มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1173
“หยุด!”
ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนอื่น ๆ ในสำนักเซียนไร้เจตสิกพากันพุ่งตรงเข้ามา สีหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย เสี้ยววินาทีที่เขาแกว่งมือไปมาอย่างชิลสบาย ก็มีพลังอมตะสิบกว่าพลังปรากฎออกมา โจมตีผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าสิบกว่าคนนั้นจนถอยออกไปหมด
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่?”
เมื่อภาพเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏในสายตาของผู้แข็งแกร่งทุกคน ทำให้สีหน้าของทุกคนดูช็อกขึ้นมาภายในพริบตา
เนื่องจากศักยภาพที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวแสดงออกมานั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทียนหวูเชวเลย ในโลกเสวียนเทียนมียอดฝีมือแบบนี้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?
“ต่อให้บอกพวกเจ้าไป พวกเจ้าจะรู้จักตัวตนของข้าหรือ?”
ชายหนุ่มยิ้มอ่อน ก่อนที่เงาร่างเขาจะเดินตรงเข้าไปทางประตูของวังเซียนอย่างสุขุม จะเข้าไปในวังเซียนที่ยิ่งใหญ่สูงตระหง่านนี้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
จ้าวปีศาจมารตะคอกเสียงดังลั่น กลายร่างเป็นวิหคยักษ์ปีกทอง ข่วนกรงเล็บอันเฉียบคมสีทองมา
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนหนึ่ง สีหน้าของชายหนุ่มก็ยังคงดูเรียบนิ่งสุขุมอยู่เช่นเคย ยกมือขึ้นมาปล่อยพลังอมตะออกไปหนึ่งพลัง พลังอมตะกลายกระบี่เทพหนึ่งเล่ม เฉือนใส่กลางอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่โลหิตสีทองจะกระเซ็นไปทั่ว
วิหคยักษ์ปีกทองบินพรวดขึ้น กรงเล็บสีทองคู่หนึ่งถูกเฉือนจนแทบจะขาดออกหมด เลือดอสูรมารสีทองไหลหยด
“เลือดแห่งเทพอสูรมารระดับเจ้านภา นี่มันของดีเลยนะเนี่ย”
ชายหนุ่มอมยิ้มพลางหยิบขวดหยกออกมาหนึ่งขวด เก็บโลหิตสีทองของวิหคยักษ์ปีกทองเข้าไปในขวด
เผ่าพันธุ์มารให้ความสำคัญกับการชุบพลังสายเลือดด้วยเหตุนี้ภายในโลหิตจึงมีพละกำลังแฝงซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก มันเป็นแก่นแท้ที่ทำให้ร่างเนื้อของเผ่าพันธุ์มารแข็งแกร่ง
และมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนน้อยเท่านั้นที่ทราบเคล็ดวิชาชุบสายเลือด การยกระดับร่างเนื้อก็เป็นแค่การชุบร่างเนื้ออย่างเดียว ไม่ประณีตอย่างเผ่าพันธุ์มาร
จุดเด่นของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่ความสามารถในการตระหนักรู้ ส่วนจุดเด่นของเผ่าพันธุ์มารอยู่ที่ร่างกายและจิตใจ
ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันนี้ไม่ใช่ร่างแท้ของหลัวซิว แต่เป็นร่างกลเมื่อชาติปางก่อนของเขา หลี่ยู่!
ชาติปางก่อนของเขา หลี่ยู่มีผลการฝึกตนอยู่ที่เทพมารขั้น 2 อีกทั้งหากดึงกำลังรบทั้งหมดออกมา เขาสามารถตีเสมอกับเทพฟ้าได้!
ภายในโลกเซียนเสวียนเทียนนี้ ผลการฝึกตนของทุกคนล้วนถูกกดอัดลงไปที่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ศักยภาพของหลี่ยู่จึงยิ่งสามารถมองผู้แข็งแกร่งทุกคนในนี้อย่างเย้ยหยันได้
วรยุทธ์ที่เขาฝึกเป็นวรยุทธ์ระดับราชาเทพขั้นสูงสุดของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพ พลังอมตะที่เขาฝึกก็เป็นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพเช่นกัน!
เมื่ออยู่ภายใต้แดนเดียวกัน ศักยภาพของเขาก็แตกต่างจากคู่ต่อสู้ราวกับฟ้าดิน ซึ่งความแตกต่างนั้นอยู่ที่พลังความสามารถและรากฐานของตัวบุคคล รวมไปถึงระดับความสูงต่ำของวรยุทธ์และพลังอมตะที่ฝึก
หากวิเคราะห์จากพลังความสามารถและรากฐาน เทียนหวูเชวคือร่างแด่เทพเจ้า ร่างกลเมื่อชาติปางก่อนของหลัวซิว หลี่ยู่นั้นยิ่งเป็นร่างเทวอลวน เมื่อวิเคราะห์วรยุทธ์และพลังอมตะ เทียนหวูเชวยิ่งเทียบเคียงกับหลี่ยู่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ด้วยเหตุนี้ ภายในโลกโลกเซียนเสวียนเทียนนี้ ร่างกลเมื่อชาติปางก่อนของหลัวซิว หลี่ยู่จึงแทบจะเป็นผู้ไร้เทียมทานเลย
เหล่าผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างมองไปรอบ ๆ หลัวซิวไม่มีทางลงมือโจมตีด้วยตัวเองแล้วเปิดเผยไพ่เด็ดของตนแน่นอน เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้แค่ใช้ร่างกลเมื่อชาติปางก่อน ตั้งปณิธานต้องยึดครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนมาให้ได้
จ้าวปีศาจมารวิหคยักษ์ปีกทองที่เกะกะระรานต้านทานการโจมตีเดียวของหลี่ยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เทพมารและเทพฟ้าจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ต่างช็อกจนอ้าปากค้าง
“เจ้าคือผู้ใด?”
สีหน้าของเทียนหวูเชวก็ดูตึงเครียดขึ้นมา เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 แต่เมื่อประมือกับผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภา เขาก็เป็นเพียงฝ่ายที่ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นสามารถโจมตีให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บภายในกระบวนท่าเดียว
แต่ชายหนุ่มที่ยังดูเด็กมาก ๆ ตรงหน้านี้กลับสามารถทำในสิ่งที่ตนทำไม่ได้ นี่จึงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก อยากทราบประวัติความเป็นมาของฝ่ายตรงข้าม
“ร่างแด่เทพเจ้านี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่กลับต้านทานข้าไม่ได้”
หลัวซิวแค่กวาดตามองไปทางเทียนหวูเชวอย่างเรียบนิ่งทีเดียว ก่อนที่เขาจะรีบย่างเท้าเดินเข้าไปในวังราชาเทพต่อ
สีหน้าของเทียนหวูเชวเปลี่ยนไปมา ตั้งแต่ที่เขาย่างกรายลงบนเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ เขาก็ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน เขาเคยถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียนนี้ แม้แต่เจ้านภายังความสำคัญต่อเขามาก ๆ มองว่าเขาเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าไอ้หมอนี่จะกล้าดูถูกตัวเองอย่างนั้นหรือ?