มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1303
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1303
“ครั้นเมื่อร่างเนื้อของข้าอยู่ในช่วงสูงสุด ถึงแม้ผลการฝึกตนจะอยู่เทพฟ้าขั้น 2 แต่ทว่าจากพลังแห่งโลกาที่กำเนิดมาจากการเปิดจุดลมปราณทั้งหกจุดบนแขนข้างซ้ายของข้า กำลังรบของข้าสามารถเทียบทัดกับเทพฟ้าขั้น 7 ที่ยังไม่มีการเปิดจุดลมปราณ!”
“อีกอย่างถึงแม้จำนวนจุดลมปราณที่ถูกเปิดจะเท่ากัน แต่ทว่าเนื่องจากกฎที่ฝึกของแต่ละคนต่างกัน ระดับของพิภพที่กำเนิดมาจากจุดลมปราณก็ต่างกันเช่นกัน กำลังรบก็แตกต่างกันเยอะมาก ๆ”
“ปัจจุบันผลการฝึกตนของเจ้าคือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ถึงแม้จะไม่มีกฎดั้งเดิมของแดนเทพมารที่เชื่อมประสานกับกฎฟ้าดินดั้งเดิม แต่กลับสามารถพึ่งพากมลโลกาชั้นกลางมาทดแทนตรงจุดนี้ได้ อีกทั้งเมื่อมีสมบัติล้ำค่าอย่างกมลโลกาชั้นกลางแล้ว เจ้าสามารถเปิดจุดลมปราณจุดแรกได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติเลย”
“จากการยกระดับผลการฝึกตนของเจ้า รวมไปถึงแดนกฎที่เพิ่มขึ้น โลกาจุดลมปราณของเจ้าก็จะถูกปรับให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และเสนอพลังโลกาดั้งเดิมที่ทรงพลังมากกว่าให้แก่เจ้า!”
สมบัติชั้นฟ้า!
หลัวซิวเพ่งมองไปทางกมลโลกาที่อยู่ตรงหน้า นี่คือกมลโลกาชั้นกลางหนึ่งใบ ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าสามารถใช้มันมาบุกเบิกพิภพหนึ่ง และทำให้วัตถุประสงค์ของการมีชีวิตชั่วนิรันดร์เป็นจริง
จำนวนพิภพกลางมีประมาณหลักล้านใบ
บางทีอาจจะมีคนรู้สึกว่ากมลโลกาชั้นกลางไม่ได้ล้ำค่าขนาดนั้น แต่เมื่อมองในด้านอายุของจักรวาลนี้ จักรวาลได้ผ่านพ้นสามพันยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งและแต่ละยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่คือหนึ่งร้อยล้านปี!
สามพันยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ ก็คือสามร้อยพันล้านปี กาลเวลาผ่านไปยาวนานเช่นนี้กลับมีกมลโลกาชั้นกลางปรากฏเพียงหลักล้านใบเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าต้องใช้เวลานานกว่าล้านปีถึงจะกำเนิดกมลโลกาชั้นกลางหนึ่งใบ
กมลโลกาที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่วัตถุที่ไร้เจ้าของแต่อย่างใด มีตราชีวีของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าที่เป็นผู้บุกเบิกโลกาอสูรฟ้าแฝงซ่อนอยู่ภายใน
ตราชีวีคือจุดกำเนิดอสูรจิตและชีวิตของสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล ทันทีที่ตราชีวีถูกขจัดทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป เข้าสู่วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้อีก
หากจะมุ่งเป้าไปยังตราชีวี ก็คงมีเพียงกฎการเวียนว่ายตายเกิด
กฎการเวียนว่ายตายเกิดสามารถคุ้มกันตราชีวีได้ ส่วนกฎความตายนั้นสามารถทำลายตราชีวีได้
แต่ทว่าตราชีวีของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้านั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด? หลัวซิวแหงนมองกมลโลกาใบนี้ รู้สึกว่ามันเหมือนหัวใจขนาดใหญ่ดวงหนึ่งยังไงอย่างนั้น ภายในมีออร่าชีวีที่แข็งแกร่งถึงขั้นสุดซัดสาด
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเทพฟ้าที่บุกเบิกโลกาอสูรฟ้ายังไม่ได้สูญสิ้นโดยสิ้นเชิง ตราชีวีของเขาผสมเข้าไปในกมลโลกา จึงส่งผลให้มันถูกเก็บรักษามาโดยตลอด และรอคอยโอกาสในการกำเนิดใหม่
“หากข้าแตะต้องกมลโลกาใบนี้ ตราชีวีของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนนั้นจะโจมตีข้าหรือไม่?”หลัวซิวถามเสียงต่ำ
“ไม่ เนื่องจากเจ้ามิใช่อสูรจิตที่กำเนิดในโลกาอสูรฟ้า เมื่อปฏิบัติตามข้อจำกัดที่เป็นกฎเกณฑ์สูงสุดของฟ้าดิน เขาเรียกใช้พลังแห่งโลกาในโลกาอสูรฟ้ามากีดกันได้เพียงอสูรจิตที่กำเนิดในโลกาอสูรฟ้า”หงเทียนอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวจึงวางใจลง เนื่องจากหงเทียนไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเขา
เขาหกระเหินเดินฟ้า ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับกมลโลกามาก ๆ แต่ในความเป็นจริงมิติบริเวณรอบ ๆ กมลโลกาถูกกดอัดแล้ว เขาข้ามผ่านระยะห่างที่ไกลกันกว่าหมื่นไมล์ ถึงจะเข้าไปถึงตรงหน้ากมลโลกา
ขณะนี้เขาถึงจะค้นพบว่ากมลโลกาใหญ่โตกว่าที่มองเห็นมาก ๆ ที่เขาเห็นว่ามีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสิบกว่าเมตรในตอนแรก เป็นเพราะเขามองจากตำแหน่งที่ห่างกันไกลกว่าหมื่นไมล์!
มันเหมือนดวงดาวที่มีสีสันหลากสีหนึ่งดวง ทุก ๆ สีที่ไหลเวียนอยู่ด้านบน ล้วนเป็นตัวแทนของความเร้นลับในกฎฟ้าดินชนิดหนึ่ง มีดิน น้ำ ไฟ ทอง ไม้ทั้งห้าธาตุ และมีอัสนีวาโยกับหยินหยาง ต่างเป็นตัวแทนของรากฐานกฎทั้ง 9 ประเภท