มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1538
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า อย่างน้อยสุดก็ต้องใช้ฝีมือความสามารถของนักค่ายเทพระดับ 7 ถึงจะมีโอกาสทลายตัวต้องห้ามในสถานที่แห่งนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นคือหากวิธีการร่ายตัวต้องห้ามของที่นี่พิเศษ การที่นักค่ายเทพระดับ 7 อยากจะทลายมันนั้น ก็ต้องใช้ฝีมืออย่างมากและจิตใจที่แน่วแน่ไปอนุมาน
วิธีการปิดผนึกนี้มาจากเคล็ดวิชาสายจ่างเทียนเต้า จึงไม่ต้องพูดถึงความพิเศษด้านวิธีการอยู่แล้ว
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่อาจารย์สำนักไท่ไหลนั่นต้องใช้เวลาสิบกว่าปีเพื่อมาทลายมันนั่นเอง
“โครมคราม……”
วันนี้มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นที่สนั่นหูสะท้อนมาจากส่วนลึกของวิถีโบราณดารากาล เสมือนมีสายฟ้าที่แวววาวจับตาผ่าสลับไปมา จนก่อเป็นทะเลสายฟ้าที่กว้างใหญ่ ทำให้พื้นที่ส่วนลึกตรงเก้าร้อยไมล์ของวิถีโบราณดารากาลจมหายไป
ในขณะเดียวกัน เหนือนภาเมืองเทวะดาราอุดรโลกภายนอก มีเมฆครื้มปกคลุมอย่างหนาแน่น เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าเปล่งแสงแพรวพราว ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้
ภายใต้การบีบรัดจากอำนาจสวรรค์ นอกเหนือจากอาจารย์ราชาเทพทั้งห้าแล้ว สีหน้าของทุกคนต่างดูตึงเครียด ราวกับเมื่ออยู่ภายใต้อำนาจสวรรค์นี้ พวกเขาก็เป็นเพียงมดตัวจ้อย
“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังออร่าของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ ทัณฑ์สายฟ้านี่กำเนิดเพราะผู้ใด?”
ตัวสำนึกของอาจารย์ราชาเทพทั้งห้าแผ่คลุมอยู่ทั่วทั้งเมืองเทวะดาราอุดร แต่กลับไม่พบออร่าของผู้ที่เหนี่ยวนำทัณฑ์สายฟ้านี้มาแม้แต่น้อย
และในความเป็นจริงทัณฑ์สายฟ้าพิโรธนี้มาเพราะหลัวซิว
แต่ทว่าเนื่องจากร่างเขาอยู่ในแดนปริศนามกุฎเทพ ด้วยเหตุนี้ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธจึงจะไม่เกิดขึ้นในโลกภายนอก แค่ประจักษ์อยู่โลกภายนอก ทัณฑ์สายฟ้าทะลวงปริภูมิ จุติลงมาในแดนปริศนามกุฎเทพโดยตรง
ครั้นเมื่อผนึกรวมดวงดาวดวงที่ 7 เขาก็เคยข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้การที่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธปรากฏอีกครั้งนั้น เป็นเพราะเขาผนึกรวมดาราชีวีดวงที่ 13 ขึ้นมา!
หลังจากผนึกรวมดาราชีวีดวงที่ 13 สำเร็จ ผลการฝึกตนของเขาก็พุ่งพรวดตามเช่นกัน บรรลุถึงแดนเทพมารขั้น 7!
โอสถเวทย์ธรรมระดับ 7 ถูกใช้หมดแล้ว แม้แต่โอสถเวทย์ธรรมระดับ 8 ก็ใช้ไปแล้วห้าเม็ด
ปัจจุบันเขายังเหลือโอสถเวทย์ธรรมระดับ 8 สิบเม็ด ดูจากการคาดคะเนของเขา เพียงพอที่จะทำให้เขาผนึกรวมดวงดาวทั้ง 18 ดวงในเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าออกมาได้แล้ว
เวทย์ผลการฝึกตน ณ วินาทีนี้ของเขาเข้าใกล้ราชาเทพอย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว ในความเป็นจริงครั้นเมื่อเขาผนึกรวมดาราชีวีดวงที่สิบขึ้นมา เขาก็เริ่มสัมผัสได้ลาง ๆ แล้วว่าการยกระดับด้านเวทย์ผลการฝึกตนเจอจุดตีบตัน
หากบอกว่าเขาห่างจากราชาเทพเพียงหนึ่งเมตร ซึ่งหนึ่งเมตรนี้ต้องการเพียงหนึ่งย่างก้าวเท่านั้น แต่เขาผนึกรวมดวงดาวติดต่อกันสามดวง กลับก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพียงก้าวเล็ก ๆ เท่านั้น
มีเพียงผนึกรวมดาราชีวีทั้ง 18 ดวงออกมา ถึงวาระนั้นเมื่อดวงดาวทั้ง 18 ดวงรวมตัวกัน ถึงจะสามารถทำให้เวทย์ผลการฝึกตนของเขาทลายพันธนาการในทีเดียว บรรลุถึงระดับราชาเทพ!
หลัวซิวค่อย ๆ หลับตาลง มีแสงดาววนเป็นเกลียวขึ้นไปอยู่รอบกาย มีรัศมีเทวเจ็ดสีแผ่คลุมดุจเทพเจ้าที่ลาดตระเวนอยู่บนสวรรค์
เขารู้สึกว่าแค่อาศัยเวทย์อันเกะกะระรานจากดาราชีวีทั้ง 13 ดวงนี้ ก็สามารถฆ่าล้างเจ้านภาชั้นยอดได้อย่างง่ายดาย และสร้างความเสียหายให้แก่กึ่งราชาเทพได้
การยกระดับของผลการฝึกตนก็ทำให้เขาตระหนักรู้ในด้านแดนกฎได้อย่างมากเช่นกัน กฎการเวียนว่ายตายเกิดบรรลุถึงขั้น 3 และกำลังมุ่งไปสู่ขั้น 4 กฎห้วงเวลาก็ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ขั้น 3 แล้ว
ณ แดนปริศนามกุฎเทพ สุดปลายขอบเขตที่ลึกที่สุดของวิถีโบราณดารากาล มีทะเลสายฟ้าแผ่กระจาย แสงสายฟ้าเกลื่อนกลาดไปทุกจุด
นักยุทธ์ทั้ง 14 คนที่อยู่บริเวณระลอกคลื่นเจ็ดสีต่างมองไปทางนั้น พวกเขาทั้งรู้สึกช็อกทั้งรู้สึกแปลกใจ
มีเงาร่างหลัวซิวปรากฏในสมองของพวกเขาอัตโนมัติ พวกเขาต่างรู้สึกว่าผู้ที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มีโอกาสเกี่ยวข้องกับคนดังกล่าวสูงมาก ๆ
อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงการคาดเดาของพวกเขาเท่านั้น ในส่วนของเรื่องที่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในส่วนลึกของวิถีโบราณดารากาลนั้น ในจำนวนพวกเขาทั้งหมดไม่มีผู้ใดสามารถไปตรวจสอบได้เลย