มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1313
บนนภากว้างใหญ่ที่ไร้ขอบเขตของโลกาอสูรฟ้า ร่างแท้ราชาเทพของซือถูเจิ้งเจี้ยนสั่นสะเทือน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเล็กน้อย
“ร่างผันของข้าตายแล้วอย่างนั้นหรือ?!”
จิตที่จะฆ่าในแววตาของเขาไหลล้นออกมา ไอสังหารที่น่าสยดสยองประกอบเป็นออร่า ทำให้พายุในพื้นที่ที่ห่างออกไปไกลถูกบดอัดจนแตกกระจาย
ตั้งแต่ที่เขายึดครองร่างสำเร็จ หลังจากได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง เขายังไม่เคยเสียบเปรียบเช่นนี้มาก่อน!
ร่างผันร่างนั้นเป็นร่างที่เขาผนึกรวมขึ้นมาโดยการใช้ผลการฝึกตนหลายร้อยปี สิ่งที่แฝงอยู่ด้านในมีผลการฝึกตนและวิญญาณแยกของเขา หลังจากที่ถูกผู้อื่นสังหารไปแล้ว ร่างแท้ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน น้อยสุดก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีถึงจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิมได้
โดยเฉพาะการสูญสิ้นของวิญญาณแยกยิ่งทำให้วิญญาณดั้งเดิมของตัวเขาได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งนี่มีโอกาสส่งผลกระทบต่อสภาวะรากฐานของเขาสูงมาก เสียโอกาสที่จะบรรลุไปยังแดนมกุฎเทพในอนาคตไปหนึ่งก้าว
การสูญเสียที่ร้ายแรงเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนสามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน เขาจึงรู้สึกเกลียดแค้นหลัวซิวถึงขั้นสุด!
“ฆ่าร่างผันของข้า ทำลายวิญญาณแยกของข้า และยิ่งแย่งเศษใจแห่งศุภรของข้าไปด้วย ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันมิได้!”
บนนภากว้างใหญ่ที่ไร้ขอบเขต ซือถูเจิ้งเจี้ยนโกรธเกรี้ยวจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คลื่นไฟโกรธที่สูงเทียมฟ้าในใจสามารถเผาน้ำในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตให้มอดไหม้ได้
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามสามารถฆ่าร่างผันหนึ่งร่างของเขาได้ หากยอมเสียผลการฝึกตนและวิญญาณแยกมาผนึกรวมร่างผันอีก ไม่แน่อาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารอีกก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นตัวเองก็จะเสียหายมากยิ่งขึ้น
มิหนำซ้ำการผนึกรวมร่างผันเทพฟ้าขั้น 3 หนึ่งร่างนั้น มันก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายของตัวเขาไม่น้อยเช่นกัน หากผนึกรวมร่างผันที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิมขึ้นมา แล้วสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ค่อยว่าไปอย่าง หากดับสลายไปอีกครั้งละก็ ผลที่ตามมาใช่ว่าเขาจะสามารถแบกรับไหวเสมอไป
“หากข้ากดอัดผลการฝึกตนลงไปที่แดนเจ้านภา สามารถกวาดล้างทุกคนในโลกามนุษย์ได้ การกำจัดเจ้าเด็กเดรัจฉานนั่นก็ทำได้ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปากเช่นกัน!”
มีรังสีแห่งความดุร้ายน่ากลัวกระพริบอยู่ในแววตาซือถูเจิ้งเจี้ยน เหมือนดั่งอสูรโหดที่กำลังจะเขมือบมนุษย์คนหนึ่งยังไงอย่างนั้น
อดีตเขาเป็นราชาเทพโบราณ หลังจากที่ผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า อายุไขหมดสิ้น จึงใช้กมลโลกาบุกเบิกพิภพ รอคอยโอกาสที่จะได้กำเนิดใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่รอคอยมาเนิ่นนานอย่างไม่รู้จบ ในที่สุดเขาก็ยึดครองร่างสำเร็จสักที กลายเป็นซือถูเจิ้งเจี้ยนในปัจจุบัน ชีวิตใหม่ที่ได้รับมาอย่างลำบากแสนเข็ญ ทำให้เขาทะนุถนอมชีวิตของตัวเองดีมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะกดอัดผลการฝึกตนถึงแดนเจ้านภาแล้วลงมาในโลกามนุษย์ ต่อให้เป็นเจ้านภาในโลกามนุษย์ ก็มีน้อยมากที่เป็นคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นผู้ไร้เทียมทานเสมอไป หากเขาตายไปแล้ว ก็จะเป็นการตายอย่างแท้จริง ทุกอย่างดับสูญ
ในขณะที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนกำลังรู้สึกลังเลใจอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าตราชีวีในกมลโลกาที่อยู่ก้นบึงของเหวมรณะถูกผู้อื่นดูดซับแก่นแท้อีกครั้ง!
“เจ้าเด็กเดรัจฉาน ข้าจะสับร่างเจ้าให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนนิ่งดูดายต่อไปไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้เขาบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ เนื่องจากถ้าเกิดตราชีวีที่อยู่ในกมลโลกาถูกทำลายทิ้งจริง ๆ เมื่อชั่วชีวิตนี้ของเขาดำเนินไปถึงจุดสิ้นอายุไข เขาก็จะไม่มีความหวังได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
“โครม!”
เขากดอัดผลการฝึกตนลงไปที่แดนเจ้านภา ก่อนจะพุ่งลงไปในโลกาอสูรฟ้าอย่างไม่ลังเลใจ
……
“เจ้าเด็กเดรัจฉาน แม้จะต้องขึ้นฟ้าลงดิน สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะสับร่างเจ้าให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น อีกทั้งตามหาญาติพี่น้อง สหายทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าให้พบ จากนั้นค่อยเอาพวกมันทุกคนมาเป็นทาสชั้นต่ำ ถูกเหยียดหยามไปชั่วนิรันดร์!”
ในขณะที่แก่นแท้ชีวีสุดท้ายในกมลโลกากำลังถูกหลัวซิวกลืนกินและกลั่นแปร เสียงสาปแช่งที่ดุร้ายของซือถูเจิ้งเจี้ยนก็ดังก้องกังวาลอยู่ในหัวเขา
เสียงฟึ่บดังขึ้น ตราชีวีถูกดูดซับจนดับสลายไปโดยสิ้นเชิง เมื่อสูญเสียแก่นแท้ชีวีไปแล้ว ตราประทับก็จะแตกสลายไปด้วยโดยปริยาย
ณ เวลานี้ กมลโลกาใบนี้กลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของแล้ว!