมาก! เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะให้ข้าต้องการไปพบ!” ร่างของนางได้หายไปเส้นทางสู่หอคอยทันทีที่กล่าวจบ
ขณะที่มองมู่หรงเหยาทะยานหายไปยังหอคอย เฟิงหลินถอนหายใจโล่งอกออกมาพร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา “ศิษย์น้องหยางเย่ ขอให้โชคดีจากการเอาชีวิตรอดจากสตรีปีศาจนะ!”
ผู้คนที่มาหอคอยยังเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือกล่าวได้ว่าศิษย์ในสำนักนอกมาอยู่ที่นี่แทบทุกคนแล้ว หากเคยมีผู้ใดดูถูกหรือไม่สนใจในตัวหยางเย่มาก่อน ตั้งแต่เขาก้าวไปถึงชั้นที่ยี่สิบสอง ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป
ในช่วงเวลาร้อยปีที่ผ่านมา มีเพียงสองสถิติที่สูงในหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบ หนึ่งคือสถิติของซูชิงฉือที่ชั้นสิบเก้าเมื่อสิบปีก่อน และสถิติของมู่หรงเหยาที่ไปถึงชั้นยี่สิบ แต่ตอนนี้มีคนที่ทำลายสถิติพวกนางได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งกว่านั้นเหมือนว่าเขายังไม่หยุดที่จะไปต่อ!
เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ไม่อาจมีใครจะอยู่นิ่งไหว ถึงแม้จะเป็นศิษย์ที่ฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขาก็หยุดและรีบมายังหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบ เพราะต้องการเห็นสุดยอดศิษย์ใช้แรงงานด้วยตาตนเอง!
เวลานี้เจียงหยวนไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่เดิมผู้คนทั้งหมดนี้มาเพื่อดูเขา คนที่เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบร้อยปีของเมืองธารหิมะ ตอนนี้กลับถูกเมินเฉยจากทุกคน ถูกต้องเขาถูกเมินเฉยจากทุกคนที่นี่ ไม่แม้แต่จะมีผู้ใดมาผูกมิตรหรือชื่นชม แม้กระทั่งผู้อาวุโสยังไม่สนใจเช่นกัน!
เมื่อนึกถึงมัน เจียงหยวนทำได้เพียงกำหมัดแน่นและสาปแช่งด้วยน้ำเสียงเบา “เจ้าศิษย์แรงงานต่ำช้า!”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ทันใดนั้นเสียงเล็กใสดังขึ้นด้านข้างเจียงหยวน
เมื่อเจียงหยวนหันไปดู เขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองมาด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร ยิ่งตอนนี้เขากำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจอ ดังนั้นจะเอาเวลามาสนใจเด็กผู้หญิงเพียงคนหนึ่งได้อย่างไร?
เขาตอบกลับไปอย่างโกรธเกรี้ยว “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? อย่าบังอาจมารบกวนข้า!”
“กล้าดียังไงมาต่อว่าข้า!” เปาเอ๋อมองไปยังเจียงหยวนพร้อมกำหมัดแน่น
“แล้วจะทำไม? เจ้ามาจากที่แห่งใดก็จงกลับไปดื่มนมนอนเสีย มิเช่นนั้นข้าจะสั่งสอนบทเรียนแทนพ่อแม่เจ้า…”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!” เจียงหยวนยังกล่าวไม่จบเพราะผู้อาวุโสเชียนรีบแทรกเข้ามา เขามองเจียงหยวนด้วยสายตาที่เดือดดาลอย่างมาก “ขอโทษเปาเอ๋อเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงของเขาไม่อนุญาตให้โต้เถียงสิ่งใดกลับทั้งนั้น
ไม่ใช่เพียงผู้อาวุโสเชียน แม้กระทั่งผู้อาวุโสอื่นต่างก็มองเจียงหยวนด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยว หากกล้าปฏิเสธที่จะขอโทษ ทุกคนคงไม่รีรอที่จะทำให้เขากลายเป็นขี้เถ้า!
เมื่อมองไปยังบรรดาผู้อาวุโสที่มองเขาอย่างไม่เป็นมิตร หัวใจเจียงหยวนหยุดเต้นในทันที เขาไม่ทราบว่าเหตุใดบรรดาผู้อาวุโสถึงกระทำเช่นนี้เพียงเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาที่อยู่ในขั้นปราณสวรรค์ ยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ด้วยอายุเพียงสิบหกปี! เวลานี้เจียงหยวนทำได้เพียงเก็บความโกรธที่มีไว้ในใจ
อย่าว่าแต่ขั้นปราณสวรรค์ด้วยอายุเพียงสิบหกปี ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือขั้นปราณราชัน บรรดาผู้อาวุโสก็ไม่ลังเลที่จะยืนอยู่ข้างเปาเอ๋อ ไม่ต้องกล่าวถึงปู่ของเปาเอ๋อที่เป็นอาจารย์ยันต์ขั้นจิตสวรรค์ แค่ตัวเปาเอ๋อเองก็มีค่ามากกว่าเจียงหยวนแล้ว อันที่จริงบรรดาผู้อาวุโสไม่ได้ยอมเปาเอ๋อทุกสถานการณ์เพียงเพราะปู่ของนาง มันเป็นเพราะเปาเอ๋อเองก็เป็นอาจารย์ยันต์ระดับห้าด้วย!
เมื่อนำยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์อายุสิบหกปีมาเทียบกับอาจารย์ยันต์ระดับห้าอายุสิบสี่ปี อย่าว่าแต่ผู้อาวุโส ทุกคนในสำนักก็ไม่ลังเลที่จะเลือกอาจารย์ยันต์ระดับห้าที่อายุสิบสี่ปี!
“ขออภัยนางเสีย! ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย!” ผู้อาวุโสเชียนหรี่ตาลงขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
หัวใจเจียงหยวนเต้นหนักขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงของผู้อาวุโสเชียน เขาทราบดีหากไม่ขอโทษตอนนี้ ในอนาคตต้องทรมานกับการถูกลงโทษแน่ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะไม่อยู่ข้างเขา ทุกคนยังมองด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวเช่นกัน เวลานี้มีเพียงแค่คนโง่เขลาเท่านั้นที่ไม่ทราบว่าเด็กคนนี้เป็นคนไม่ธรรมดา
เขาไม่ลังเลที่จะคำนับให้เปาเอ๋อพร้อมแสดงรอยยิ้ม “ข้าขออภัย โปรดอภัยให้ข้าด้วยพี่หญิง ข้าหวังว่าพี่หญิงจะยกโทษให้ข้า!”
เปาเอ๋อมองอย่างเย็นชา จากนั้นนางไม่กล่าวอะไรกับเจียงหยวนพร้อมหันไปมองหอคอยต่อ เวลานี้นางหวังเพียงให้ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อยออกมาโดยเร็วและมอบสหายตัวจ้อยให้นาง!
บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันถอนหายใจเมื่อเห็นนางมารน้อยไม่ถือสา เพราะปกตินางไม่ใช่คนที่จะยอมความโดยง่าย ทั้งยังเป็นคนที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลอยู่แล้ว หากนางยืนยันจะเอาความเรื่องนี้ มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับบรรดาผู้อาวุโส ยิ่งกว่านั้นเจียงหยวนยังไม่ใช่ศิษย์ของสำนักดาบราชัน เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่อาจลงโทษเจียงหยวนได้ โชคดีที่นางมารน้อยกำลังอารมณ์ดี และยังไม่ถือสาเอาความในสิ่งที่เกิดขึ้น!
หลังจากเห็นทัศนคติของบรรดาผู้อาวุโสที่มีต่อเปาเอ๋อ เจียงหยวนจึงหันไปถามศิษย์นอกเกี่ยวกับตัวตนของเปาเอ๋อ เมื่อทราบว่าปู่ของเปาเอ๋อเป็นจ้าวสำนักของยอดเขาแห่งผู้ใช้ยันต์ และผลที่ตามมาของศิษย์นอกที่กล้ามีเรื่องกับนาง เจียงหยวนถึงกับเหงื่อตกจากความสยดสยองนี้
……
ณ ชั้นที่ยี่สิบสอง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หัวใจหยางเย่เต้นกระหน่ำอย่างหนัก
ไม่มีผู้รับใช้แห่งดาบหรือชายชราที่ชั้นยี่สิบสองอีก แต่เป็นสัญลักษณ์มากมายทั่วกำแพง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นค่ายกลอย่างที่ชายชรากล่าวไว้ หยางเย่มั่นใจแน่นอนว่ามันเป็นค่ายกลดาบ!
หยางเย่หยุดที่ขั้นบันไดและยังไม่เดินเข้าไป เขาหาได้หวาดกลัวไม่ หากแต่กำลังคิดกลยุทธ์รับมือ หากมันเป็นอย่างที่ชายชรากล่าวจริง ปราณดาบนับร้อยจะยิงมาที่เขาทุกห้าลมหายใจ เช่นนั้นจึงต้องคิดหาวิธีที่จะรับมือมันก่อน มิเช่นนั้นหัวใจเขาคงถูกแทงทันทีที่ก้าวไปเผชิญ!
‘หลบหลีกงั้นหรือ?’ ความคิดแรกที่มีคือการหลบหลีก แต่ก็ต้องโยนความคิดนี้ทิ้งไป แม้เขาจะสามารถหลบมันได้ด้วยความเร็วที่มีในตอนนี้ แล้วช่วงต่อไปล่ะ? เขาคงไม่อาจหลบได้ถึงสองช่วงลมหายใจด้วยซ้ำ!
เมื่อไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด เขาทำได้เพียงปะทะโดยตรง! แต่หยางเย่ก็ไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองมากนัก!
“สหายตัวจ้อย เจ้ามีความคิดอะไรบ้างหรือไม่?” ท้ายที่สุดหยางเย่ทำได้เพียงถามสหายตัวจ้อย เขาหวังว่ามันจะแนะนำบางอย่างเหมือนก่อนหน้านี้!
แต่ท้ายที่สุดก็ต้องผิดหวัง สหายตัวจ้อยทำได้เพียงส่ายหัวในตันเถียนน้ำวน มันแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางช่วยเหลือใดเช่นกัน!
หยางเย่ส่ายหัวอย่างไร้หนทาง จากนั้นค่อย ๆ กระโจนขึ้นไปยังตรงกลางห้องโถง
เมื่อไม่มีกลยุทธ์ใดที่จะนำมาต่อกรกับค่ายกล เขาทำได้เพียงเพิ่มความระมัดระวังให้ตนเอง เพราะกลยุทธ์การเอาชนะบางครั้งต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล!
ทันทีที่หยางเย่เข้าไปยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง สัญลักษณ์รอบกำแพงได้เปล่งแสงออก จากนั้นพวกมันไหลออกไปอย่างรวดเร็วตามรูปแบบ เพียงเวลาไม่นานสัญลักษณ์ทั่วทั้งห้องได้เริ่มทำงาน หรือแม้กระทั่งพื้นที่หยางเย่ยืนอยู่ก็เปล่งแสงขึ้นและไหลตรงไปยังกำแพง
หยางเย่ที่ยืนอยู่ตรงใจกลางแสดงท่าทีที่กดดันอย่างมากเมื่อมองไปยังสัญลักษณ์เหล่านั้น เขาโคจรพลังปราณทองคำไปยังดาบอย่างไม่หยุดยั้ง มันเริ่มสั่นราวกับว่ากำลังจะมีชีวิต
ชิ้ง!
ทันใดนั้นเองปราณดาบร้อยเล่มถูกยิงออกมาจากกำแพง มันพุ่งมาอย่างหนักหน่วงไปที่หยางเย่ทั้งสี่ทิศทาง ยิ่งกว่านั้นพวกมันยังรวดเร็วราวกับสายฟ้า!
ณ กลางห้องโถง ดวงตาหยางเย่หรี่ลงพร้อมเผยท่าทีดุร้ายออกมาบนใบหน้า!