มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 146 เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า
บทที่ 146 เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า
พลังแปรเสวียนเทียนสามเท่าทำให้ร่างกายได้รับภาระมากขึ้น โชคดีที่หลัวซิวฝ่าทะลวงร่างยุทธ์ชั้นสูงได้สำเร็จ หรือว่าสามารถแบกรับการสะท้อนกลับของวิชายิ่งเลิศ
โคจรวิชาลับ ออร่าบนร่างกายของหลัวซิวเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนแปลงไปบนร่างกายของเขา เหยียนเยว่เอ่อร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้ว
เนื่องจากต้องระงับอาการบาดเจ็บของเทพจิต พลังที่นางสามารถใช้จึงมีไม่มาก ดังนั้นนางจึงพยายามไม่เคลื่อนไหว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการบาดเจ็บของเทพจิตแย่ลง
“วิชาเงาเศษสิบช่อง!”
หลัวซิวเคลื่อนไหว เงาภาพติดตาเก้าสายปรากฏ ยากต่อการระบุร่างจริง
เขาถือกระบี่ไว้ในมือ พริบตาเดียวไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหยียนเยว่เอ่อร์ ไฟสีขาวดำลุกโชนขึ้นบนกระบี่ เหมือนแสงแห่งหยินหยางเป็นตาย แทงตรงไปที่กลางหว่างคิ้วของเหยียนเยว่เอ่อร์
แสงเหนือ!
กระบวนท่านี้เป็นสุดยอดกระบวนท่าหนึ่งวิชากระบี่แสงเหนือ!
กระบวนท่านี้ของหลัวซิวเร็วจนถึงขีดสุด ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นสามเท่า สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือพลังที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่สามเท่าตามปกติ แต่เป็นการเพิ่มสามเท่าอีกครั้งบนพื้นฐานของพลังสองเท่า รวมทั้งหมดเป็นพลังหกเท่า!
เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ แม้แต่เหยียนเยว่เอ่อร์ก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายสายหนึ่ง
เห็นเพียงนางเรียกกระบี่อ่อนที่บางยาวเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ ภายใต้คมกระบี่ที่สั่นไหวเกร็งตรงทันที และมีเปลวไฟลุกโชนขึ้น
กระบวนท่าที่แฝงไปด้วยเปลวไฟแห่งห้วงยุทธ์พุ่งออกไป แม้จะเป็นฝึกจิตขั้นสองก็ยากที่จะต้านทาน
หลัวซิวย่อมไม่กลัว นี่เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในปัจจุบัน ด้วยพลังแปรเสวียนเทียนที่เพิ่มขึ้นหกเท่า หลอมรวมปราณเป็นตายสองระดับกลายเป็นเปลวไฟ ถ้าหากยังไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเหยียนเยว่เอ่อร์ นั่นคงเป็นสิ่งที่โชคชะตาของเขาถูกกำหนด
ติง!
ประกายไฟสาดกระเซ็นสี่ทิศ กระบี่ที่แหลมคมปลดปล่อยปราณกระบี่ไปทั่วสารทิศ ทำให้พื้นที่อยู่โดยรอบทุกทะลวงเป็นหลุมบ่อ
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวราวสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งถูกส่งผ่านเข้าไปในร่างกายของหลัวซิว พลังสายนี้แฝงไปด้วยห้วงยุทธ์ ถึงจะเป็นปราณแท้ของปราณเป็นตายสองระดับก็ยากจะสลาย ทันใดนั้นกระอักเลือดสีแดงสดออกมา
ทว่าเหยียนเยว่เอ่อร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ไม่ดีไปกว่าเท่าไหร่ หลัวซิวอาศัยภายใต้สถานการณ์ที่พลังเพิ่มขึ้นหกเท่า กระบี่อ่อนของนางโดยกระบี่ยุทธ์ชั้นกลางสะเทือนออก มือซ้ายของหลัวซิวมีพลังปราณเป็นตายสองระดับควบแน่น ซัดตราสัญลักษณ์ออกไป จู่โจมใส่ไหล่ขวาของนาง
ตราฝ่ามือนี้คือตราแห่งความเป็นตายที่หลัวซิวเรียนรู้มาจากต้นกำเนิดผังกฎ อานุภาพของมันรุนแรงกว่าวิชากระบี่แสงเหนือไปเยอะมาก
เห็นเพียงร่างกายของเหยียนเยว่เอ่อร์สั่นสะท้าน พลังปราณความเป็นตายสองระดับถาโถมเข้าไปในร่างกาย เทพจิตที่ได้รับบาดเจ็บแทบจะระงับไม่อยู่
นางส่งเสียงอู้อี้ ร่างกายถอยหลังอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นไหวไปมาหายเข้าไปในป่าสีเลือด
หลัวซิวไม่ได้ไล่ตามจู่โจม ถึงแม้จะโจมตีเหยียนเยว่เอ่อร์จนได้รับบาดเจ็บ เขาเองก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่เบา
ก่อนอื่นคือพลังหกเท่าของพลังแปรเสวียนเทียนสะท้อนกลับ ทำให้ร่างกายของเขาส่งความรู้สึกที่เจ็บปวดเหมือนโดนฉีกกระชากมาเป็นระลอก ถ้าหากเหยียนเยว่เอ่อร์ไม่ถอย เขาใช้พลังอีกครั้ง เกรงว่าร่างของแดนร่างยุทธ์ขั้นสูงคงต้องพังทลายแน่นอน
นอกจากนี้ กลิ่นอายเปลวไฟที่แฝงไปด้วยห้วงจิตกำลังสร้างความเสียหายภายในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาจำเป็นต้องโคจรพลังทั้งหมดถึงจะสามารถระงับมันได้
หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ในที่สุดหลัวซิวก็รู้แล้วว่าอะไรคือเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เพลงกระบี่ที่รวดเร็วของแดนบริบูรณ์ ปราณความเป็นตายสองระดับ สุดยอดวิชาลับพลังแปรเสวียนเทียน ทำให้เขาคิดมาโดยตลอดว่าแดนฝึกจิตลงไปไม่มีใครสามารถเอาชนะเขา แม้จะเป็นปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งระดับฝึกจิตขั้นหนึ่ง เขาก็สามารถสยบลง
แต่เหยียนเยว่เอ่อร์คนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นแดนพรสวรรค์ กลับหลอมรวมการสำนึก ฝึกห้วงยุทธ์จนสำเร็จ เหนือกว่าเขาในทุกด้าน
ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะนางโดนฝ่ามือของเขาซัดจนได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวาตกใจจนหนีไป ลงมืออีกเพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้ สำหรับหลัวซิวถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ทำให้ความคิดที่มั่นใจในตัวเองลดต่ำลง สะเทือนโดนจิตใจของตัวเอง
แต่ทว่าเขากลับไม่รู้ ที่เหยียนเยว่เอ่อร์มีความสามารถระดับนี้ เป็นเพราะเดิมทีนางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักพรรดิยุทธ์ หน้าตาของนางถึงจะดูเหมือนเด็กสาว ทว่าอันที่จริงนางมีอายุอยู่มาสามร้อยกว่าปีแล้ว!
และนางก็ไม่ได้เป็นเพราะตกใจจนหนีไป แต่เป็นเพราะเนื่องจากเทพจิตได้รับผลกระทบ เมื่อไหร่ที่อาการบาดเจ็บประทุขึ้นอย่างเต็มกำลัง ไม่จำเป็นต้องให้หลัวซิวลงมือ ชีวิตของนางก็ตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน จำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยป้องกันระงับแผลแห่งเทพจิต
……
กลับมาถึงถ้ำ หลัวซิวฝังหินพลังจิตชั้นกลางลงในผังค่ายคุ้มกันอีกครั้ง หลังจากนั้นนำมันไปวางไว้ที่หน้าปากถ้ำ
ถึงแม้จะสามารถป้องกันการโจมตีได้เพียงครั้งเดียว แต่นั่นก็ทำให้เขามีเวลาตอบสนองที่เพียงพอ
สิ่งที่หลัวซิวรู้สึกเสียใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือไม่ได้เตรียมธงค่ายที่ใช้สำหรับตั้งค่ายกลมา ไม่อย่างนั้นด้วยฝีมือของเขา ตั้งค่ายกลระดับสามสองสามอัน ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าผังค่ายกลระดับห้าแน่นอน
เขาบรรลุถึงมาตรฐานของปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า แต่เนื่องจากขีดจำกัดของผลการฝึกตน จึงทำได้แค่ตั้งค่ายกลระดับสาม
ปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปทั้งหมด หลัวซิวสงบจิตใจเริ่มโคจรวงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพ
ตั้งแต่เข้าใจกฎดั้งเดิมชุดแรกอย่างถ่องแท้ หลัวซิวเริ่มเข้าใจวรยุทธ์ของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าทวยเทพ พลังหยางบริสุทธิ์ที่ฝึกในตอนแรกถูกทิ้งไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน เหยียนเยว่เอ่อร์ก็หลบอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อระงับแผลแห่งเทพจิต เมื่อเทียบกันแล้ว อาการบาดเจ็บของนางร้ายแรงกว่าของหลัวซิวไปเยอะ
……
หลังจากนั้นสามวัน หลัวซิวที่อยู่ในถ้ำลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า อาศัยพลังรักษาของผังลายเส้นชีวิต ขอเพียงแค่เขายังมีลมหายใจ ถึงจะบาดเจ็บรุนแรงแค่ไหนก็สามารถฟื้นฟูกลับมา
พลังเปลวไฟที่แผงไปด้วยห้วงยุทธ์สายนั้นไหลเวียนเข้าไปในจุดตันเถียน ถูกเขาใช้วงล้อแห่งชีวิตทำลายจนสิ้นซาก
ในตอนที่เขารักษาโรคชีพจรขาดธาตุไฟของลู่เมิ่งเหยาได้ดูดซับพลังแห่งเปลวไฟ จึงทำให้บนตัวของเขาก็มีพลังแห่งเปลวไฟ เพราะเหตุนี้ตอนที่เขาทำลายเปลวไฟห้วงยุทธ์ เขาสัมผัสได้ถึงความพิศวงของเปลวไฟห้วงยุทธ์สายหนึ่ง
ห้วงยุทธ์พันแปลกร้อยประหลาด ตามอัตราของจอมยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป กลยุทธ์ที่แตกต่าง นิสัยที่แตกต่าง ร่างกายที่แตกต่าง ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของห้วงยุทธ์ก็แตกต่างกัน
เล่ากันว่าหากผลการฝึกฝนบรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ ห้วงยุทธ์ยังสามารถยกระดับหลอมรวมกลายเป็นเทพจิต ยกตัวอย่างเช่นเหยียนเยว่เอ่อร์ที่ครอบครองเปลวไฟห้วงจิต หากนางหลอมรวมเทพจิต ก็จะกลายเป็นเปลวไฟเทพจิต
ตระกูลเหยียนเมืองกู่เจี้ยน เชี่ยวชาญการฝึกพลังแห่งเปลวไฟ
“เหยียนเยว่เอ่อร์คนนั้นไม่รู้ไปไหนแล้ว สามวันที่ผ่านมาก็ไม่ได้มาหาเรื่องฉัน หรือว่าเข้าไปในเขตที่สามแล้ว?”
มิติแดนปริศนาแห่งนี้มีการแบ่งเขตที่แตกต่างกันออกไป หลัวซิวไม่ได้รู้อะไรมาก และไม่รู้เงื่อนไขข้อจำกัดหลังเข้าไปเขตอื่น
หลังจากที่เดินออกจากถ้ำ หลัวซิวก็เริ่มล่าอสูรในเขตสองต่อ ได้รับลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์ ตั้งแต่เริ่มจนจบขยายประสาทสัมผัสจิตวิญญาณเป็นวงกว้าง ป้องกันเหยียนเยว่เอ่อร์ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เวลาล่วงเลยผ่านไปทีละนิด เป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าที่เข้าสู่แดนนานาอสูรแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว
ในระหว่างนี้ หลัวซิวสังหารอสูรรับลูกแก้วโลหิต ระดับร่างเนื้อของร่างยุทธ์ชั้นสูงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อพลังแห่งร่างกายแข็งแกร่งขึ้น เขากลับพบว่าผลของลูกแก้วโลหิตพรสวรรค์อ่อนลงแล้ว ไม่เพียงพอให้เขาฝึกถึงขั้นสูงสุดของร่างยุทธ์
“ถ้าหากต้องการฝ่าทะลวงแดนร่างเนื้อ จำเป็นต้องใช้ลูกแก้วโลหิตที่มีระดับสูงกว่า!”
หลัวซิวครุ่นคิดในใจ แดนนานาอสูรแห่งนี้ เขตที่หนึ่งเป็นอสูรระดับชี่ไห่ เขตที่สองส่วนใหญ่เป็นอสูรระดับพรสวรรค์ อย่างนั้นเขตที่สาม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะเป็นอสูรระดับจิตเทพ!
มีเพียงสังหารอสูรระดับจิตเทพถึงจะได้รับลูกแก้วโลหิตที่มีระดับสูงกว่า ถึงจะสามารถฝึกร่างเนื้อให้ไปถึงระดับที่สูงกว่า
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะคิดเดินทางไปเขตสาม
ด้วยความสามารถโดยรวมของเขาในตอนนี้ น่าจะสามารถสังหารอสูรระดับเทตจิตทั่วไปได้แล้ว แต่ถ้าหากเจอกับพวกอสูรระดับเทพจิตที่แข็งแกร่ง คงทำได้แต่ต้องหนีเอาชีวิตรอด
โครม……[1][1]
########################