มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1502
“รบกวนการฝึกตนปิดขังของข้า พวกเจ้าทุกคนล้วนสมควรตาย!”
วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่อยู่หลังศีรษะหลัวซิวหมุนอย่างบ้าคลั่ง พลังชีวิตจำนวนมากถูกยึดและกลืนกิน จากนั้นภายใต้การโคจรพลังจุติมรณะ พลังชีวิตทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นสองระดับความเป็นตาย
มาตรแม้นว่ามีผู้แข็งแกร่งเจ้านภาส่วนน้อยที่สามารถต้านทานได้อย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็ถูกเขาลงมือกดอัดด้วยเงื้อมมือตัวเอง จนเจ้านภาเหล่านั้นร่างสิ้นธรรมสูญเช่นกัน
มีพลังออร่าอันน่าเกรงขามที่มหาศาลระเบิดออกมาจากร่างกายเขา ห้วงดาราในวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหลังศีรษะแผ่ขยายออก ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับบุกเบิกจักรวาลหนึ่งออกมาได้ยังไงอย่างนั้น
เมื่อเหล่านักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่บริเวณรอบ ๆ สัมผัสได้ถึงพลังออร่าอันน่าเกรงขามที่มหาศาลนี้ สีหน้าของพวกเขาทุกคนก็ขาวซีดลงไป ร่างกายสั่นเทา ยิ่งกว่านั้นคือแก่นธรรมถึงขั้นแตกร้าว ซึ่งสามารถแตกกระจายได้ตลอดเวลา
แก่นธรรมที่ว่าก็คือแก่นธรรมยุทธ์นั่นเอง และเป็นรากฐานแห่งยุทธ์ที่เหล่านักยุทธ์ฝึกตน เมื่อผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนอย่างเทพฟ้าแล้ว นักยุทธ์ก็จะบรรลุถึงระดับที่ตระหนักรู้ในจิตธรรมได้สำเร็จ และมีแดนยุทธ์ที่เป็นของตัวเอง
แต่ทว่าวินาทีนี้ วิถีของพวกเขาทุกคนล้วนถูกวิถีของหลัวซิวกดอัด
ระหว่างนักยุทธ์และนักยุทธ์ การกดอัดโดยทั่วไปล้วนเกิดจากศักยภาพที่แตกต่างกันมากเกินไป จนส่งผลให้ความสามารถของทั้งสองฝ่ายแตกต่างราวกับช่องกว้างและร่องน้ำใหญ่ ทว่าหลัวซิวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการกดอัดของเขาเป็นการกดอัดทางวิถียุทธ์!
โดยที่รากฐานวิถียุทธ์ของเขาคือวัฏสงสาร การบุกเบิกดาราจักรวาลนั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่าอย่างยิ่ง และครอบจักรวาล
พลังอมตะของเขายิ่งเป็นสรรพวิชาที่วิวัฒนาการมาจากวิชาไร้ลักษณ์ จึงส่งผลให้วิถีของเขาอยู่เหนือระดับที่ใหม่เอี่ยม ทำให้ผู้คนทำได้เพียงเงยหน้ามองเขา
ถึงแม้ว่าวิถียุทธ์ของเขา ณ บัดนี้จะเป็นเพียงแบบจำลองเท่านั้น ยังห่างจากระดับบริบูรณ์บรรลุผลไกลมาก ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะใช้พลังอำนาจกดอัดนักยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าแดนราชาเทพได้อย่างแน่นอนแล้ว
การเวียนว่ายตายเกิดคือวัฏสงสารที่ยึดกุมลำดับกฎเกณฑ์ ส่วนห้วงเวลาคือจักรวาลที่สามารถบุกเบิกห้วงดาราที่นับไม่ถ้วน และมีดวงดาวจุอยู่ภายในห้วงดารา วิวัฒนาการความสมบูรณ์แบบของวิถียุทธ์
“คนดังกล่าวมีความทะเยอทะยานสูงมาก!”
บนนภาที่ห่างออกไปไกล ใบหน้าของชายในเสื้อคลุมยาวสีทองคนหนึ่งดูมาดเคร่ง มองมาทางหลัวซิวที่อยู่ห่างออกไปไกล แววตาดุจสายฟ้า ความทะเยอทะยานที่จะสู้แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา
ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนคิดว่าสำนักเต๋าเสวียนเทียนคือราชาแห่งศัสตราวุธ ทว่าเพียงคำพูดเดียวของคนดังกล่าวก็ทำให้ทุกคนเห็นชัดแจ้งทั้งหมดว่า นั่นเป็นเพียงอัญเทพฟ้าที่สามารถเทียบทัดกับราชาแห่งศัสตราวุธได้เท่านั้น
เพียงจุดนี้จุดเดียว ก็สามารถมองเห็นแววตาที่ไม่ธรรมดาของคนดังกล่าวแล้ว ซึ่งเขามิใช่ผู้ที่เจ้านภาทั่วไปจะเทียบเคียงได้
หลัวซิวก็สังเกตเห็นชายชุดคลุมยาวสีทองนั่นแล้วเช่นกัน ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ล้วนกำลังสั่นเทาเพราะออร่ายุทธ์ของตัวเขา ทว่ามีเพียงคนดังกล่าวเท่านั้นที่ดูสง่าผึ่งผาย ราวกับไม่ถูกกดอัดและไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
“วิถีของเจ้ายิ่งใหญ่มาก ครอบคลุมทั้งห้วงเวลาการเวียนว่ายตายเกิด จักรวาลดาราและสรรพวิชา ยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ ว่าในฟ้าดินผืนนี้จะมีผู้ที่มีวิถียิ่งใหญ่โอ่อ่าเช่นนี้ด้วย!”
“อย่างไรก็ตามความทะเยอทะยานของเจ้ามีมากเกินไป ยิ่งเป็นวิถียุทธ์ที่โอ่อ่ายิ่งฝ่าฟันลำบาก เมื่อยิ่งลำบากก็ยิ่งบรรลุผลยาก ในทางกลับกันเดินบนเส้นทางแห่งยุทธ์ที่หลักธรรมง่าย ๆ จะดีกว่า”
ชายชุดคลุมยาวสีทองหกระเหินเดินฟ้า ดวงตาที่ร้อนผ่าวจ้องมองมาทางหลัวซิว “วิถีของข้าก็เป็นเชกเช่นนี้ มีเพียงกระบี่เดียวเท่านั้น!”
เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงเขา ก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดปรากฏด้านหลังชายชุดคลุมยาวสีทอง กระบี่เทพที่มีปราณกระบี่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเล่มหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างฮึกเหิม มีห้วงกระบี่ที่น่าทึ่งแผ่กระจายออกมา
และกระบี่เล่มนี้ก็คือวิถียุทธ์ของชายชุดคลุมยาวสีทอง ภายนอกดูเรียบง่าย ไม่ยิ่งใหญ่โอ่อ่าถึงขีดสุดดั่งวิถียุทธ์ของหลัวซิว แต่ทว่ากลับมีหลักธรรมจากง่ายไปสู่ยากรั่วไหลออกมา พลังออร่าที่ผนึกรวมกันนั้นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มาก ซึ่งสามารถต่อกรกับวิถียุทธ์อันยิ่งใหญ่โอ่อ่าของหลัวซิวได้
ช่วงวัยของชายชุดคลุมยาวสีทองคนนี้ดูไม่มาก แต่ทว่าทุกกริยาท่าทางของเขากลับมีบุคลิกที่น่านับถือของปรมาจารย์โลกยุทธ์แฝงซ่อนอยู่ ห้วงกระบี่ล่องหนพุ่งตรงเข้ามา ทำให้หลัวซิวรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังจะถูกกระบี่นับหมื่นแทงทะลุยังไงอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน ออร่าผลการฝึกตนที่อยู่เหนือเจ้านภาชั้นยอดก็แผ่กระจายออกมาจากร่างชายชุดคลุมยาวสีทองอย่างเด่นชัด
หลัวซิวสามารถยืนยันได้ว่าคนดังกล่าวมิใช่ราชาเทพแต่อย่างใด ทว่ากลับอยู่เหนือเจ้านภา เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่าผลการฝึกตนและระดับฝีมือของคนดังกล่าวบรรลุถึงแดนกึ่งราชาเทพแล้ว!