มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1176
“ดูดเอาไปแล้วหรือ?”
ด้านนอกวังเซียน ผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกแดนต่างมองหน้ากันและกัน กาลเวลาผ่านมายาวนานอย่างนับไม่ถ้วน ยังไม่เคยมีผู้ใดกลั้นแปรสำนักเต๋าเสวียนเทียนได้สำเร็จมาก่อน นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกคนอื่นฝืนใช้อำนาจยึดครองไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ที่ได้ครอบครองสำนักเต๋าเสวียนเทียน เป็นผู้ที่ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างไม่ทราบประวัติความเป็นมาของเขา
“แย่แล้ว!”
และในตอนนี้เอง สีหน้าของหลัวซิวก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลังจากที่สำนักเต๋าเสวียนเทียนเข้ามากลางหว่างคิ้วของเขาแล้ว ประตูก็เปิดออกอย่างฉับพลัน มีพลังดูดกลืนวิญญาณที่แข็งแกร่งพรั่งพรูออกมา กลืนกินตำหนักจื่อเซียวที่ชำรุดบกพร่องไปโดยตรง
พลังที่มากมายมหาศาลนี้ปะทุออกอย่างเฉียบพลัน แทบจะทำให้ตัวหยั่งรู้ของเขาแตกสลาย ส่งผลให้เขากระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่
“มันได้รับบาดเจ็บแล้ว!”
“ฆ่ามันแล้วแก่งแย่งสำนักเต๋ากลับมา!”
ผู้แข็งแกร่งจากแดนต่าง ๆ เห็นหลัวซิวกระอักเลือด พวกเขาจึงบ้าคลั่งขึ้นมาภายในพริบตา พลังอมตะและอาวุธที่นับไม่ถ้วนแผ่คลุมไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า พุ่งตรงเข้ามาทางเขาอย่างเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“เกราะเทพเวหากาล!”
มีรัศมีเทวเปล่งประกายอยู่รอบตัวหลัวซิว ช่วงเวลาที่ได้เผชิญหน้ากับความอันตราย เขาทำได้เพียงเรียกใช้เกราะเทพอีกครั้ง พุ่งทะยานออกไปจากการโจมตีที่มากมายก่ายกองในชั่วพริบตาเดียว และบินสู่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น
เกราะเทพเวหากาลคืออัญเทพฟ้า มากกว่านั้นคือมันถือเป็นอาวุธขั้นสูงในบรรดาอัญเทพฟ้าทั้งหมด ภายใต้การกระตุ้นเกราะเทพเวหากา เขาสัมผัสได้ถึงผลการฝึกตนที่ลดฮวบหายไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าคงค้ำจุนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ผลการฝึกตนก็จะแห้งเหือด
ปีกเทพดาราไร้มลทิน!
เขาใช้สมบัติอีกครั้ง ความเร็วในการเคลื่อนที่พุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว หายวับไปภายในพริบตา ความเร็วในการเคลื่อนที่ว่องไวมาก ๆ จึงทำให้ผู้แข็งแกร่งจากแดนต่าง ๆ อยู่ห่างไกลจากเขามากจนมองไม่เห็นฝุ่น
ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกลมาก ๆ มีลำแสงหนึ่งจมหายไปจากหว่างคิ้วของหลัวซิว ร่างกลวัฏสงสารของหลี่ยู่กลับคืนสู่ที่เดิม ผสมรวมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของร่างแยกความตาย
“โครมคราม…….”
ณ ตัวหยั่งรู้ของร่างกลวัฏสงสารหลี่ยู่ หลังจากที่สำนักเต๋าเสวียนเทียนกลืนกินตำหนักจื่อเซียวไปแล้ว ประตูก็ปิดลงอีกครั้ง มีเสียงฟ้าร้องดังลั่นออกมาจากภายในอยู่เป็นระยะ ๆ บางครั้งก็มีออร่าที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่จนมิอาจคาดเดาได้แพร่กระจายออกมาเช่นกัน ทำให้ตัวหยั่งรู้ของเขาสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน แทบจะแตกสลายแล้ว
“แม่งเอ๊ย! ตำหนักจื่อเซียวของกู!”
หอกยุทธ์มังกรดำก็ปรากฏอยู่ในตัวหยั่งรู้เช่นกัน พุ่งโจมตีใส่ประตูใหญ่ของสำนักเต๋าเสวียนเทียนอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
ระยะเวลาการเปิดของโลกเซียนเสวียนเทียนจำกัดอยู่ที่หนึ่งปี แต่ทว่าเนื่องจากสำนักเต๋าเสวียนเทียนถูกคนยึดครองไปแล้ว จึงส่งผลให้เส้นทางแห่งการสั่งสมประสบการณ์นี้ แทบจะสิ้นสุดในระยะเวลาสั้น ๆ
ข่าวคราวแพร่งพรายออกไปถึงโลกภายนอก ผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ล้วนตกใจมาก สีหน้าของเจ้านภาแต่ละคนต่างเปลี่ยนไปเยอะมาก
กฎปริภูมิที่แฝงซ่อนอยู่ในสำนักเต๋าเสวียนเทียนนั้นลึกลับและมหัศจรรย์อย่างมาก แม้จะเป็นสมบัติระดับสมบัติวิเศษ แต่ทว่าพลานุภาพของมันกลับไม่อ่อนกว่าอัญเทพฟ้า
ด้วยเหตุนี้มีเจ้านภาใดไม่จ้องสำนักเต๋าเสวียนเทียนตาเป็นมัน และอยากครอบครองมันมาเป็นเวลานานบ้าง?
แต่ปัจจุบันสำนักเต๋านั่นกลับถูกชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งแย่งไป เรื่องแบบนี้มันเหมือนดั่งเกิดคลื่นสึนามิแผ่นดินไหว ทำให้บานปลายไปทั้งโลกเสวียนเทียน
“พระเจ้า เอาไปได้แม้กระทั่งสำนักเต๋าเสวียนเทียน เมื่ออยู่ในแดนเดียวกัน ศักยภาพของชายหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้านภาเสียอีก แม้แต่อัจฉริยะผู้ภาคภูมิของสวรรค์อย่างเทียนหวูเชวยังต้องยอมศิโรราบ!”
“สำนักเต๋าเสวียนเทียนเป็นเพียงสมบัติวิเศษ แต่กลับมีพลานุภาพที่ไม่ด้อยกว่าอัญเทพฟ้า สักวันหากฝึกเซ่นยกระดับให้ถึงระดับอัญมณีแห่งเทพมาร สมบัติแห่งเทพฟ้าละก็ ผู้ใดเล่าจะต้านทานไหว?”
“ชายหนุ่มคนนั้นคือผู้ใด? หากเป็นศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ใดแดนหนึ่ง เช่นนั้นก็จะอันตรายมาก”
“หากเป็นศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ใดแดนหนึ่งจริง ๆ เขาปกปิดศักยภาพมานานเช่นนี้ หรือเขารอให้ทั้งโลกตกตะลึงในทีเดียวอยู่?”
กองกำลังต่าง ๆ ในโลกเสวียนเทียนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถตัดสินชี้ขาดประวัติความเป็นมาของชายหนุ่มที่ยึดครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนไปได้เลย
“คงไม่มีผู้ใดคาดถึงสินะว่าผู้ที่ช่วงชิงสำนักเต๋าเสวียนเทียนไปคือข้า?”