มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 ยันต์ระดับสูง
“จากตรงนี้ ถูกต้องอย่าหยุดล่ะ ทำให้เสร็จในจังหวะเดียว…” หยางเย่ยืนข้างเฉียวอวี่เอ๋อ ขณะที่นางก็จ้องเขม็งไปที่กระดาษยันต์ด้วยสมาธิที่เต็มเปี่ยม หากนางแสดงท่าทีที่จะผิดพลาดหรือลังเล เขาจะเข้ามาช่วยแนะนำด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
หยางเย่ค่อนข้างประทับใจในตัวสตรีผู้นี้ที่ช่วยเหลือเขาก่อนหน้า พอเห็นเฉียวอวี่เอ๋อลำบาก เขาจึงไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือกลับ
หยางเย่เป็นคนนิสัยเช่นนี้ หากผู้อื่นปฏิบัติตัวกับเขาเช่นไร เขาก็จะปฏิบัติตัวกลับเช่นนั้น
ในครั้งแรกที่เฉียวอวี่เอ๋อเริ่มทำตามวิธีของหยางเย่ นางเองก็ระแวงในใจอยู่มาก เพราะครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้าย นางไม่อาจล้มเหลวได้อีก แต่เมื่อเริ่มเขียนยันต์ นางสังเกตว่าวิธีของหยางเย่นั้นดีกว่าของตนหลายเท่านัก!
ทุกครั้งที่หยางเย่ให้คำแนะนำจากด้านข้าง มันเหมือนการได้รู้แจ้งในทันที ตอนนี้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดถึงล้มเหลว ขณะเดียวกันนางก็ประหลาดใจ และสงสัยว่าหยางเย่คือใครกันแน่ เพราะไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้มาก่อน!
เฉียวอวี่เอ๋อยับยั้งความประหลาดใจไว้ และเพ่งสมาธิไปกับการเขียนยันต์ตามคำแนะนำของหยางเย่
พวกเขาเริ่มขยับใกล้กันขึ้นทุกที อาจเพราะหยางเย่ไม่ได้สนใจตนเองขณะให้คำแนะนำ มันทำให้ร่างเขาขยับเข้าไปใกล้ทีละน้อยจนสามารถได้กลิ่นหอมจากตัวนาง แต่ความคิดและอารมณ์ของหยางเย่ไม่ได้เตลิดไปไกล เขาขยับออกมาด้านข้างเล็กน้อย เพราะหยางเย่เห็นสตรีผู้นี้เป็นเพียงสหายเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาเองก็เคารพในตัวนาง
เฉียวอวี่เอ๋อสังเกตเห็นท่าทีหยางเย่ จากนั้นรีบใช้หางตามอง ในใจนั้นรู้สึกทั้งอยากขอบคุณ ความอบอุ่น และรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะในตอนแรก นางคิดว่าหยางเย่ตั้งใจจะให้คำแนะนำเพื่อจะได้ใกล้ชิด และใช้ประโยชน์ มันจึงทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วมในใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้หยางเย่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น มันจึงทำให้นางรู้สึกผิดที่คิดไม่ดี
ไม่นานเฉียวอวี่เอ๋อยกพู่กันขึ้นพร้อมสูดหายใจลึก ใบหน้านางเต็มไปด้วยท่าทีตื่นเต้น ภายใต้การแนะนำของหยางเย่ นางได้เขียนยันต์ลมกรดเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงแค่ถ่ายทอดจิตวิญญาณเข้าไปเท่านั้น
“ทำมันให้ช้า และอย่าประหม่า!” หยางเย่ยิ้มขณะให้กำลังใจนาง
ขณะมองไปที่รอยยิ้มของหยางเย่ เฉียวอวี่เอ๋อรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา ทั้งยังมีความรู้สึกผิดปกติปรากฏขึ้นในใจ แต่นางระงับอารมณ์ไว้ในทันทีและพยักหน้าให้หยางเย่ จากนั้นเฉียวอวี่เอ๋อสูดลมหายใจลึก นางหยิบสมุนไพรวิญญาณ และโลหิตสัตว์อสูรทมิฬบนโต๊ะมาก่อนจะเริ่มถ่ายจิตวิญญาณ
ในการถ่ายจิตวิญญาณ มันมีอยู่หลายวิธีในคัมภีร์ปลุกยันต์ห้าธาตุที่เปาเอ๋อให้ แต่เขาไม่ได้มอบมันให้เฉียวอวี่เอ๋อ เพราะเปาเอ๋อบอกไว้ว่าห้ามให้ใครดู อย่างไรก็ตาม แค่คำแนะนำมันก็คงเพียงพอแล้ว
เมื่อก่อนหน้านี้สำเร็จไปครั้งหนึ่งแล้ว เฉียวอวี่เอ๋อก็ไม่สงสัยในคำแนะนำของหยางเย่อีก นางถ่ายพลังวิญญาณลงในยันต์ตามวิธีของหยางเย่
เวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง อาจารย์จางที่เอนหลังอยู่ก่อนหน้านี้ได้ปรากฏตัวข้างหลังทั้งสอง เมื่อได้ยินวิธีและเทคนิคที่หยางเย่กล่าวออกมา อาจารย์จางที่สะลึมสะลืออยู่ได้ตื่นขึ้นทันที ไม่นานหนังสือปรากฏในมือเขา…
หยางเย่รู้สึกได้ว่าอาจารย์จางอยู่ข้างหลัง แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะมันเป็นช่วงเวลาสำคัญของเฉียวอวี่เอ๋อ ตอนนี้มันไม่อาจเกิดความผิดพลาดใดได้อีก มิฉะนั้นที่พวกเขาทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า
เวลาผ่านไปอย่างช้านาน หลังผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม เฉียวอวี่เอ๋อได้ถอนพู่กันออก เวลานี้ยันต์ลมกรดได้เปล่งประกายขึ้น
เมื่อมองไปที่ยันต์ลมกรดที่เปล่งประกาย เฉียวอวี่เอ๋อถอนหายใจพร้อมความตื่นเต้นที่เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้า ด้วยความตื่นเต้นนี้ทำให้นางเข้าไปกอดหยางเย่ที่ยืนด้านข้างทันทีพร้อมกล่าว “ข้าทำสำเร็จแล้ว ข้าทำสำเร็จแล้ว ข้าทำสำเร็จอย่างแท้จริง…”
ร่างของหยางเย่แข็งทื่อจากการถูกกอด ในขณะที่เขาขยับตัวไม่ได้ อาจารย์จางได้กล่าวอย่างตกใจอยู่ด้านข้าง “มันเป็นยันต์ลมกรดระดับกลาง ระดับกลาง…”
เมื่อได้ยินอาจารย์จางกล่าว เฉียวอวี่เอ๋อจึงได้สติกลับมา และรีบคลายกอดหยางเย่ออกพร้อมแก้มที่แดงก่ำ นางกลัวเล็กน้อยที่จะมองเขา ‘ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้! เราเข้าไปกอดผู้ชายเอง…’
ไม่มีอาการผิดปกติใดบนใบหน้าหยางเย่ จากนั้นเขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูเฉียว ขอแสดงความยินดีด้วย!”
เฉียวอวี่เอ๋อเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยิน นางถอนหายใจโล่งเมื่อได้เห็นใบหน้าหยางเย่เผยยิ้มกว้างให้ จากนั้นจึงมองไปยังอาจารย์จางที่ยืนถือยันต์ลมกรดระดับกลางอยู่พร้อมกล่าว “อาจารย์จาง ยันต์… ยันต์… ยันต์ลมกรดของข้าคือระดับกลางจริงหรือ?”
เมื่อได้ยินเฉียวอวี่เอ๋อ อาจารย์จางไม่ได้มองไปที่ยันต์ แต่มองไปที่หยางเย่ อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจยันต์ระดับกลาง แต่กลับสนใจในวิธีการของหยางเย่มากกว่า เขาทราบดีถึงความสามารถของเฉียวอวี่เอ๋อ และนางสามารถทำได้เพียงระดับต่ำเท่านั้นตามความสามารถตอนนี้ แต่ด้วยวิธีการของเด็กหนุ่มตรงหน้า มันทำให้นางสามารถสร้างยันต์ระดับกลางได้!
‘หากเราได้รับวิธีการของเจ้าหนุ่มคนนี้ละก็…’
เมื่อนึกได้เช่นนั้น อาจารย์จางกล่าว “เจ้าหนุ่ม ยันต์ของเจ้าอยู่ไหน? เอามาให้ข้าดูหน่อยสิ!”
หยางเย่พยักหน้า จากนั้นส่งยันต์เสริมกำลัง และยันต์สื่อสารให้อาจารย์จาง
เมื่อเห็นยันต์ทั้งสอง อาจารย์จางถึงกับตัวแข็งทื่อ ไม่นานเขากลืนน้ำลายลงคอพร้อมบ่นพึมพำราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว “เป็นได้อย่างไร? มันเป็นไปได้อย่างไร? ทั้งสองแผ่นเป็นยันต์ระดับสูง ระดับสูง…”
อาจารย์จางไม่อาจตำหนิสิ่งนี้ได้ เพราะไม่เพียงแค่พวกมันต้องใช้พลังปราณล้ำลึกแล้ว ยันต์ระดับกลางยังต้องใช้วิธีการที่ยุ่งยากอีกมากมาย ถึงแม้จะเป็นอาจารย์ยันต์ขั้นปฐพีเช่นเขา มันก็ยากที่จะสร้างยันต์ระดับสูงได้ แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับสร้างยันต์ระดับสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งกว่านั่นมันยังมีถึงสองแผ่น!
‘เขาเป็นอัจฉริยะงั้นหรือ? เขายังเป็นมนุษย์อยู่ใช่หรือไม่?’
เฉียวอวี่เอ๋อก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าทั้งสองแผ่นจะเป็นยันต์ระดับสูง! ‘หยางเย่ได้สร้างยันต์ระดับสูง! สวรรค์ ยันต์ระดับสูง!’
ตั้งแต่ที่เริ่มเข้าทำงานเป็นอาจารย์ยันต์ นางไม่เคยเห็นอาจารย์ยันต์คนไหนสร้างยันต์ระดับสูงได้สักครั้ง แต่ตอนนี้ยันต์ระดับสูงได้ปรากฏอยู่ด้านข้าง!
เมื่อเขาเห็นทั้งสองตกตะลึง หยางเย่ปาดจมูกพร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา ‘เหตุใดต้องตกตะลึงขนาดนั้น? มันเป็นเพียงยันต์ระดับสูงสองแผ่นเองไม่ใช่หรือ?’
หากอาจารย์จางและเฉียวอวี่เอ๋อทราบว่าหยางเย่คิดยังไง พวกเขาคงฟาดเขาจนตายแน่นอน!
จากนั้นไม่นาน อาจารย์จางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “น้องชาย บอกได้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นอาจารย์เจ้า? ข้าไม่มีประสงค์อื่นใด แต่เพราะเจ้าต้องมีคำแนะนำจากใครสักคนก่อนจะเป็นอาจารย์ยันต์ได้ แน่นอนแม้เจ้าจะไม่มีผู้ใดแนะนำก็สามารถเป็นอาจารย์ยันต์ได้เช่นกัน”
หัวใจหยางเย่ถึงกับสั่นรัวเมื่อได้ยินคำถาม เขาทราบแล้วว่าอาจารย์จางที่ยืนตรงหน้าสนใจวิธีการสร้างยันต์ของเขา และเหตุผลที่อาจารย์จางถามถึงนามอาจารย์ของหยางเย่ เพราะเขาอยากสืบข้อมูล ดังนั้นหากอาจารย์ของหยางเย่ไม่ใช่คนที่น่าเกรงขาม หรือบางทีอาจจะไม่มีอาจารย์ เช่นนั้นอาจารย์จางคงจะคว้าเขาไว้แน่!
เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่กล่าวด้วยเสียงต่ำ “อาจารย์จาง ข้าเป็นศิษย์ของสำนักดาบราชัน!”
“ดาบ…” ทันใดนั้น ดวงตาอาจารย์จางเปิดกว้าง เขากล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “เจ้า… เจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หลินงั้นหรือ?”
ทันทีที่กล่าวจบ เขากล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงงุนงง “แต่… แต่ไม่ใช่ว่าอาจารย์หลินมีลูกศิษย์เพียงคนเดียวหรอกหรือ? ข้าเคยเห็นศิษย์ของเขานานมาแล้ว ศิษย์คนนั้นมีนามว่าอะไรนะ…”
เปลือกตาหยางเย่บิดเบี้ยว เขาทราบอาจารย์จางกำลังสืบข้อมูลอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นหยางเย่กล่าวด้วยท่าทีสำรวม “เปาเอ๋อคือศิษย์พี่ข้า!”
เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว อาจารย์จางแอบถอนหายใจข้างใน เขาทราบว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หลินจริง เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคว้าหยางเย่มา
เขาทำได้เพียงเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าว “ใช่แล้ว เปาเอ๋อ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าน้องชายคือศิษย์ของอาจารย์หลิน แต่ข้าไม่เข้าใจบางอย่าง หากเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์หลิน ไฉนไม่ตรงไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิเพื่อทดสอบแทน?”
หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “อาจารย์จาง สรุปข้าผ่านหรือไม่? หากไม่ผ่าน เช่นนั้นคงต้องขอตัว!”
ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล่าวเช่นนี้แน่นอน ปัจจุบันตั้งแต่ที่สามารถใช้นามของ ‘อาจารย์’ เพื่อทำให้อาจารย์จางเกรงกลัว เขาก็ไม่ลังเลที่จะกล่าวเช่นนั้นไป
เมื่อได้ยินหยางเย่บอกแบบนั้น อาจารย์จางทราบแล้วว่าถามมากเกินไป เขารีบเผยรอยยิ้มในทันที “แน่นอน แน่นอน”
เมื่อกล่าวจบ เขามองไปที่เฉียวอวี่เอ๋อที่ยืนกังวลเล็กน้อยด้านข้าง “อวี่เอ๋อก็ผ่านเช่นกัน ใช่แล้ว ข้ามีความคิดบางอย่าง อวี่เอ๋อ ในเมื่อเจ้าเองก็ยังไม่มีอาจารย์ ข้าก็ยังไม่มีศิษย์ เช่นนั้นข้าตั้งใจจะรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าอยากจะเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?”
อาจกล่าวได้ว่ามีเสียงระเบิดดังก้องในหัวของเฉียวอวี่เอ๋อเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะความยินดีและความสุขทั้งหลายเข้ามาอย่างกะทันหันเกินไป ไม่นานนางก็ได้สติคืนก่อนจะโค้งคำนับแบบศิษย์คำนับอาจารย์พร้อมเอ่ย “อาจารย์!”
ทันทีที่กล่าวจบเฉียวอวี่เอ๋อชายตามองไปที่หยางเย่ นางไม่ใช่คนโง่ และทราบดีว่ามันเป็นเพราะหยางเย่ที่อาจารย์จางรับตนเป็นศิษย์ในทันที แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะวันนี้ไม่เพียงแค่อันตรายของตระกูลได้หมดไปแล้ว นางยังจะได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์แห่งยันต์
เมื่อนึกได้เช่นนั้น นางมองไปที่หยางเย่ก่อนจะถอนสายตาออกในทันทีที่เขาส่งยิ้มให้ ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจนทำให้ใบหน้านั้นแดงขึ้นมาอีกครั้ง