มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1258
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1258
ชนเผ่าดังกล่าวเป็นชนเผ่าชั้นยอดของเผ่าปีศาจ เป็นกองกำลังที่อยู่ในระดับเดียวกันกับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมาร
กองกำลังของเผ่าปีศาจแข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่น้อย อำนาจความสามารถของชนเผ่าใหญ่ชั้นยอดอยู่เหนือแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่ามนุษย์ระดับหนึ่งเสียอีก
วัยรุ่นผู้แข็งแกร่งทุกคนในชนเผ่าใหญ่ชั้นยอดประเภทนี้ล้วนมีสายเลือดระดับมารม่วง พรสวรรค์แข็งแกร่งมาก ๆ กำลังรบน่าทึ่ง
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสายเลือดมารม่วงที่ฝึกตนจนบรรลุถึงแดนเทพมาร ศักยภาพของพวกเขาจะต่างจากเทพมารทั่วไปราวกับฟ้ากับเหวเลย
“ทีนี้ปัญหามาแล้ว ชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวบังอาจมายั่วยุ ภายในนั้นต้องมีวัยรุ่นเทพมารอยู่ด้วยแน่นอน ซึ่งมีสายเลือดมารม่วงติดตัว”
“ต่างเป็นเทพมารเช่นกัน แต่ศักยภาพความสามารถกลับต่างกันมากถึงมากที่สุด หลัวซิวนั่นสามารถสังหารเทพมารระดับมารเขียว แต่ถ้าหากได้ปะทะกับเทพมารระดับมารม่วงละก็ เขาต้องไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน”
“ในอดีตทุกครั้งที่งานสรรพปีศาจจบลง ก็จะมีชนเผ่าใหญ่จากเผ่าปีศาจมายั่วยุ โดยส่วนใหญ่แล้วฝ่ายที่พ่ายแพ้มักจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมารอยู่เสมอ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะมีผู้ใดสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ในการสู้รบได้บ้างไหม?”
สำหรับนักยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมารแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง หรืออาจจะสำคัญงานสรรพปีศาจกว่าซะด้วยซ้ำ
นักยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในภัตตาคารต่างพากันลุกขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ตั้งของเมืองม่านฉาโหลว
หลัวซิวก็ลุกตัวขึ้นเช่นกัน แอบแฝงกายปิดบังโฉมหน้าตัวเองอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาปิดซ่อนออร่าผลการฝึกตนของตัวเอง บวกกับการใช้เคล็ดวิชาแปลงโฉม จึงไม่มีผู้ใดจำเขาได้
“การเติบโตบนเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์นั้นต้องผ่านการท้าทายและขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่รู้เช่นกันว่าในชนเผ่าใหญ่ปีศาจงูเก้าหัวนั่น จะมียอดฝีมือที่คุ้มกับการให้ข้าลงมือหรือไม่?”
หลัวซิวนึกคิดอยู่ในใจ เตรียมพร้อมที่จะไปประสมโรงที่เมืองม่านฉาโหลว ก่อนที่เขาจะจากไปจากเมืองชิงเหลียวอย่างรวดเร็ว
การยั่วยุของเผ่าปีศาจมีผลต่อภาพลักษณ์หน้าตาของกองกำลังใหญ่ทั้งหลายในเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมาร ในระหว่างทางที่หลัวซิวมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองม่านฉาโหลว เขาก็พบเห็นผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยในโลกมารต่างเดินทางไปที่นั่นเช่นกัน
ณ ตอนนี้ ภายในเมืองม่านฉาโหลวคึกคักเป็นอย่างมาก นักยุทธ์จำนวนมากที่มาจากที่ต่าง ๆ ล้วนมารวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี่ มีเวทีประลองยุทธ์หนึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางคูเมือง บริเวณรอบเวทีประลองมีค่ายกลป้องกันจัดวางอยู่
บนเวทีประลองยุทธ์ มีชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายสองคนกำลังเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด พลังแห่งกฎพุ่งสลับกันไปมา โจมตีเข้ากับม่านแสงค่ายกลป้องกันที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จนสะเทือนเลือนลั่น และระเบิดแตกเป็นแสงเรืองที่แพรวพราว
โดยที่หนึ่งในนั้นคือคนจากเผ่าปีศาจที่มีเกล็ดงูสีฟ้าตั้งตรงอยู่ตรงหว่างคิ้ว ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นคือชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มนุษย์
ผลการฝึกตนของทั้งสองคนไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ส่วนอีกคนหนึ่งคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8
ผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งตกลงมาจากเวทีประลองยุทธ์ ผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์หกระเหินลอยขึ้นฟ้า รับร่างของชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้นไว้ สีหน้าของเขาหม่นหมองลงไปในชั่วพริบตา
แต่ทว่าชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่อยู่บนเวทีประลองยุทธ์กลับไม่นำเรื่องนี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างจองหองพองขน: “นี่คือศักยภาพของอัจฉริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ? อ่อนแอกระจอกแท้จริง ๆ!”
“เจ้า! ……”ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ก่อนที่เขาจะป้อนยารักษาแผลให้ศิษย์คนนั้นของเขากิน
คนดังกล่าวเป็นศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด อายุยังน้อยแต่ก็ฝึกตนจนบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8 แล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะสู้เผ่าปีศาจที่มีผลการฝึกตนอยู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ไม่ไหว อีกอย่างชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่อยู่บนเวทีประลองยุทธ์ผู้นี้ยังมิใช่สายเลือดชั้นยอดอย่างมารม่วงอีกด้วย
“ปีศาจงูเก้าหัวสมกับที่เป็นชนเผ่าใหญ่ชั้นยอดของเผ่าปีศาจจริง ๆ แค่อัจฉริยะสายเลือดมารฟ้าคนหนึ่ง ก็สามารถเอาชนะอัจฉริยะในเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราได้แล้ว”
“ระดับของสายเลือดในเผ่าปีศาจเข้มงวดกวดขันมาก ๆ เมื่ออยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ พวกเขาก็มีเงื่อนไขที่ดีเลิศกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเราตั้งแต่กำเนิด”
“ก็แค่สามารถเอาชนะผู้ที่มีผลการฝึกตนอยู่เหนือตัวเองหนึ่งแดนเล็กเท่านั้นแหละ ถ้าเก่งจริงมันก็ลองเอาชนะอัจฉริยะมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูงคนหนึ่งดูสิ?”
“นั่นแหละ! แค่นี้ยังจะมาทำตัวจองหองอีกหรือ? เมื่อเปรียบเทียบกับหลัวซิวในเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราแล้ว มันก็เป็นได้แค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น!”
นักยุทธ์จำนวนมากในเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างโกรธแค้นอย่างเต็มอก ไม่ชอบลักษณะท่าทางที่จองหองพองขนเช่นนี้ของชายหนุ่มในเผ่าปีศาจคนนี้