มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1417
ร่างอยู่ ณ โลกแสงดาวเกณฑ์กฎ แต่ทว่าสายตาของหลัวซิวกลับสามารถมองข้ามปริภูมิที่ทับซ้อนกันได้ จ้องดูทุกมุมในโลกแสงดาวได้
และนี่เกิดจากช่องจิตของเทพฟ้าผสมรวมกับกฎฟ้าดิน ซึ่งนี่เป็นขอบเขตความกว้างที่กระแสจิตของเทพฟ้าสามารถสัมผัสได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถผนึกพิกัดที่แน่ชัดไว้ ฉีกอากาศที่ว่างเปล่าออกแล้วทะลุข้ามผ่านไปถึงที่นั่นได้ในชั่วพริบตาเดียว
ส่วนเทพมารกลับไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากกระแสสัมผัสของเทพมารไม่สามารถแผ่ขยายไปถึงตำแหน่งที่ห่างไกลขนาดนั้นได้ ระยะห่างที่ทะลุข้ามผ่านไปโดยการฉีกอากาศที่ว่างเปล่าออกก็ไกลเกินไป จึงไม่สามารถผนึกพิกัดได้อย่างแน่ชัด และง่ายต่อการเกิดข้อผิดพลาด
แต่ทว่าหลัวซิวเพิ่งบรรลุถึงเทพมาร เขากลับมีศักยภาพที่สามารถทำได้อย่างระดับเทพฟ้า
กระแสสัมผัสของเขากวาดผ่านสำนักไท่เสวียนที่ตั้งอยู่ ณ อาณาจักรใต้ รูปปั้นที่สูงตระหง่านหลายหมื่นเมตรนั่น เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทำให้มีรังสีที่แวววาวงดงามกระพริบระยิบระยับ ดุจเทพเจ้าองค์หนึ่ง
สำนักไท่เสวียนในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่มีผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงแดนเทพมารขั้นสูง แต่ก็ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดในโลกแสงดาวเช่นกัน
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองบินวนอยู่เหนือนภาสำนักเขา ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของผู้เฝ้าปกปักรักษา หลัวซิวสัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของเกาเหลียนหงบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางแล้ว มีความหวังที่จะบรรลุเป็นเทพมารภายในระยะเวลาสองร้อยกว่าปี
รูปปั้นที่สูงหลายหมื่นเมตรนั่น เป็นรูปปั้นที่หลัวซิวเคยฝึกเซ่นด้วยมือทั้งสองข้างของตน ภายในมีตราประทับของเขาสลักไว้ ซึ่งเท่ากับร่างแยกหนึ่งของเขา
หากสำนักไท่เสวียนตกอยู่ในความอันตราย รูปปั้นที่สูงหลายหมื่นเมตรนั่นสามารถแสดงกำลังรบที่เทียบเท่ากับศักยภาพมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายของเขาออกมาได้ ต่อให้เทพมารขั้นสูงมารุกราน ก็สามารถสังหารได้เช่นกัน!
เขาไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังไท่เสวียนแต่อย่างใด เนื่องจากเขาในปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้คนส่วนมากในไท่เสวียนของโลกแสงดาวแล้ว
“การสังหารซือถูเจิ้งเจี้ยนในครั้งนี้ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เมื่อบาดแผลฟื้นฟูแล้วก็ต้องข้ามผ่านทัณฑ์อีก ซึ่งใช้เวลาไปเกือบหนึ่งปีกว่า เยว่เอ๋อร์และซีโรว่น่าจะหลุดพ้นจากความอันตรายแล้วสินะ?”
เงาร่างของหลัวซิวลอยขึ้นฟ้า ปริภูมิที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อย ๆ แตกร้าว จนประกอบเป็นเส้นทางที่มืดมิดเส้นหนึ่ง เงาร่างของเขาหายเข้าไปในเส้นทางดังกล่าว จากนั้นปริภูมิที่แตกร้าวก็ค่อย ๆ กลับมาสมานกันใหม่
เขาทะลุผ่านไปมาในห้วงอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนจะไปถึงอนัตตาไร้สิ้นระหว่างพิภพอย่างรวดเร็ว
เขามีเข็มทิศมหาแดนอยู่ในกำมือ สามารถผนึกทิศทางของโลกเสวียนเทียนได้ อาศัยความเร็วของปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทิน เงาร่างของเขากลายเป็นลำแสงหนึ่งในอนัตตาไร้สิ้น เหมือนดังดาวตกที่เคลื่อนผ่านขอบฟ้าไป
เมื่อระยะห่างยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้โลกเสวียนเทียน หลัวซิวก็ยกมือปล่อยพลังตราประทับหนึ่งออกไป แสงที่สว่างไสวหนึ่งกระพริบผ่านบนฝ่ามือและนิ้วมือของเขาไป
แสงดังกล่าวคือเคล็ดวิชาส่งเสียง เป็นเคล็ดวิชาที่ไม่ต้องอาศัยสมบัติใด ๆ ก็สามารถส่งเสียงถึงกันและกันได้ แต่ทว่าต้องทราบออร่าตราประทับของฝ่ายตรงข้ามก่อน
เขาจะหลอกล่อซือถูเจิ้งเจี้ยนออกไปด้วยตัวเขาเอง เพื่อให้สะดวกแก่การสื่อสารซึ่งกันและกัน หลัวซิวเคยแลกเปลี่ยนตราส่งเสียงกับปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวมาก่อน
มีเสียงตอบกลับของปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวดังขึ้นมาในตัวหยั่งรู้เขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
หลังจากได้รับการตอบกลับ หลัวซิวก็ถอนหายใจโล่งอก พื้นที่ที่ตั้งของสำนักเขาไท่เสวียนถูกปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนกลั่นเป็นลูกแก้วแดนปริศนาลูกหนึ่ง ทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินถูกทำลายล้างไปหมดแล้ว ส่วนศิษย์ภายในสำนักไท่เสวียนนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนจากการล้มล้างในครั้งนี้เลย
พูดได้เลยว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
……
บนกลางอากาศว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขตที่อยู่ค่อนข้างใกล้พิภพ สภาพแวดล้อม ณ ที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ถึงแม้จะมีภัยอันตรายอย่างโซนทอร์นาโด ปริภูมิแตกร้าว โซนอลหม่านเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ทว่าอย่างมากสุดภัยอันตรายเหล่านี้ก็เป็นภัยคุกคามต่อระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น
เรือรบสีดำที่มีความยาวหลายร้อยไมล์ลำหนึ่งลอยอยู่บนนภาของที่แห่งนี้ มีม่านแสงหนึ่งชั้นปรากฏอยู่บนชั้นผิวภายนอกของเรือรบลำนี้ ต่อให้เป็นโซนทอร์นาโด ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบใด ๆ ต่อม่านแสงชั้นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
และเรือรบลำนี้ก็คืออัญเทพฟ้าของยู่หวูฉิว เรือปีศาจดำ
“ภายใต้การไล่ล่าของซือถูเจิ้งเจี้ยน เขายังมีชีวิตรอดกลับมาได้อีกอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อยู่หวูฉิวบอกว่าหลัวซิวจะมารวมตัวกับพวกเขาแล้ว เหล่าน้องชายของเขาต่างก็ดูตะลึงงันอย่างมาก