มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1357
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1357
“ฟึ่บ!”
ชายเกราะดำเคลื่อนไหวในชั่วพริบตาเดียว กระบี่ที่อยู่ในมือฟันตรงมาทางหลัวซิว กระบี่เฉียบคมสีดำขลับดุจหมึกนั่นมีออร่าที่น่ากลัวแฝงซ่อนอยู่ ราวกับทั่วทั้งฟ้าดินกลายเป็นความมืดที่ไร้ขอบเขต วันสิ้นโลกกำลังมาเยือน
หลัวซิวสุขุมเรียบนิ่ง ยกมือขึ้นมาแล้วจิ้มนิ้วลงบนอากาศที่ว่างเปล่า มังกรกระบี่สีดำตัวหนึ่งกระโจนออกมาพร้อมกับเสียงคำราม
ยังคงเป็นกระบี่มังกรอมตะเช่นเคย แต่พลังที่ใช้โคจรและกระตุ้นไม่ใช่กฎควายตายแต่อย่างใด แต่เป็นกฎไท่หยินอันบริสุทธิ์!
กฎไท่หยินเป็นกฎแขนงย่อยของกฎความตาย และแดนกฎความตายของหลัวซิวบรรลุถึงบริบูรณ์ใหญ่ขั้นสูงสุดแล้ว เหลือเพียงเสี้ยวเดียวก็ได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิมแล้ว
หากบอกว่ากฎความตายเป็นร่างหลักของเขา เช่นนั้นแม้แต่ร่างหลักยังบรรลุขึ้นมาถึงแดนระดับนี้แล้ว แขนงย่อยของร่างหลักก็ต้องตระหนักรู้ถึงแดนที่เท่ากันได้ง่ายดังพลิกฝ่ามืออยู่แล้ว
สรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลนี้หลุดพ้นจากชะตาของวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้ พูดได้เลยว่ากฎการเวียนว่ายตายเกิดครอบคลุมความเร้นลับของกฎทั้งปวงในสรรพโลกแล้ว
ขอเพียงตระหนักรู้กฎการเวียนว่ายตายเกิดทั้งสองกฎให้บรรลุถึงขั้นสุด ก็จะสามารถมองทะลุความเร้นลับของจักรวาลดั้งเดิม
กฎการเวียนว่ายตายเกิดมีแขนงย่อยเยอะมาก ๆ หลัวซิวยากที่จะตามหาจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของการตระหนักรู้กฎการเวียนว่ายตายเกิด จึงทำได้เพียงตระหนักรู้แขนงย่อยของกฎการเวียนว่ายตายเกิด มาอนุมานความเร้นลับของกฎการเวียนว่ายตายเกิดในทิศทางตรงกันข้าม
ถึงแม้เขายังมีผังกฎการเวียนว่ายตายเกิดดั้งเดิม แต่ยังคงอยู่ในระดับรูปที่ 4 หลักการและร่องรอยที่แฝงซ่อนอยู่ภายในลึกซึ้งมากเกินไป ความเร็วในการตระหนักรู้ก็ช้ามาก ๆ ด้วย
เพราะฉะนั้น ฐานหยินหยางถือเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อหนึ่งสำหรับหลัวซิว จากการยืนยันของกฎไท่หยิน ทำให้เขาอนุมานกฎความตายในทิศทางตรงกันข้าม และมีโอกาสสูงมาก ๆ ที่จะได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม แดนกฎก้าวขึ้นไปสู่ระดับเทพมาร
“ตู้มม!”
มังกรกระบี่ฉีกกระชากทุกอย่างให้แตกสลาย ร่างของชายเกราะดำแตกกระจายคาที่ ถูกหลัวซิวสังหารในกระบวนท่าเดียว
หลัวซิวมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่าปลายทางของเส้นทางแห่งพระจันทร์นี้จะสิ้นสุดลง ณ ที่ใดกันแน่
เวลาผ่านพ้นไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาสังหารคู่ต่อสู้ห้าคนในค่ายเสวียนไปได้อย่างง่ายดาย
ร่างเขาที่กำลังยืนอยู่บนค่ายเสวียนไม่มีความผิดปกติใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ร่างเขาดูสงบนิ่งมาก ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาสังหารคู่ต่อสู้ต่อเนื่องไปแล้วห้าคน แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
“หมอนั้นจัดการได้สบายขนาดนี้เลยหรือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสิบวัน สิ่งที่มันตระหนักรู้ได้ในฐานหยินหยางจะมากกว่าข้า!”
สีหน้าของหวางยู่ซวนหม่นหมอง แดนกฎเบญจธาตุของเขาบรรลุถึงระดับเทพมารช่วงกลางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้งก่อนจะมาการฝึกปรือในฐานหยินหยาง เขาก็ได้รับการถ่ายทอดสืบสานด้านกฎพระอาทิตย์มาจากอาจารย์เขาบ้างแล้ว มีพื้นฐานเล็กน้อย
ในบรรดาผู้เข้าร่วมการฝึกปรือทั้งหมด นอกเหนือจากหยุนจื่อซูแล้ว เขารู้ดีอยู่ว่าไม่มีผู้ใดดีเลิศมากไปกว่าตัวเองแล้ว
“กฎความตายไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใด ๆ ในนี้”
ในขณะที่กำลังสังหารคู่ต่อสู้คนที่หกอยู่นั้น หลัวซิวก็ค้นพบความเป็นจริงนี้โดยบังเอิญ
ภายในค่ายเสวียนฝึกปรือหยินหยางใช้ได้เพียงกฎเบญจธาตุและกฎหยินหยาง แต่ทว่ากฎความตายมีความเร้นลับของกฎไท่หยินแฝงซ่อนอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่ออยู่ในค่ายเสวียนจึงสามารถใช้มันได้เช่นกัน
การค้นพบนี้ทำให้หลัวซิวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก หากทราบว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกละก็ ความเร็วในการสังหารศัตรูที่อยู่ในค่ายเสวียนของเขาก็จะเร็วมากกว่าเดิม
ไม่นานนัก คู่ต่อสู้คนที่เจ็ดก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ผลการฝึกตนยังคงเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูงเช่นเคย แต่ทว่าแดนกฎไท่หยินของคู่ต่อสู้คนที่เจ็ด กลับบรรลุถึงแดนดั้งเดิมขั้นที่ 1 แล้ว!
“มิน่าล่ะอัตราการตกรอบของการประเมินค่ายเสวียนหยินหยางถึงสูงเช่นนี้ ระยะเวลาสิบวันสั้นมากเกินไป การที่จะตระหนักรู้ความเร้นลับของกฎหยินหยางในฐานหยินหยางได้นั้นทำได้ยากมาก ๆ ถึงแม้จะมีการตระหนักรู้ การตระหนักรู้เพียงสิบวันจะได้รับผลสำเร็จมากเพียงใดเล่า?”