มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 80
ตอนที่ 80 กลัวหรือ?
เสียงที่คุ้นหูนั้นไม่ใช่ใครนอกจากชิงเสวีย สตรีที่เชิญเขาเข้าร่วมกลุ่มในวันนั้น เวลานี้การแสดงออกของนางสดใสขณะโต้เถียงกับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งกว่านั้นยังมีศิษย์นอกนับสิบคนยืนอยู่ข้างหลังของชิงเสวีย
หยางเย่ไม่ทราบว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่หยางเย่รู้จักชายอีกคนด้านข้าง เขากำลังชี้ไปที่ชิงเสวียขณะกล่าวบางอย่าง คนผู้นั้นคือเจียงหยวน คนที่ขัดแย้งกับหยางเย่ในวันนั้น
หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินเข้าไป
หยางเย่ที่กำลังมาถึงได้ยินเจียงหยวนกำลังกล่าว “ชิงเสวีย ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย เอาคนของเจ้าทั้งหมดมารวมกลุ่มกับข้า ไม่ก็ยุบมันทิ้งเสีย มิเช่นนั้นจะไม่มีที่ให้เจ้าในสำนักดาบราชัน”
เจียงหยวนต้องการคนจากกลุ่มชิงเสวียมานาน ในกลุ่มใหม่ที่ถูกตั้งขึ้น มีเพียงกลุ่มของชิงเสวียเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอจะสู้กับกลุ่มของเขา หากทำให้กลุ่มนี้เข้าร่วมด้วยได้ เมื่อกลุ่มรุ่นที่แก่กว่าหรืออัจฉริยะที่อยู่ในเทียบอันดับกลายเป็นศิษย์ใน เขาจะเข้าควบคุมศิษย์นอกทั้งหมดแน่นอน
ชิงเสวียไม่สนใจเจียงหยวน นางมองไปยังชายที่อยู่ข้างเจียงหยวนพร้อมท่าทีหวาดกลัวผ่านดวงตา นางกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ศิษย์พี่จางเหวิน ท่านเป็นยอดฝีมือในเทียบอันดับสำนักนอก เหตุใดถึงมาสนใจกลุ่มเล็กน้อยที่เพิ่งก่อตั้งกันล่ะ?”
ชายหนุ่มนามจางเหวินยิ้มพร้อมกล่าว “ศิษย์น้องหญิงชิงเสวีย เจ้าคงดีทราบว่าข้าอยู่อันดับยี่สิบหกของเทียบอันดับศิษย์นอก และอีกไม่นานข้าก็สามารถเป็นศิษย์ในได้จากการทดสอบในอีกสองเดือนจากนี้”
“เช่นนั้นแล้วใยต้องมากับเจียงหยวนเพื่อรังควานศิษย์น้องเล็กอย่างข้าล่ะ?” ชิงเสวียสับสน
จางเหวินตอบกลับ “ศิษย์น้องชิงเสวีย ตอนนี้ข้าไม่ได้สนใจในกลุ่มแล้ว ข้าสนใจในตัวเจ้ามากกว่า หากเจ้าตั้งใจจะเป็นคนของข้า เช่นนั้นข้าจะก็ไม่ลังเลที่จะจัดการกลุ่มเล็กน้อยทั้งหลายทิ้ง!”
เขาไม่ได้พูดจาโอ้อวด เพราะศิษย์นอกที่แข็งแกร่งจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อการทดสอบที่จะเริ่มในอีกสองเดือนข้างหน้า และศิษย์เหล่านั้นไม่สนใจกลุ่มเล็กน้อย ดังนั้นหากเขาลงมือ มันก็ไม่ต่างจากสายลมฤดูใบไม่ร่วงพัดผ่านใบไม้แห้ง
ท่าทีเจียงหยวนชะงักไปเมื่อได้ยินจางเหวิน เขาจ่ายอย่างหนักเพื่อให้ยอดฝีมือในเทียบอันดับมาช่วย แต่เดิมเขาคาดคิดว่าจางเวินจะช่วยเขารวมศิษย์ใหม่ในสำนักนอก แต่ไม่คาดคิดว่าจางเหวินจะกลับคำเพียงเพราะสตรีผู้นี้
ในอีกด้านหนึ่ง ศิษย์นนอกด้านหลังชิงเสวียต่างพากันขุ่นเคือง พวกเขามองจางเหวินด้วยสายตายโกรธเกรี้ยว หากพวกเขาไม่เกรงกลัวอันดับที่จัด พวกเขาคงเข้าโจมตีไปนานแล้ว
แต่ดูเหมือนจางเหวินไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาเหล่านั้น เขายังแทะโลมชิงเสวียต่อ แต่เดิมเขาตั้งใจจะช่วยเจียงหยวนจัดการกลุ่มเล็กน้อย แต่ก็ได้เปลี่ยนความคิดทันทีที่เห็นชิงเสวีย มีศิษย์ที่เป็นสตรีเพียงน้อยนิดในสำนักดาบราชัน และพวกนางต่างงดงามอย่างมาก ดังนั้น ในใจเข้าได้เปลี่ยนไปเมื่อเห็นนาง
ท่าทีชิงเสวียดูมืดครึ้มอย่างมาก ประกายแห่งความเย้ยหยันปรากฏขึ้นมุมปากนางขณะมองจางเหวิน “นี่คือนิสัยของยอดฝีมือในเทียบอันดับศิษย์นอกงั้นหรือ มันต่ำต้อยกว่าคนในเมืองเสียอีก ท่านทำได้เพียงบังคับให้ผู้อื่นเข้าร่วมด้วยกำลัง ช่างหน้าละอายและน่ารังเกียจนัก! สำหรับข้าดูเหมือนท่านจะด้อยกว่าเจียงหยวนด้วยซ้ำ อย่างน้อยเขาก็ไม่น่ารังเกียจขนาดนั้น!”
‘กล่าวได้ดี!’ เจียงหยวนแอบคิดในใจ เทียบกับชิงเสวีย ตอนนี้เขาชิงชังยอดฝีมือด้านข้างมากกว่า ความจริงเขาจ่ายเงินเพื่อขอให้ยอดฝีมือผู้นี้ช่วยเหลือเพื่อกำจัดศัตรู แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอยากช่วยศัตรูตรงหน้าแทน
ดวงตาจางเหวินหรี่ลง จากนั้นประกายเย็นเยือกปรากฏออกมาท่ามกลางพวกเขา “ศิษย์น้องชิงเสวีย เจ้าต้องรับผิดชอบในคำที่ได้สบถไว้ นอกจากนั้น ศิษย์พี่ไม่ได้บังคับเจ้า ศิษย์พี่บอกแค่ว่าหวังให้เจ้ามาเป็นคนของข้า แต่เจ้ากลับทำให้ข้าอับอายถึงเพียงนี้ ดังนั้นเจ้าต้องขอโทษข้า หรือไม่ก็รับการประลอง ถูกต้อง ประลองในลานประลองเป็นตาย!”
เมื่อพวกเขาได้ยินจางเหวิน กลุ่มด้านหลังชิงเสวียได้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครม ไม่นานหลังจากได้สติ พวกเขาสาปแช่งเจียงหยวนผู้นี้ในใจ แม้แต่ศิษย์บางคนด้านหลังเจียงหยวนก็แสดงท่าทีเช่นเดียวกัน เพราะจางเหวินเป็นถึงศิษย์นอกที่อยู่ในเทียบอันดับ แต่เขากลับท้าศิษย์ใหม่ประลอง ทั้งยังเป็นในลานประลองเป็นตาย มันเป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งนัก
ชิงเสวียแสดงท่าทีโกรธอย่างมาก นางไม่คาดคิดว่าจางเหวินจะเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ ‘ขอโทษ? มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!’ แต่หากนางรับคำท้า และไปยังลานประลองเป็นตาย เช่นนั้นแม้จางเหวินจะไม่สังหารนาง เขาก็จะทำให้นางอับอายจนถึงที่สุด
แน่นอนว่านางตั้งใจจะปฏิเสธคำท้า แต่นางกลับไม่ทำ เพราะกลุ่มของนางเพิ่งก่อตั้ง หากนางแสดงความอ่อนแอออกไป ในอนาคตจะรับสมัครคนเพิ่มได้อย่างไร
ขณะที่ชิงเสวียกำลังตกที่นั่งลำบาก เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น “ข้าจะรับคำท้าแทนนางเอง!”
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงนั้น ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เจียงหยวนและจางเหวินขมวดคิ้ว ส่วนชิงเสวียรู้สึกดีใจทันที เพราะเสียงนั้นเป็นของหยางเย่
ทุกคนต่างหันไปมองหาต้นเสียง พวกเขาถึงกับตื่นตระหนกพร้อมตะโกนเสียงดัง
“เป็นหยางเย่! เขาจริง ๆ ด้วย! ฮ่าฮ่า! มีการแสดงให้ดูเพิ่มแล้ว!”
“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป จางเหวินเองก็เป็นยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ระดับสาม ส่วนหยางเย่เพิ่งอยู่ขั้นปราณมนุษย์เท่านั้น เขาจะล้มจางเหวินได้งั้นหรือ?”
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือไง! หยางเย่เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจ เขาสามารถผ่านไปได้ถึงชั้นยี่สิบสอง เจ้าทราบหรือไม่ว่าชั้นยี่สิบสองหมายถึงอะไร? เจ้ารู้จักเจียงหยวนใช่หรือไม่? เจียงหยวนสามารถไปได้ชั้นที่สิบหกด้วยความแข็งแกร่งขั้นปราณสวรรค์ระดับหนึ่ง ส่วนหยางเย่ไปได้ถึงชั้นยี่สิบสอง ทีนี้ทราบหรือยังว่าข้าต้องการจะสื่ออะไร?”
“สื่อกับผีสิ! เข้าเรื่องได้แล้ว อย่าได้มากความ!”
“มันหมายความว่าความแข็งแกร่งของหยางเย่ทัดเทียมกับยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์แล้วไง แต่ข้าไม่คาดคิดว่าหยางเย่จะอยู่ข้างศิษย์พี่ชิงเสวีย เป็นไปได้ไหมว่าเขาชอบศิษย์พี่ชิงเสวีย? สวรรค์! ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น! ศิษย์พี่ชิงเสวียเป็นของข้าผู้เดียว…”
“เจ้านี่ไม่หัดมองกระจกดูบ้างเลย เจ้าน่ะอ้วนยังกับหมู ศิษย์พี่ชิงเสวียจะไปชอบเจ้าได้ยังไง?”
ท่ามกลางการสนทนาของพวกเขา หยางเย่ก็ได้มาถึงข้างชิงเสวียเรียบร้อย เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้นาง ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ปรากฏตัว เพราะต้องการจะดูชิงเสวียเผชิญหน้ากับเงื่อนไขของจางเหวิน หากชิงเสวียยอมไปกับเขา เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่านางทำให้หยางเย่ผิดหวังมาก โชคดีชิงเสวียไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ชิงเสวียยิ้มให้และพยักหน้าเช่นกันเมื่อเห็นหยางเย่ ด้วยเหตุผลบางประการ นางมีความรู้สึกว่าจางเหวินที่เป็นศิษย์บนเทียบอันดับสำนักนอกที่ไม่คู่ควรกับหยางเย่ แน่นอนว่าหากนางไม่เห็นเหตุการณ์ในวันที่หยางเย่จัดการกับเจียงหยวน ก็คงไม่เกิดความรู้สึกเช่นนี้
“เจ้าคือหยางเย่งั้นหรือ?” ขณะที่มองไปยังหยางเย่ เจียงหยวนถามด้วยน้ำเสียงต่ำ เขาเกรงกลัวหยางเย่เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแค่เขา ทุกคนในในนี้ต่างกลัวหยางเย่กันหมด เพราะดูเหมือนเขาจะเหนือกว่าสตรีปีศาจทั้งพรสวรรค์และความสามารถ!
หยางเย่หันไปมองจางเหวินก่อนจะกล่าว “ชิงเสวียคือสหายข้า และข้ายังเป็นสมาชิกของกลุ่มด้วย ดังนั้นให้เรื่องมันจบแค่ตรงนี้ และอย่ามาสร้างปัญหาให้นางกับกลุ่มนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงหยางเย่ที่ดูผ่อนปรนของหยางเย่ จางเหวินเกิดมีความมั่นใจขึ้นมาในทันที “ให้ข้าปล่อยมันไปงั้นหรือ นางเหยียดหยามข้าต่อหน้าคนมากมาย เช่นนั้นจะให้เรื่องนี้จบลงโดยง่ายได้ยังไง?”
‘สรุปก็คือเขาเป็นอีกหนึ่งในพวกที่ไม่สนเหตุผลอะไรสินะ!’ หยางเย่เข้าใจและรีบตอบกลับในทันที “เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไปลานประลองเป็นตายกัน!”
เปลือกตาจางเหวินกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หยางเย่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างข้ากับชิงเสวีย เจ้าต้องการเข้ามาเกี่ยวพันด้วยงั้นหรือ?”
หยางเย่พยักหน้าพร้อมกล่าว “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าชิงเสวียคือสหายของข้า เอาล่ะ อย่าเปลืองลมหายใจเลย ไปเจอกันที่ลานประลองเป็นตายเลยไม่ดีกว่าหรือ?”
หยางเย่ไม่ต้องการเสียเวลากับคนที่ไม่เข้าใจในเหตุผล เพราะมันก็เป็นแค่คนที่กระทำในสิ่งที่โง่เขลา
ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาของจางเหวินเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ให้เกียรติของหยางเย่ เขากล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “หยางเย่ ข้ายอมรับในความแข็งแกร่ง และพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของเจ้า แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถระรานศิษย์บนเทียบอันดับสำนักนอกได้เพราะแค่นั้นงั้นหรือ? อัจฉริยะและยอดฝีมือบนเทียบอันดับสำนักนอกนั้นเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้มากนัก!”
เมื่อได้ยินจางเหวินขู่ หยางเย่จึงหัวเราะเย้ยหยันกลับ “เจ้าจะยกยอตนเองมากเกินไปแล้ว เจ้าจะเป็นศิษย์บนเทียบอันดับสำนักนอกหรือไม่ข้าไม่สน เอาละ อย่าเปลืองเวลา เจ้าจะไปลานประลองเป็นตายกับข้าหรือไม่? ตอบคำถามข้าได้แล้ว”
“ให้คำตอบเขาเสียที! เจ้าจะไปหรือไม่? หรือเจ้าไม่มั่นใจพอ?”
“ถูกต้อง! เกิดอะไรขึ้น? เจ้ากลัวหรือไง? หากไม่กลัวก็ไปได้แล้ว! ก็แค่ลานประลองเป็นตายเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“บรรดาศิษย์บนเทียบอันดับสำนักมักจะระรานผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่กลับกลัวคนที่แข็งแกร่งหรือ? เจ้าท้าคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลับหดหัวเมื่อเจอกับผู้ที่แข็งกว่าหรือไง? หากทุกคนในเทียบอันดับสำนักเป็นเช่นเจ้า ข้าคงไม่พยายามเข้าไปอยู่ในเทียบอันดับบ้าบอนั้นแน่นนอน!”
เวลานี้ บรรดาศิษย์ด้านหลังชิงเสวียมองอย่างเย้ยหยันไปที่เขา
จางเหวินกำหมัดแน่นเมื่อได้ยิน เส้นเลือดที่ปูดโปนตรงหน้าผากแสดงให้เห็นว่ากำลังโกรธอย่างมาก หลายครั้งที่เขาคิดจะตอบตกลง แต่ด้วยเหตุผลนั้นบางอย่างจึงไม่กล้าตอบรับ เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะคนที่ไปถึงชั้นที่ยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบได้!
ผ่านไปชั่วครู่ จางเหวินสูดหายใจลึก จากนั้นเขามองไปที่หยางเย่ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
แต่ขณะที่จางเหวินกำลังจะกลับไป หยางเย่ได้ตะโกนเรียกเขา “รอก่อน!”