มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1131
สมบัติที่อยู่ในเขาปีศาจมารมีเยอะมาก ในทุก ๆ วันจะมีจอมยุทธ์จำนวนมากมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และหาสมบัติที่นี่ จอมยุทธ์ในกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ เยอะและสลับซับซ้อนมาก ดังนั้นการเข่นฆ่าจึงเป็นเรื่องที่ปกติไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แนวคิดของหลัวซิวก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน ถ้ามีของดี ๆ ปรากฏขึ้นจริง หากมีศักยภาพมากพอที่จะแย่งชิง งั้นเขาก็จะไม่ออมมือ ไม่มีทางยกโอกาสดี ๆ ให้คนอื่นแน่นอน
หลังจากที่ผ่านไปสักพัก เมื่อพวกหลัวซิวไปถึงที่หมาย พบว่ามีคนสิบกว่าคนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว กลิ่นหอมของยาที่เข้มข้นได้โชยมาจากด้านหน้า เห็นเพียงคนสิบกว่าคนนั้นกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ล้อมอยู่รอบหุบเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง
หุบเขาลูกนี้เล็กและอำพรางตัวได้ดีมาก ตรงกลางของหุบเขามีพงหญ้าหนึ่งพง ในพงหญ้าที่เขียวชอุ่มมีดอกไม้สีแดงที่สวยสดงดงาม ซึ่งโดดเด่นเป็นอย่างมาก
“ดอกสายโลหิต?”
หลัวซิวหยีตาลง นี่คือยาเซียนชนิดหนึ่ง ดอกที่เบ่งบานจะพราวเสน่ห์งดงามมาก เหมือนถูกย้อมด้วยเลือดที่แดงสด จัดอยู่ในยาเซียนระดับ 2 สามารถนำมากลั่นสกัดเป็นยาเซียนที่ใช้ชุบร่างเนื้อได้
ยาเซียนระดับ 2 เป็นยาที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงกลางต้องใช้ในการฝึกตน มูลค่าของมันสูงกว่ายาเซียนระดับ 1 มาก
แค่ดอกสายโลหิตหนึ่งดอก มูลค่าของมันก็เทียบเท่ากับแก้วเทวนับหมื่นชิ้นแล้ว
จอมยุทธ์สิบกว่าคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้รู้สึกสนใจต่อการปรากฏตัวของพวกหลัวซิวแต่อย่างใด เนื่องจากจำนวนคนที่รวมตัวกันมาที่นี่มีไม่น้อยตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนดอกสายโลหิตกลับมีแค่ดอกเดียว
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมฟ้าดิน รวมไปถึงระดับสูงต่ำของวิชาที่ฝึกตน ทำให้จอมยุทธ์ในโลกเสวียนเทียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาร่างเนื้อ ตัวสำนึกและผลการฝึกตนมาก ๆ ไม่เหมือนกับจอมยุทธ์ในโลกแสงดาวที่เนื่องจากศักยภาพของตนมีขีดจำกัด จอมยุทธ์ส่วนมากในโลกแสงดาวหลังจากที่บรรลุถึงช่วงปลาย พวกเขาก็จะเริ่มเน้นฝึกตนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อที่จะสามารถบรรลุไปถึงแดนที่สูงมากยิ่งขึ้น
และจอมยุทธ์ส่วนมากในโลกเสวียนเทียนจะยกระดับร่างเนื้อ ตัวสำนึกและผลการฝึกตนไปพร้อมกันทั้งสามด้าน นอกเสียจากว่าหลังจากที่ผลการฝึกตนขึ้นถึงขีดจำกัดแล้ว ถึงจะเริ่มเน้นฝึกตนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะเพื่อบรรลุขั้น
จากเงื่อนไขในการฝึกตนและสภาพแวดล้อมของโลกเสวียนเทียน โดยทั่วไปแล้วต้องรอหลังจากที่บรรลุถึงเทพมารแล้ว ถึงจะเริ่มเลือกสายที่จะเน้นฝึกโดยเฉพาะเหมือนจอมยุทธ์ในโลกแสงดาว
เพราะฉะนั้นดอกสายโลหิตดอกนี้จึงเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก ๆ สำหรับผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงกลางที่เน้นชุบร่างเนื้อ
หลัวซิวใช้สายตากวาดมองทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุอย่างชิลสบาย พบว่าผลการฝึกตนของทั้งสิบกว่าคนที่มาถึงที่นี่ก่อนไม่ถือว่าสูงมากนัก นอกจากมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนหนึ่งแล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนผลการฝึกตนของเขานั้นอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 พูดได้เลยว่าเป็นคนที่ผลการฝึกตนต่ำที่สุดของที่นี่
วินาทีนี้ทุกคนล้วนจ้องเขม็งไปทางดอกสายโลหิตที่อยู่ในพงหญ้ากลางหุบเขา มีคนสองสามคนกวาดตามองมาทางหลัวซิวอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก มีความดูหมิ่นปรากฏบนใบหน้าของคนเหล่านั้นเล็กน้อย พลางนึกในใจมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 แบบนี้ก็กล้าย่างกรายเข้ามาในเขาปีศาจมารอย่างนั้นหรือ ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ
“ค่ายกลพรสวรรค์?”รูม่านตาของหลัวซิวหดลง เขาค้นพบว่าภายในหุบเขานี้มีลายค่ายซ่อนเร้นที่เลือนรางไม่ชัดเจน หากไม่ใช่คนที่ตัวสำนึกแข็งแกร่งและเข้าใจในเรื่องค่ายกลก็จะสังเกตไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ
จากการสังเกตการณ์ หลัวซิวพบว่านี่คือค่ายกลพรสวรรค์ที่ก่อให้เกิดการตัดขาดกลิ่นอายจากโลกภายนอก ไม่มีคุณสมบัติในการโจมตี
ทันใดนั้นเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเริ่มลงมือปฏิบัติการก่อน ถัดจากนั้นทุกคนก็ได้ลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน พุ่งตรงไปยังศูนย์กลางหุบเขา
“พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่ก่อน อย่าขยับไปไหน”
หลัวซิวพูดกับจินเฟยเทียนและถังหยุนที่อยู่ข้าง ๆ คนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้เคลื่อนไหวร่างกายพุ่งตรงไปข้างหน้าเช่นกัน
ทันทีที่เข้าไปภายในหุบเขา ก็เท่ากับการเข้าไปภายในขอบเขตของค่ายกลพรสวรรค์ ภายในหุบเขาดูเงียบสงบมาก ๆ ดูเหมือนจะไม่มีภัยคุกคามใด ๆ
อย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่ที่นี่กลับอยู่ในความระแวดระวังตลอดเวลา เนื่องจากทุกคนต่างเขาใจดีมาก ๆ ว่าในเขาปีศาจมารมีภัยคุกคามเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเหล่าจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบกาย พวกเขาก็สามารถลงมือฆ่าตนอย่างโหดเหี้ยมได้ตลอดเวลา