มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1350
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1350
อายุ 50 กว่าก็ฝึกตนจนบรรลุถึงแดนเทพมารแล้ว พรสวรรค์ด้านการฝึกตนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เขาเทียบเคียงไม่ได้อย่างแน่นอน
ในโลกามนุษย์ การบรรลุเป็นเทพมารในช่วงอายุร้อยกว่านั้น ก็ถือเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานขั้นสุดยอดแล้ว เมื่ออยู่บนโลกาชั้นฟ้ากลับถูกเรียกว่าอัจฉริยะทั่วไป
ยกตัวอย่างเช่นหวางยู่ซวน เขามีโอกาสบรรลุเป็นเทพมารเมื่ออายุประมาณ 70 กว่า พรสวรรค์ของเขาสามารถจัดอยู่ในหมวดอัจฉริยะระดับสูง
ส่วนหยุนจื่อซูผู้นี้นั้น บรรลุเป็นเทพมารเมื่อวัยเพียง 50 กว่า พรสวรรค์ระดับนี้สามารถจัดอยู่ในหมวดอัจฉริยะขั้นสุดยอด!
เป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดเหมือนกัน แต่ทว่าช่วงระยะความต่างของอัจฉริยะขั้นสุดยอดในโลกาชั้นฟ้าและโลกามนุษย์ กลับต่างกันดุจแสงหิ่งห้อยและแสงจันทร์ที่สุขสกาว
อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานในโลกามนุษย์ที่พบเจอยากในระยะเวลาหมื่นปี หรือพบเจอยากในระยะเวลาแสนปี แม้กระทั่งอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่พบเจอยากในระยะเวลาล้านปี เมื่ออยู่บนโลกาอสูรฟ้าแล้ว อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่กล่าวมานั้นก็น้อยนิดจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลย!
สิ่งที่แตกต่างกันไม่ได้มีเพียงเงื่อนไขและทรัพยากรในการฝึกตนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมฟ้าดินด้วย พิภพที่กฎฟ้าดินยิ่งลึกซึ้งและสมบูรณ์แบบ โอกาสที่จะบังเกิดอัจฉริยะก็ยิ่งมากขึ้นโดยปริยาย
“ผู้นี้คือศิษย์น้องหลัวสินะ? ได้ยินมาว่าเจ้าทำลายค่ายกระบี่ของผู้อาวุโสหวูด้วยมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 หากมีเวลาข้าหวังว่าจะสามารถขอคำชี้แนะจากศิษย์น้องได้บ้างนะ”
หยุนจื่อซูหันมองมาทางหลัวซิว พลางพูดด้วยความสนใจ
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ลักษณะภายนอกที่หยุนจื่อซูผู้นี้แสดงออกมาจะดูอ่อนโยนเข้ากับบุคคลได้ทุกขั้น แต่บนตัวเขากลับมีความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีติดตัวมาแต่กำเนิด
สิ่งที่แตกต่างจากหวางยู่ซวนคือ หยุนจื่อซูผู้นี้เก็บซ่อนศักยภาพของตนได้ดีมาก ลักษณะท่าทางไม่เหมือนผู้ที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่
“ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดที่สามารถชี้แนะท่านได้หรอกขอรับ”หลัวซิวก็ตอบกลับอย่างเรียบนิ่งคำหนึ่งเช่นกัน
หยุนจื่อซูยิ้มอ่อนและไม่ได้พูดอะไรอีก
ในฐานะที่เป็นศิษย์สนิทสายเจ้าอาจารย์ของสำนัก หยุนจื่อซูไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประเมินกฎเบญจธาตุเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สามารถผ่านเข้าการฝึกปรือในฐานหยินหยางได้โดยตรง
ฐานหยินหยาง เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่สำนักหยินหยางค้นพบ เล่ากันว่าเจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักหยินหยางเป็นผู้ค้นพบโบราณสถานแห่งนี้เมื่อล้านกว่าปีก่อน และตระหนักรู้ความเร้นลับของกฎหยินหยางได้จากสถานที่แห่งนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผลการฝึกตนก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงฝึกตนจนบรรลุถึงแดนราชาเทพ ยิ่งอาศัยสถานที่แห่งนี้สร้างการถ่ายทอดสืบสานของเคล็ดวิชาหยินหยางขึ้นมาด้วย
ดังนั้นเขาจึงใช้ฐานหยินหยางมาเป็นรากฐาน ก่อสร้างสำนักเขา และก่อตั้งสายสำนักหยินหยาง
ในฐานหยินหยางมีความเร้นลับของกฎหยินหยางดั้งเดิมคงอยู่ โดยแบ่งออกเป็นสามระดับ ระดับความลึกซึ้งของกฎที่สอดคล้องกันในแต่ละระดับก็แตกต่างกันเช่นกัน
ในระบบการฝึกยุทธ์ จะเริ่มตระหนักรู้กฎตั้งแต่แดนเจ้ายุทธจักร แดนกฎแบ่งออกเป็น ตระหนักรู้ปฐมภูมิ ชำนาญปฐมภูมิ สำเร็จน้อย บรรลุผลและบริบูรณ์!
หลังจากที่แดนกฎบรรลุถึงระดับบริบูรณ์ ก็จะได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม ยึดกุมพลังกฎดั้งเดิม ผลการฝึกตนพลังจิตแท้ในร่างกายก็จะมีความลึกลับและมหัศจรรย์ของกฎดั้งเดิมแฝงอยู่ด้วย เรียกมันว่ากฎพลังเทพหรือพลังเทพดั้งเดิม ซึ่งเป็นผลการฝึกตนโดยเนื้อแท้ของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับเทพมารเป็นต้นไป!
และหลังจากที่บรรลุถึงเทพมารแล้ว แดนกฎดั้งเดิมก็จะมีการแบ่งขั้น ซึ่งการแบ่งขั้นนี้จะแตกต่างจากกฎทั่วไป
แดนของกฎดั้งเดิมมีทั้งหมด 10 ขั้น
ไม่ว่าจะเป็นเบญจธาตุพื้นฐานอย่างทอง ไม้ น้ำ ลม ดิน หรือกฎระดับสูงอย่างอัสนีวาโยและหยินหยาง พลังกฎดั้งเดิมทุกประเภทล้วนมีแดนทั้งหมด 10 ขั้น
แดนของกฎดั้งเดิมยิ่งสูง ก็จะยึดกุมพลังดั้งเดิมที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้ หากสามารถฝึกกฎใดกฎหนึ่งให้ถึงแดนขั้นที่ 10 ได้ ก็จะสามารถยึดกุมกฎดั้งเดิมประเภทหนึ่งโดยสิ้นเชิง และบรรลุถึงมหาจักรพรรดิเทพ!
ตั้งแต่จักรวาลกำเนิดมา กาลเวลาผ่านพ้นไปยาวนานอย่างไร้ที่สิ้นสุดแล้ว ผ่านพ้นมานานกว่าสามพันล้านปี แต่ก็บังเกิดจักรพรรดิเทพเพียงสามพันคนเท่านั้น ซึ่งจักรพรรดิเทพคนปัจจุบันคือคนที่สามพันหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เห็นได้เลยว่าการจะยึดกุมกฎดั้งเดิมประเภทหนึ่ง แล้วฝึกจนถึงขั้น 10 นั้น มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากเพียงใด