มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 107 คนไร้ยางอาย
บทที่ 107 คนไร้ยางอาย
เข้าเดินเข้าไปตบไหล่ลู่เมิ่งเหยาเบา ๆ “เมิ่งเหยา ท่านพ่อของเจ้าได้จากไปแล้ว แต่ท่านหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตต่อไป เจ้าจะต้องเข้มแข็งขึ้นมา
เอ่ยตามจริง หลัวซิวไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะปลอบใจคนอื่นเช่นไร
ลู่เมิ่งเหยาโผเข้าหาอ้อมกอดของเขา ไม่อาจควบคุมความโศกเศร้าที่อยู่ภายในใจได้ การจากไปอย่างกะทันหันของบิดา ทำให้นางรู้เหมือนกับว่าได้สูญเสียที่พึ่งทั้งหมดไป
และก่อนที่นางจะสูญเสียบิดาไปนั้น นางก็ได้สูญเสียหลัวซิวไปแล้ว ราวกับว่าตัวนางไม่เหลืออะไรอยู่เลย
ช่วงเวลาสามวันมานี้ หลัวซิวคอยอยู่ที่ข้างกายลู่เมิ่งเหยา นางดูอ่อนเพลียตรอมใจมากยิ่งขึ้น แต่บางทีอาจเป็นเพราะมีหลัวซิวคอยอยู่ข้างกาย ในที่สุดนางก็ได้ค่อยคลายความโศกเศร้าลง
“ข้าอยากจะนำร่างของท่านพ่อไปฝังไว้ที่ภูเขานอกเมือง”
หลังจากที่อารมณ์ได้สงบลงมาบ้าง ลู่เมิ่งเหยาก็ได้บอกความคิดของตนออกมา “ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก ท่านพ่อมักจะพาข้าไปเล่นที่ภูเขาแห่งนั้นอยู่บ่อยครั้ง สอนข้าฝึกวิชายุทธ์”
คงเป็นเพราะได้หวนนึกถึงอดีตที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับบิดา ขอบตาของลู่เมิ่งเหยาได้แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้า
“ข้าจะไปกับเจ้า” หลัวซิวกล่าว
ลู่เฟยเฉินได้ตายไปแล้ว หลัวซิวก็ไม่ได้เคียดแค้นหรือมีอคติกับเขาอีกต่อไป
ร่างไร้วิญญาณของลู่เฟยเฉินได้ถูกใส่ไว้ในโลงศพ จากนั้นก็ถูกลู่เมิ่งเหยาเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของ
แม้ว่าเรื่องชิงตำแหน่งเจ้าสำนักจะผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ในตอนที่หลัวซิวและลู่เมิ่งเหยาพึ่งจะเดินออกมาจากองค์กรนักล่ายุทธ์นั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนคอยจับตามองอยู่
อารมณ์ของลู่เมิ่งเหยานั้นไม่ค่อยจะดีนัก เลยไม่ได้สังเกตเห็นอะไร ในการรับรู้ของหลัวซิว มีคนหกคนกำลังสะกดรอยตามอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มสวมอาภรณ์ผ้าดิ้นสีสันสดใส ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นยอดฝีมือในแดนจอมยุทธ์พรสวรรค์!
หลัวซิวไม่ได้เอ่ยเตือนลู่เมิ่งเหยา แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีจอมยุทธ์พรสวรรค์อยู่ผู้หนึ่ง แต่จากการสัมผัสพลังชีวิต ผลการฝึกตนของคนผู้นี้ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนดั่งจางหลู่เหลียง น่าจะเป็นแดนพรสวรรค์ขั้น 2
หลังจากที่ผลการฝึกตนได้พัฒนาถึงชี่ไห่ขั้น 5 ฝีมือของหลัวซิวก็ได้พัฒนาขึ้นมาไม่น้อย ปราณเป็นตาย 2 ระดับที่รวบรวมออกมาจากวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพในจุดตันเถียนได้กลายตัวเป็นของเหลว เหมือนดั่งทะเลสาบ
แดนพรสวรรค์ขั้น 2 ผู้หนึ่ง เขาไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด อาศัยกลเม็ดของตน น่าจะสามารถต้านทานได้
“คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้อาศัยค่ายวาร์ปขององค์กรนักล่ายุทธ์ออกไปจากเขตการปกครองหยุนหลง สวรรค์เข้าข้างข้าจริง ๆ!”
ชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสผู้นั้น จ้องมองแผ่นหลังของลู่เมิ่งเหยาด้วยสายตาเยือกเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“คุณชาย จะให้แจ้งนอกสำนักและในสำนัก ส่งยอดฝีมือมามากหน่อยหรือเปล่าขอรับ?” จอมยุทธ์ชี่ไห่ขั้น 9 กล่าวเสียงเบา
“จอมยุทธ์ชี่ไห่สองคนเท่านั้นเอง ข้าสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เจ้าสงสัยในฝีมือของข้าหรืออย่างไร?” ชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ข้าน้อยไม่กล้า คุณชายเป็นถึงจอมยุทธ์พรสวรรค์ สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ชี่ไห่เพียงสองคนได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว” จอมยุทธ์ชี่ไห่ขั้น 9 เงียบเหมือนดั่งจักจั่นในยามหน้าหนาว
“พวกจับจับตาดูให้ดี ไม่มีลู่เฟยเฉินเป็นที่พึ่ง ลู่เมิ่งเหยาถูกกำหนดให้เป็นผู้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว รอข้าเล่นเบื่อแล้ว ถึงตอนนั้นจะยกเป็นรางวัลให้พวกเจ้าได้สนุก” ชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสกล่าวพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ได้ยินดังนั้น พวกผู้ติดตามของชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสต่างก็ดวงก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ก่อนนั้น ลู่เมิ่งเหยาเป็นหญิงสาวที่น่าภูมิใจของสำนักเซียวเหยา ศิษย์หญิงไม่น้อยของสำนัก ต่างไม่อาจทัดเทียมกับความสวยของนางได้ ถ้าหากได้ดมดอมสตรีเช่นนี้ ต่อให้ต้องอายุสั้นลงถึงสิบปีก็คุ้มแล้ว!
โดยไม่รู้ตัว หลัวซิวและลู่เมิ่งเหยาก็ได้เดินออกมาจากเขตการปกครองหยุนหลงเป็นที่เรียบร้อย
ห่างออกมาไม่ไกลจากเมืองสักเท่าไรนัก มีภูเขาลูกเล็กที่เขียวขจีอยู่แห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า ทิวทัศน์ไม่เลวเลย
ที่ตีนเขา มีป่าไผ่สีเขียวสดใสอยู่แห่งหนึ่ง ที่ด้านข้างมีแม่น้ำหนึ่งสาย สายน้ำไหลเชี่ยว ใสจนมองเห็นก้น
หาสถานที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ลู่เมื่องเหยาได้นำเอาโลงศพของบิดา ออกมาจากแหวนเก็บของ เตรียมที่จะฝังในที่แห่งนี้
“โลงศพ? ดูเหมือนว่าลู่เฟยเฉินได้ตายไปแล้ว”
จู่ ๆ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ได้ดังลอยมา ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่กระชั้นชิด ชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสพร้อมผู้ติดตามห้าคน เดินตรงเข้ามาทางด้านนี้
หลัวซิวได้สังเกตเห็นคนพวกนี้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้แปลกใจอะไร ส่วนลู่เมิ่งเหยานั้นได้หันไปตามเสียง เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสที่นำหน้า ใบหน้างดงามก็เปลี่ยนสีไปทันที
“โกวจินชวน เป็นเจ้าเอง? เจ้ามาที่นี่ทำไม? เจ้าสะกดรอยตามข้า?”
เมื่อได้ยินเสียงตกใจจตนทำอะไรไม่ถูกของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวถึงได้ทราบว่า ชายหนุ่มในชุดผ้าดิ้นสีสันสดใสที่นำหน้าผู้นี้ ก็คือโกวจินชวนที่ลู่เฟยเฉินจะให้ลู่เมิ่งเหยาแต่งงานด้วยนั่นเอง
โกวจินชวนผู้นี้ เป็นหลานชายของโกวหงยี่ผู้อาวุโสในสำนัก และยังเป็นหนึ่งในศิษย์ในสำนัก มีผลการฝึกตนในระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด
เพราะไม่ว่าจะเป็นในฐานะอะไร จะต้องมีผลการฝึกตนในระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ ถึงจะมีคุณสมบัติเป็นศิษย์ในสำนัก
นอกจากโกวจินชวนผู้นี้ ชายหนุ่มที่ติดตามอยู่ข้างกายของเขาทั้งห้าคน ล้วนมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับชี่ไห่ขั้น 9 น่าจะล้วนเป็นศิษย์นอกสำนัก
ในสำนักเซียวเหยา มีศิษย์นอกสำนักที่เลือกที่จะเข้าอาศัยศิษย์ในสำนัก ผู้อ่อนแอพึ่งพิงผู้แข็งแกร่ง บวกกับภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของโกวจินชวน มีศิษย์นอกสำนัก พึ่งพิงติดตามเขา ก็เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา
“เหอะ ๆ เมิ่งเหยา ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านะ เจ้าควรจะดีใจที่ได้พบข้าถึงจะถูก” โกวจินชวนลูบคางพลางกล่าว
“ข้าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้า เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่! เจ้าเป็นคนเยี่ยงไรเจ้ารู้แก่ใจดี ลูกศิษย์ผู้หญิงของทั้งนอกสำนักและในสำนักถูกท่าย่ำยีมากี่คนแล้ว” ใบหน้าที่งดงามของลู่เมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความโมโหพลางกล่าว
“เมิ่งเหยา จะพูดเช่นนี้ไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้ต่างฝ่ายต่างก็เต็มใจทั้งนั้น ผู้หญิงพวกนั้นสามารถขึ้นเตียงกับข้าได้ ถือเป็นเกียรติของพวกนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ท่านลุงลู่เตรียมที่จะยกเจ้าให้แต่งกับข้า เพียงแต่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้นพวกเราถึงยังไม่ได้แต่งงานกัน ในวันนี้ท่านลุงลู่พึ่งจากไปยังไม่นานนัก หรือว่าเจ้าจะเป็นลูกเนรคุณ?”
ในขณะที่กล่าว โกวจินชวนก็ได้มองไปรอบ ๆ ลูบคางพลางกล่าว: “สถานที่แห่งนี้ทิวทัศน์งดงาม เจ้าจะฝังคนตายเอาไว้ที่นี่มันค่อนข้างจะทำลายบรรยากาศไปหน่อย พอดีที่นี่ไม่มีคนอื่นอยู่ ข้าคิดว่าพวกเราสู้กันในป่าก็ไม่เลว”
จากนั้น โกวจินชวนก็ได้ชี้ไปที่หลัวซิว “เจ้าหนุ่มคนนี้คงจะเป็นหลัวซิวสินะ ได้ยินว่าเจ้าชอบมันมาก ไม่รู้ว่าถูกข้าย่ำยีต่อหน้าคนที่ตนรักนั้น ในใจเจ้าจะรู้สึกเช่นไร?”
หลังจากที่กล่าวจบ โกวจินชวนก็หัวเราะเสียงดัง เหมือนกับรู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองนั้นน่าสนใจไม่เบา
“โกวจินชวน เจ้ามันคนจิตวิปริต!” ลู่เมิ่งเหยาโกรธจนตัวสั่น
“ฮ่า ๆ เจ้าพูดถูก ข้าเป็นคนโรคจิตแล้วยังไง? หญิงสารเลวเจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือ? วันนี้ลู่เฟยเฉินได้ตายไปแล้ว ตัวเจ้าสำหรับข้าแล้ว ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นใต้เป้ากางเกงเท่านั้นเอง ข้าอยากจะมีความสุขกับเจ้าเช่นไร ก็จะทำเช่นนั้น!”
โกวจิ่วชวนเลียริมฝีปาก ยื่นมือชี้ไปทางหลัวซิว และออกคำสั่งกับเหล่าผู้ติดตาม: “พวกเจ้าจัดการกับเจ้าหนุ่มคนนี้ซะ อย่าพึ่งฆ่า ข้าจะให้มันดูว่าข้าย่ำยีมีความสุขกับผู้หญิงสารเลวคนนี้เช่นไร!”
“ขอรับ!”
จอมยุทธ์ชี่ไห่ขั้น 9 ทั้งห้าคนยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไปปิดล้อมหลัวซิวเอาไว้ ในสายตาของพวกเขาปะปนไปด้วยความบ้าคลั่งที่ร้อนแรง หนึ่งในนั้นกล่าวพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย: “รอคุณชายเล่นจนพอใจแล้ว ก็คงจะถึงทีพวกเราแล้วสินะ?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา อีกสีคนที่เหลือก็หัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ เป็นที่ประจักษ์พวกมันได้ทำเรื่องแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง
หลัวซิวเงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เยือกเย็นเหมือนดั่งลำแสงที่เย็นยะเยือก มองดูกลุ่มชายหนุ่มที่ปิดล้อมเข้ามา ราวกับกำลังมองคนตาย
และในเวลานี้ โกวจินชวนก็ได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปทางลู่เมิ่งเหยา “เมิ่งเหยา ข้าแนะนำทางที่ดีเจ้าอย่าได้ขัดขืน ต่อให้เจ้าตัวตาย ข้าก็สามารถมีความสุขกับร่างไร้วิญญาณของเจ้าได้ ถ้าเจ้าไม่อยากตาย ทางที่ดีก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย”
“เจ้า……โกวจินชวนเจ้าต้องไม่ตายดีแน่!” ลู่เมิ่งเหยาโมโหจนร่างบอบบางสั่นสะท้าน บิดาพึ่งสิ้นใจไปได้ไม่นาน ตัวเองก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกย่ำยีแล้วอย่างนั้นหรือ?
########################