มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1336
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1336
“การทดสอบครั้งสุดท้ายคืออะไร?” หลัวซิวสงสัยเล็กน้อย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยพบกับคู่ต่อสู้ที่แท้จริงในรุ่นเดียวกับเขา และมีเพียงคนเดียวที่สามารถแข่งขันกับเขาได้คือผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนมากว่าหนึ่งหมื่นปี
การทดสอบเก้าด่านของแดนปริศนาเบญจธาตุนั้นยากสำหรับอัจฉริยะในพิภพล่างที่จะผ่านด่าน แต่เขาผ่านด่านมาได้อย่างง่ายดายมาก
ดังนั้นเขาจึงตั้งตารอว่าการการทดสอบครั้งสุดท้ายจะยากขึ้นหรือไม่ ทำให้เขารู้สึกว่าถูกท้าทาย
“อายุกระดูกของเจ้าคือหกสิบสองปี และผู้เฝ้าการทดสอบครั้งสุดท้ายก็คือข้า ร่างแปรงตอนที่อายุกระดูกหกสิบสอง!”
หญิงสาวที่มีใบหน้าพร่ามัวค่อยๆ กล่าว หมอกที่ปกปิดใบหน้าของนางค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม
เจ้าของของแดนปริศนาเบญจธาตุ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเป็นครั้งแรก!
บางทีสำหรับนางแล้ว มีเพียงผู้ที่ผ่านเก้าด่านแรกเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับความคำคัญจากนาง
“ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะผันร่างของข้าได้ เจ้าจะมีสิทธิ์เข้าสู่ฐานหยินหยาง!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะตะลึงเล็กน้อย หรือว่าการทดสอบครั้งสุดท้ายยังไม่จบ แล้วยังมีฐานหยินหยางอยู่?
แล้วฐานหยินหยางคืออะไร?
ขณะที่หลัวซิวประหลาดใจ ผันร่างของเจ้าของแดนปริศนาก็หายไปแล้วปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาในพริบตา กระบี่ยุทธ์ห้าสีในมือฉีกอนัตตาออกจากกัน
อากาศใกล้ตัวหลัวซิวบิดเบี้ยว ร่างของเขาเคลื่อนไหวหลีกเลี่ยงกระบี่ที่ฟันมา
“ค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ!”
เจ้าของแดนปริศนาส่งเสียงออกมาเบา ๆ และกระบี่ยุทธ์ห้าสีในมือโยนขึ้น กระบี่หายไป กลายเป็นทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน กระบี่เบญจธาตุ
กระบี่แต่ละเล่มสอดคล้องกับหนึ่งในเบญจธาตุ หลังจากแยกออกมาจากกัน กระบี่จะลอยไปในห้าทิศทางสะท้อนกันและกัน ปิดกั้นช่องว่างในบริเวณนั้น
“วิชาพลังอมตะที่รวมเข้ากับความซ่อนเร้นของค่ายกล?” สีหน้าของหลัวซิวแปลกไป เขาเป็นนักค่ายเทพอยู่แล้ว เขาสามารถมองออกได้ว่านี่ไม่ใช่ค่ายกลที่แท้จริง แต่เป็นวิชาพลังอมตะ มันเป็นเพียงหลอมรวมเข้ากับความซ่อนเร้นของห้วงยุทธืค่ายกล ให้วิชาพลังอมตะแสดงออกมาได้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
อายุกระดูกหกสิบสองปีเหมือนกัน ผันร่างของเจ้าของแดนปริศนานี้เป็นผู้เฝ้าการทดลองครั้งสุดท้าย และผลการฝึกตนของอีกฝ่ายได้มาถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9ขั้นสูง!
แม้ว่าผลการฝึกตนยังไม่ถึงแดนเทพมาร แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเทพมารทุกคนที่หลัวซิวได้รู้จักมา
นอกจากนี้ยังหมายความว่าแดนปริศนาเบญจธาตุจะต้องเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้เมื่อตอนที่นางยังอายุน้อย และมีความสามารถในการข้ามไปต่อสู้กับผู้อื่นที่แดนสูงกว่าตัวนางเอง
“เทพสงครามไร้เทียมทาน!”
หลัวซิวตะโกน เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผันร่างของเจ้าของแดนปริศนา และเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ถึงจะเอาชนะได้
เทพสงครามไร้เทียมทาน เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดในพิภพกลาง วิชาพลังอมตะสูงสุดของตระกูลเทพสงคราม รองจากมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพ
ขณะที่กระตุ้นวิชาพลังอมตะนี้จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของจอมยุทธ์ได้เกือบสิบส่วนห้า ซึ่งเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง!
หากร่วมมือและกระตุ้นเกราะเทพเวหากาล ก็จะเพิ่มพลังการต่อสู้เป็นสองเท่า!
“โครม!”
กระบี่เทวเบญจธาตุฟันมา หลัวซิวถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางแสงสีดำศักดิ์สิทธิ์ เขาถือหอกยุทธ์มังกรดำบินออกมา แล้วแทงหอกออกไปห้าครั้งทันที!
แคร่ง! แคร่ง! แคร่ง! …
ในค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ พลังเบญจธาตุส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ ดูเหมือนว่าหลัวซิวจะต่อสู้กับกระบี่เพียงเล่มเดียว แต่แท้จริงแล้วเขาต่อสู้กับพลังของกระบี่ห้าเล่ม
แม้ว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาจะเปรียบได้กับเทพฟ้า แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่พุ่งพล่าน ทำให้เขารู้สึกว่าง่ามระหว่างนิ้วโป้งนิ้วนางที่ถือหอกนั้นชา แล้วเขายังถอยกลับหลังไปไกล
“ค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุทำลายล้าง!”
พลังเบญจธาตุดุเดือดขึ้นมา กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างที่ผันผวนกัน ทำลายทุกอย่างค่ายกลกระบี่
ม่านตาของหลัวซิวหดลง ค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุนี้ต้องเป็นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่ทำให้เขารู้สึกถึงปราณที่น่าสะพรึงกลัวอย่างนี้