มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 151 เหยียนเยว่เอ๋อร์กลับมาช่วยคน
บทที่ 151 เหยียนเยว่เอ๋อร์กลับมาช่วยคน
หลัวซิวทั้งตกใจทั้งโกรธ มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงตัวนี้ฝึกจิตขั้นสามแล้วก็จริง แต่ความแข็งแกร่งนั้นต้องแข็งแกร่งกว่าการฝึกจิตขั้นสามทั่วไปอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดแค่ว่าเป็นอสูรกายที่ฝึกจิตขั้นสี่ แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้าอสูรกายที่ยึดถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ที่แท้แล้วคือมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง!
ร่างสูงราวหนึ่งร้อยสี่สิบเมตรลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาแดงก่ำคู่ใหญ่หลุบตาลงมองมนุษย์ตัวเล็กราวกับหมด เมื่อมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงอ้าปาก ลำแสงสีม่วงที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจก็ถูกพ่นออกมา และพุ่งเข้าหาหลัวซิวด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
หลัวซิวรีบสาวเท้าวิ่งหนี ต่อให้มียาระเบิดเทพจิตอยู่กับตัว แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอสูรกายตัวนี้อยู่ดี
เสียงคำรามดังกึกก้อง ลำแสงสีม่วงตกกระทบลงสู่พื้น ระเบิดจนกลายเป็นหลุมลึกจนมองไม่เห็นก้นหลุม มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงไล่ตามโจมตีอย่างดุร้าย ป่าทึบที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ถูกทำลายราบเป็นนาบกองในทันที
เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงของการต่อสู้ ก็รีบเข้าไปในดินแดนของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง ตามหาหญ้าวิญญาณกลับมา
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายลมพัด จนไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับการเคลื่อนไหวของหลัวซิว
ความจริงแล้วหลัวซิวนั้นไม่ได้หนีออกมาไกลสักเท่าใดนัก ยิ่งถูกมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงไล่ตามมาติด ๆ ลำแสงสีม่วงถูกยิงออกมาราวลูกธนู สามารถที่จะบดร่างยุทธ์ชั้นสูงของเขาให้สลายได้ในทันที
หลัวซิวกลิ้งลงกลับพื้น หลบหลีกการโจมตีจากลำแสงสีม่วง ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังอึกทึกครึกโครม หลัวซิวก็ได้เคี้ยวยาระเบิดเทพจิตที่อยู่ในปากของเขา
ในชั่วพริบตา เรียวแรงมหาศาลก็ปะทุขึ้นภายในร่างกาย เติมเต็มร่างกายของหลัวซิวด้วยความรู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทันทีที่กรงเล็บสีม่วงปรากฏอยู่เหนือศีรษะ หลัวซิวเงื้อมือจับกระบี่ เมื่อเสียงกึกก้องดังขึ้น กระบี่ของนักยุทธ์ระดับชั้นกลางก็ฟันเข้าไปในทันที
เลือดสีม่วงสองสามหยดของอสูรกายไหลออกมา ด้วยฤทธิ์ของกระบี่นักยุทธ์ระดับชั้นกลาง ก็สามารถทำได้เพียงสร้างบาดแผลขาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไว้บนฝ่าเท้าของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง
แน่นอนว่าเป็นเพราะพลังของหลัวซิวนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้กระบี่นักยุทธ์ระดับชั้นกลางสำแดงฤทธิ์ได้ แต่ร่างกายของพวกอสูรกายนั้น เดิมทีก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว เกล็ดของเจ้ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง เรียกได้ว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดของร่างยุทธ์ ใกล้เคียงกับร่างยุทธ์ของแดนกษัตริย์แล้ว
พลังมหาศาลถูกส่งออกมาจากฝ่าเท้าสีม่วง ทำให้หลัวซิวถึงกับร้องออกมาเสียงดัง มุมปากมีเลือดออกเล็กน้อย ร่างของเขากระเด็นออกไปตามแรง ชนเข้ากับหินก้อนใหญ่จนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แม้ว่าจะเคี้ยวยาระเบิดเทพจิตไปแล้ว เขาก็ยังคงไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควรกับเจ้ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงตัวนี้อยู่ดี
“โฮก!”
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงอาปากคำรามก้อง ครั้งนี้สิ่งที่ออกมาจากปากของมันไม่ใช่ลำแสงสีม่วง แต่เป็นสายฟ้าสีน้ำเงิน!
พลังแปรเสวียนเทียน!
หลัวซิวใช้วิชาโคจรพร้อมตวัดกระบี่ตั้งรับ แม้ว่าจะเป็นการใช้พลังประคองไว้ถึงหกเท่า กระบี่ยุทธ์ในมือของเขายังคงไม่สามารถรับแรงปะทะของสายฟ้า เกิดเสียงดังกริ๊งและหลุดออกจากมือของเขาไป พลังของสายฟ้าถูกส่งผ่านกระบี่ยุทธ์ตรงไปที่ร่างของเขา ทำให้เขาชาไปทั้งร่าง ผิวไหม้ดำ ร่างกายภายในได้รับบาดเจ็บหนัก
นี่ต้องเป็นพลังอันน่ากลัวของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง พลังฝึกจิตของอสุรกายทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้เลย
“หนี!”
นี่คือความคิดหนึ่งเดียวที่ผุดขึ้นมาให้หัวของหลัวซิว เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเจ้าอสูรกายตัวนี้เลย
ยาระเบิดเทพจิตยังมีอีกสองลูก แต่เขากลับไม่กล้าใช้ ไม่เช่นนั้นพลังมหาศาลของยาจะทำให้จุดตันเถียนในร่างกายของเขาระเบิดแหลกสลายไปได้
เส้นทางที่เขาเลือกวิ่งนี้ไปนั้น คือทะเลสาบอันเป็นดินแดนเก่าก่อนของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงพอดี เขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ ผู้หญิงคนนั้นได้ยืมพลังของหญ้าวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังส่วนหนึ่งไปแล้ว
ระหว่างที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน บางครั้งหลัวซิวก็ถูกมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงตามได้ทัน ทุกครั้งที่เขาต้านการโจมตีจากเจ้าอสูรกายตัวนี้เขาก็จะได้รับบาดเจ็บทุกครั้งไป ไม่ทันไรเขาก็มีเลือดท่วมไปทั้งตัว
นับตั้งแต่หลัวซิงดึงความสนใจจากมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงออกไป จนถึงเมื่อเขาลากเจ้าอสูรกายตัวนี้กลับมา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
ทางด้านริมฝั่งทะเลสาบ เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ได้สูบเอาพลังจากหญ้าวิญญาณไปแล้วสามลูก เทพจิตของนางที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ถูกห่อด้วยจุดสีฟ้าอ่อน และค่อย ๆ ถูกซ่อมแซม
นางได้หยิบหญ้าวิญญาณออกมาอีกหนึ่งลูก และโยนเข้าปากพร้อมเคี้ยวมันในทันที ความขมของยานั้นแพร่ซ่านอยู่ภายในร่างกายของนางพลังที่สูญเสียไปจากบาดแผลก็ค่อย ๆคืนกลับมา
ในขณะที่ใช้หญ้าวิญญาณ นางหยิบยาระดับห้าที่พกติดตัวอยู่ออกมาอีกสองสามลูก ถึงแม้จะไม่สามารถรักษาแผลแห่งเทพจิตได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะพานางกลับเข้าสู่การฝึกตนแล้ว
“โฮก!”
ขณะที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่นั้น เสียงคำรามของเจ้ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงก็ดังมาจากที่ไกล ๆ นางลืมตาขึ้น เห็นหลัวซิวที่กำลังกระเสือกกระสนวิ่งหนี ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด และกำลังถูก มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงไล่ตามฆ่า
“โทษที แต่ก่อนแดนนี้ไม่ใช่เจ้าอสูรกายตัวนี้ แต่เป็นเสือแสงเงินล่าลม”
เมื่อเห็นหลัวซิวในสภาพเช่นนั้น ความรู้สึกผิดก็แสดงขึ้นบนใบหน้าของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ตอนที่นางค้นพบสถานที่นี้ ก็ผ่านไปเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ที่แท้เจ้าอสูรกายเสือแสงเงินล่าลมที่เคยประจำอยู่ที่แดนนี้ คงจะถูกเจ้ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงฆ่าตายหรือไม่ก็ถูกไล่ออกไปแล้ว
“ข้าแทบจะยื้อไว้ไม่ไหวแล้ว เจ้าฟื้นฟูพลังได้หรือยัง?” หลัวซิวตะโกนพูดเสียงดัง
“ช่วยยื้อไว้ให้ข้าอีกครู่ แค่อีกครู่ด้วยก็เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็กัดฟันแน่น พลังแห่งชีวิตและความตายถูกรวมเข้าไว้ระหว่างฝ่ามือและนิ้วมือ ทันใดนั้นก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงที่กำลังไล่ตามฆ่าเขาอยู่
“ตราชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!”
ตราชีวิตปรากฏขึ้นบนนิ้วทั้งสิบของเขา พลังของปราณเป็นตายสองระดับปะทุออกมาอย่างรุนแรง แปลงร่างเป็นวิญญาณจุติขนาดราวสามสิบเมตรทะยานสู่ท้องฟ้า อัดแน่นไปด้วยความลึกลับไม่มีที่สิ้นสุด และพุ่งเข้าชนมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงพ่นสายฟ้าสีม่วงออกมา สร้างแรงกระทบกระเทือนให้กับวิญญาณจุติได้ แต่ไม่ได้ทำให้แตกสลายไป สิ่งนั้นทำให้มันมันคำรามออกด้วยความโมโหมันใช้เขาเดียวบนหัวของมันชนเข้ากับวิญญาณจุติอย่างดุร้าย
ปัง !
เสียงดังสนั่น วิญญาณจุติแตกสลาย ด้วยความโกรธที่อัดแน่นถูกผลักออกมา หลัวซิวกระอักเลือดและกระเด็นลอยออกไป
ตราชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่นำออกมาใช้เมื่อครู่ คาดว่าจะเป็นการดึงพลังทั้งหมดของเขาออกมาแล้ว
“อ้อก”
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงที่พุ่งชนด้วยความรุนแรง ก็คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาบนหัวของมันเด็มไปด้วยเลือด นี่เป็นการบาดเจ็บจากพลังของตราชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ
หลัวซิวตกลงมาบนฝุ่นผง ตลอดทางที่ถูกตามฆ่านี้ ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ผลการฝึกตนก็ถูกใช้จนหมด วินาทีนี้แม้แต่จะขยับนิ้วยังยาก
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ดวงตาแดงก่ำของมันแฝงไปด้วยแรงสังหาร ร่างสูงราวหนึ่งร้อยสี่สิบเมตรที่ลอยอยู่กลางอากาศพุ่งทะยานลงมา ปากใหญ่อาบเลือด เขี้ยวฟันแหลมคมนั้น ตั้งใจจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
วินาที่แห่งความเป็นความตาย ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลัวซิว มือเรียวยาวยื่นออกไปโจมตีมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง
ร่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แน่นแน่ว่าต้องเป็นเหยียนเยว่เอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย
มือเรียวยาวของนางแม้จะดูบอบบาง แต่เมื่อใดที่ได้ออกแรงตบ ทันใดนั้น เปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็พุ่งออกมาอย่างดุเดือด กลายเป็นนกฟีนิกซ์
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงถูกบดบังโดยเปลวเพลิงฟีนิกซ์ เกล็ดสีม่วงบนตัวของมันก็ถูกเผาจนทำให้เสียงเกิดเสียงดังชี่ชี่
“กรงไฟมังกร ตรึง!”
สิบนิ้วของเหยียนเยว่เอ๋อร์สะบัดพลิกไปมา เปลวไฟที่โหมกระหน่ำกลายเป็นกรง เจ้ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงถูกขังอยู่ในกรงขังกลางอากาศ
มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว แต่ก็ไม่สามารถทำลายกรงนั้นออกมาได้
ใบหน้าสะสวยของเหยียนเยว่เอ๋อร์ขาวซีด ในขณะที่หลัวซิวเกือบจะถูกฆ่าตายนั้น นางยืนหยัดที่จะหยุดการฟื้นตัวของอาการบาดเจ็บ และลงมือทันที แผลแห่งเทพจิตที่เพิ่งฟื้นตัวได้เพียงเล็กหน่อย ดูเหมือนกำลังจะแตกออกมาอีก
นางเป็นคนมีหลักการ คนที่สมควรฆ่า นางก็จะฆ่าโดยไม่มีความเห็นใจ หากต้องสังเวยด้วยเลือดมนุษย์ก็จะทำโดยไม่ลังเล เรียกได้ว่าโหดเหี้ยม
แต่สำหรับหลัวซิวที่เคยช่วยชีวิตตนไว้ นางจึงไม่สามารถเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาได้ แม้ว่าแผลแห่งเทพจิตจะไม่มีวันฟื้นตัว แต่นางก็ไม่สามารถต่อต้านกับหัวใจนักสู้ของตัวนางเองได้
“เปลวเพลิงแห่งดาบ ตัด!”[1][1]
########################