มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1256
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1256
ภายใต้การถูกจ้องดูโดยผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าหลายคน ไม่มีทางหากบอกว่าหลัวซิวไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรความลับที่อยู่บนตัวเขานั้นมีเยอะมาก ๆ ซึ่งเป็นความลับที่เปิดเผยสู่โลกภายนอกไม่ได้
ผ่านไปไม่นานนัก ปีศาจสองก็ออกจากการฝึกตนปิดขังเช่นกัน คนดังกล่าวมีนามว่าเซี่ยหลงเทียน เป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงปีศาจยักษ์ในหุบเขาปีศาจเก้า ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพฟ้าขั้น 7 ยิ่งเป็นนักยุทธ์ที่เดินบนเส้นทางแห่งการกลั่นร่าง
“น้องชายช่วยข้าชนะเกล็ดมังกรครามยักษ์มาได้สองเกล็ด ต่อไปข้าจะคุ้มกันเจ้าเอง ผู้ใดบังอาจแตะต้องเจ้า ข้าจะข้าล้างโคตรเหง้ามันเอง!”
หลังจากเซี่ยหลงเทียนออกจากการฝึกตนปิดขัง และทราบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก ออกมาจากสถานที่ฝึกตนปิดขังเพื่อมาพบหน้าหลัวซิวครั้งหนึ่ง
แต่ทว่าหมอนั่นกลับไม่ได้อยู่ต่อนานมากนัก กลับไปตั้งใจฝึกตนปิดขังอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขาต้องการฝึกเซ่นเกล็ดมังกรครามยักษ์สองเกล็ดนั้นให้กลายเป็นอาวุธไว ๆ
ฝึกตนอยู่ในหุบเขาปีศาจเก้าไป ๆ มา ๆ หลัวซิวก็อยู่ในหุบเขาปีศาจเก้ามาสองเดือนกว่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบหน้าปีศาจยักษ์ที่ลึกลับที่สุดในตำนาน
ปีศาจอื่น ๆ ก็ทยอยกลับไปฝึกตนปิดขังเช่นกัน เหลือเพียงปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนผู้เดียว
พวกเขาพี่น้องทั้งเก้าผลัดกันคุ้มกันรักษาหุบเขาปีศาจเก้ามาโดยตลอด ทุกคนมีหน้าที่คุ้มกันรักษาหุบเขาปีศาจเก้าสองร้อยปี ปัจจุบันถึงคราวของปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนแล้ว ยังเหลืออีกร้อยกว่าปีถึงจะผลัดเปลี่ยนไปเป็นพี่ชายคนอื่น ๆ ของเขา
“หากไม่มีการยอมรับจากท่านพี่ใหญ่ ถึงแม้จะเป็นพี่รอง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นปีศาจสิบของหุบเขาปีศาจเก้าได้ เจ้าอดทนคอยต่อไปก่อนเถอะ”เซียวจื่อเจี้ยนพูดเช่นนี้
“ข้ายังต้องออกไปขัดเกลาฝึกตนข้างนอกอีก อนาคตคอยผู้อาวุโสปีศาจยักษ์ออกมาจากการฝึกตนปิดขังเมื่อใด ข้าค่อยกลับมาอีกหนก็ได้”หลัวซิวไม่เคยมีความคิดที่จะเข้าร่วมหุบเขาปีศาจเก้ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ใช่ว่าเจ้าจะออกไปฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์ข้างนอกไม่ได้ แต่ทว่าเจ้าต้องคอยระวังผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ในโลกมารอื่น ๆ ด้วยล่ะ”เซียวจื่อเจี้ยนหัวเราะแฮะ ๆ พลางพูด
หลัวซิวกลอกตามองบนใส่เขา หากไม่ใช่เพราะเซียวจื่อเจี้ยนสร้างเรื่องเช่นนั้นในงานสรรพปีศาจ เขาถึงขั้นต้องระมัดระวังเช่นนี้หรือ?
……
โลกาอสูรฟ้า เมืองชิงเหลียว
การอยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะแตกต่างจากการอยู่อาศัยของเผ่าปีศาจที่อยู่กันเป็นชนเผ่า กองกำลังต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นจะสร้างคูเมืองไว้เป็นฐานที่มั่น ปกครองอยู่บนผืนดินที่กว้างใหญ่
ในโลกาอสูรฟ้า ถึงแม้เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าปีศาจจะไม่ถึงขั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้เหมือนน้ำกับไฟ แต่จากกฎการดำรงชีวิตอยู่ที่โหดเหี้ยมในโลกาอสูรฟ้า ก็มักจะมีผู้แข็งแกร่งในเผ่าปีศาจเข่นฆ่าในคูเมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน หรือไม่ก็ทำเพื่อปลดปล่อยความต้องการฆ่าในใจออกมา หรือไม่ก็ทำเพื่อฝึกวิชาชั่วร้ายบางอย่าง
ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้แข็งแกร่งในเผ่าปีศาจมาบุกฆ่าถึงคูเมือง ทุก ๆ คูเมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในโลกาสูตรฟ้าจะมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากคอยคุ้มกันรักษา หลังจากช่วงเวลาผ่านพ้นไปอย่างยาวนาน คูเมืองต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
เนื่องจากไม่มีการฆ่าล้างจากผู้แข็งแกร่งในเผ่าปีศาจมาเป็นเวลานาน จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่หนึ่ง
หลังจากที่หลัวซิวออกมาจากหุบเขาปีศาจเก้า เขาก็มาถึงเมืองชิงเหลียว ก่อนจะพบว่าภายในเมือง นอกจากจะมีจอมยุทธ์จำนวนมากแล้ว ยังมีเผ่าปีศาจอยู่ไม่น้อย
เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าปีศาจไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นแต่อย่างใด กองกำลังบางกองกำลังก็มีการไปมาหาสู่กันเช่นกัน
ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่ง หลัวซิวสั่งเหล้ามาหนึ่งกาและกับแกล้มอีกสองอย่าง เขากำลังกินอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในขณะเดียวกันเขาก็มีแผนจะมาฟังเรื่องที่เหล่าจอมยุทธ์ในนี้พูดคุยกันเช่นกัน มาสืบดูก่อนว่าที่ใดมีสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกตนสำหรับตัวเองหรือไม่
“แฮะ ๆ อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 ที่สามารถสังหารเทพมารได้นั้น พวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินกันแล้วใช่ไหม?”
เสียงพูดคุยของจอมยุทธ์เหล่านั้นไม่เบาเลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่นั่งอยู่ในภัตตาคารล้วนเป็นจอมยุทธ์ ต่างได้ยินกันอย่างชัดแจ๋วทั้งสองหู
“ต้องได้ยินอยู่แล้วสิ ได้ยินมาว่าเขาสังหารเทพมารที่มีสายเลือดระดับมารเขียว ต้องท้าวความก่อนว่าถึงแม้ระดับสายเลือดของเทพมารคนนั่นจะไม่สูง แต่สุดท้ายแล้วเทพมารก็ยังเป็นเทพมารวันยันค่ำ ผลการฝึกตนในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ที่สามารถตีเสมอกับเทพมารได้นั้นถือเป็นอัจฉริยะตลอดกาล เช่นนั้นไอ้หมอนั่นก็ยิ่งเป็นอัจฉริยะที่มีอิทธิพลโด่งดังมากที่สุดในโลก!”มีคนหัวเราะพลางพูดเสริมขึ้นมา