มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1500
หากได้ครอบครองอาวุธที่เทียบเท่ากับราชาแห่งศัสตราวุธ แล้วนำมันไปขายเปลี่ยนเป็นสมบัติทรัพยากร เช่นนั้นต้องทำให้วิถียุทธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้นอีกหนึ่งก้าวแน่นอน บรรลุถึงแดนที่เป็นไปได้ยากในชั่วชีวิตนี้
มนุษย์ตายเพราะทรัพย์สิน นกดับดิ้นเพราะอาหาร และนักยุทธ์ก็แก่งแย่ง ช่วงชิง เข่นฆ่ากันเพราะทรัพยากร!
แม้ว่าจุดจบของเทพฟ้าเจ้านภาสิบกว่าคนในเมื่อครู่นี้ยังคงติดตา แต่มันก็ยากที่จะต้านทานกิเลสของมนุษย์ได้
พลานุภาพของสำนักเต๋าเสวียนเทียนแข็งแกร่งมากก็จริง สามารถกระตุ้นกฎปริภูมิดั้งเดิมขั้น 4 ออกมาได้ ผู้ที่แดนต่ำกว่าเทพฟ้าไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส ต่อให้เป็นเจ้านภาขั้นสุดยอดหรือกึ่งราชาเทพ หากไม่มีกลอุบายที่ยอดเยี่ยม ก็ยากที่จะต้านทานพลานุภาพของสำนักเต๋าได้
แต่ทว่าสมบัติที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เงื่อนไขที่มีต่อนักยุทธ์ก็สูงมากเช่นกัน จากผลการฝึกตนของร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง พวกเขาอดทนต่อได้ไม่นานนัก
คนอื่น ๆ ก็ต้องนึกจุดนี้ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองกระตุ้นสำนักเต๋า ทุกคนก็จะถอยหลังกลับไปอย่างบ้าคลั่ง มาตรแม้นว่ามีคนหลบหนีไม่ทันแล้วถูกสำนักเต๋ากลืนกินสังหาร ทว่าประสิทธิผลของสำนักเต๋าก็เล็กน้อยมาก ๆ
และทันทีที่ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองดึงอิทธิฤทธิ์กลับมา ผู้คนที่อยู่ด้านนอกก็จะบุกเข้ามาฆ่าอีกครั้ง ทำให้ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองไม่กล้าเกียจคร้านเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าฮ่า อิทธิฤทธิ์ของพวกมันมีไม่เพียงพอแล้ว พวกเราทุกคนบุกเข้าไปพร้อมกัน!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พลังออร่าของร่างกลวัฏสงสารทั้งสองก็ยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอลง และพลานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจากสำนักเต๋าก็ไม่ทรงพลังอย่างเมื่อครู่นี้อีกด้วย
ลำแสงสิบกว่าแสงบินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทุกคนต่างเข้าใกล้ถ้ำอยู่นั้น ประตูสำนักเต๋าก็เปิดออก พลังกฎปริภูมิไหลทะลักออกมา กลายเป็นพายุ คมลม พลังแห่งการดูดกลืนโหมซัดทุกอย่างออกไป
อย่างไรก็ตามพลังดังกล่าวแค่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเทพฟ้าช่วงปลายและเจ้านภาทั่วไปเท่านั้น ประสิทธิผลที่มีต่อผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาช่วงกลางเป็นต้นไปนั้นน้อยนิดมาก ๆ
ดูเหมือนกับว่าร่างกลวัฏสงสารทั้งสองจะไม่มีผลการฝึกตนที่มากพอเพื่อมากระตุ้นพลานุภาพของสำนักเต๋าอีกแล้ว
นี่จึงทำให้แววตาของคนส่วนมากมีรังสีแห่งความดุดันกระพริบระยิบระยับ จิตที่จะฆ่าไหลล้นออกมา
แต่ทว่าในเวลานี้เอง สำนักเต๋าที่พลานุภาพลดฮวบไปในตอนแรก ก็เริ่มสั่นคลอนเสียงดังโครมครามขึ้นมา พลังกฎปริภูมิที่พรั่งพรูออกมา บ้าคลั่งขึ้นมากะทันหัน
“แย่แล้ว! ติดกับแล้ว!”
“ไอ้คนต่ำทรามไร้ยางอาย!”
เหล่าเทพฟ้าเจ้านภาจำนวนมากที่บุกเข้าไปในถ้ำตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี คนเหล่านี้ฝึกตนมายาวนานอย่างไม่รู้จบ แต่ละคนเจ้าเล่ห์มากจนมิอาจคาดเดาได้ เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ในชั่วพริบตาเดียวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ให้ตายเถอะ เมื่อครู่ไอ้สองคนนั่นจงใจแสดงอาการอ่อนข้อ เพื่อล่อพวกเราทุกคนมา……”
ผู้แข็งแกร่งเจ้านภาคนหนึ่งตะคอกด้วยจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้น ภายใต้คมลมปริภูมิที่โหดร้ายและรุนแรง ทำให้ร่างกายเขาระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด
ในขณะเดียวกัน โซนทอร์นาโดก็โหมกระหน่ำเข้ามา ภูเขาที่รกร้างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะภูเขาจะพังทลายลงมาครึ่งหนึ่ง เหล่าเทพฟ้าเจ้านภาจำนวนมากที่บุกเข้ามาฆ่า ตายหายไปเกือบครึ่งในทีเดียว
ส่วนอีกครึ่งที่เหลือนั้น สัมผัสได้ถึงความผิดปกติก่อนล่วงหน้า จึงเตรียมป้องกันอย่างลับ ๆ แล้ว ด้วยเหตุนี้คนเหล่านี้จึงไม่ติดกับดักร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง
“หึ ช่างเป็นจิตใจที่ชั่วร้ายยิ่งนัก ถึงกับใช้วิธีเช่นนี้มาลอบทำร้ายเราทุกคนที่อยู่บนเส้นทางเดียวกัน!”
ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูอยู่ในช่วงวัยกลางคนพูดกระแทกเสียงต่ำอย่างเย็นเยือก“แต่ทว่าในเมื่อพวกเจ้าใช้วิธีการที่มากมายเช่นนี้มาลอบทำร้ายเราแล้ว เห็นได้เลยว่ากำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรของพวกเจ้าก็เสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว พวกเจ้าประคองได้อีกไม่นานหรอก!”
ไม่ต้องให้ชายวัยกลางคนผู้นี้ย้ำเตือน เหล่านักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ด้านนอกก็มองจุดนี้ออกเช่นกัน ดังนั้นศึกการต่อสู้ที่ปะทะกันไปมาก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
เหล่านักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ด้านนอกไม่บุกเข้ามาในถ้ำอย่างผลีผลามอีก และทุกครั้งที่ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองกระตุ้นสำนักเต๋าหนึ่งครั้ง พวกเขาก็จะสูญเสียผลการฝึกตนไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ถึงแม้จะมีการเพิ่มเสริมกำลังจากยาและแก้วเทวก็ตาม ทว่าความเร็วในการฟื้นฟูผลการฝึกตนกลับไม่เท่าความเร็วที่ผลการฝึกตนสูญเสียไป ใช้เวลาไม่นาน ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองก็จะไม่สามารถกระตุ้นพลานุภาพของสำนักเต๋าได้อีก และเหล่านักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ด้านนอกก็จะบุกฆ่าเข้ามา ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาต้องหนักหนามากจนมิอาจจินตนาการได้แน่นอน
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างโชติช่วงที่แวววาวถึงขั้นสุดเปล่งประกายออกมาจากท้องฟ้าที่มืดสลัวไปในตอนแรกเพราะเมฆแห่งทัณฑ์สายฟ้า