มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 160 ซิวหลัวและหลัวซิว
บทที่ 160 ซิวหลัวและหลัวซิว
“ถูกหังเซี่ยงเฉินชุบมือเปิบไปเสียแล้ว”
“เขาต้องการจะเอาชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นี้ ไปแลกกับยากลั่นจิตของสำนักเหลยหวู่ ใครกล้าแย่งชิงกับเขา คงจะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอน”
“ชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นี้อาจไม่มีค่าพอจะเทียบได้กลับยากลั่นจิต ในเมื่อหังเซี่ยงเฉินลงมือเช่นนี้ ก็หลีกทางให้เขาจะดีกว่า”
ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตสองคน ที่แอบสะกดรอยตามมาตลอดทางจากวัดกวนเหลย เห็นหังเซี่ยงเฉินเริ่มลงมือแล้ว และเห็นว่าชายหนุ่มชุดดำผู้นั้นกำลังจะถูกฆ่าตาย จึงล่าถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ
ภายในขอบเขตของการรับรู้ถึงชีวิต ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตทั้งสองคนค่อย ๆ ถอยห่างออกไปไกล จนกระทั่งหายไปจากขอบเขตของการรับรู้
ดวงตาของหลัวซิวเป็นประกาย ในเมื่อคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้จากไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องออมแรงอีกต่อไป
อันที่จริงแล้ว เขาแอบสังเกตถึงการเคลื่อนไหวรอบตัวของเขาตั้งแต่ต้น
“เหอะ ๆ พวกถ้ำมองไปแล้ว คราวนี้เจ้าก็ตายได้แล้ว !”
หังเซี่ยงเฉินหัวเราะเยาะเสียงดัง “พ่อหนุ่ม ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยหัวของเจ้าไปได้ เจ้ามีค่าคู่ควรกับยากลั่นจิต !”
ทันใดนั้น พลังจิตแท้ของหังเซี่ยงเฉินก็ปะทุออกมา ดาบของเขาพุ่งออกไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่า
แววตาของหลัวซิวเย็นชา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดาบนี้ เขาทำเพียงแค่เอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงจุดสำคัญเท่านั้น
เกิดเสียงดังฉึบ เลือดสาดกระเซ็นออกมา ดาบฟันเข้าที่ไหล่ด้านซ้าย จนเกือบจะตัดแขนข้างหนึ่งของหลัวซิวขาดออกมา
“ตอนนี้รู้ความแตกต่างระหว่างแดนฝึกจิตกับแดนพรสวรรค์แล้วหรือยัง ?”
หังเซี่ยงเฉินยิ้มเยาะ ในสายตาของเขา การที่แดนพรสวรรค์ขั้น6 ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของตนได้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของหังเซี่ยงเฉินกลับเบิกโพลงขึ้นทันที
ไม่รู้ว่ากระบี่แทงทะลุจุดตันเถียนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่……นี่มันเป็นไปไม่ได้……การสำนึกของข้าไม่ทันสังเกตเห็นดาบของเจ้า……”
ก้มหน้าลงมองกระบี่ที่แทงทะลุจุดตันเถียน หังเซี่ยงเฉินสัมผัสได้ถึงผลการฝึกตนของปรมาจารย์ยุทธ์การฝึกจิตที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
จุดตันเถียนถูกทำลาย ผลการฝึกตนที่ฝึกมาอย่างยากลำบากตลอดระยะเวลาสี่สิบสามปี ถูกทำลายลงจนสูญสิ้น
เคล็ดวิชาในการเพิ่มพลังแปรเสวียนเทียนขึ้นเป็นหกเท่า การสำนึกของปรมาจารย์ยุทธ์ไม่อาจรับรู้ได้ทัน
เกิดเสียงดังฉึบ หลัวซิวดึงกระบี่ออกมา เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่ว จากนั้นกระบี่ก็ส่องประกาย และแทงทะลุไปที่คอของปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิต หังเซี่ยงเฉิน ผู้นี้
หลัวซิวหยิบแหวนเก็บของของอีกฝ่ายขึ้นมา และใช้เปลวไฟดำเผาศพจนกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นจึงใช้วิชาท่าร่างเดินทางออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง เขาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด เขาดึงดาบที่ปักอยู่ที่ไหล่ซ้ายออกมา แล้วใช้พลังชีวิตสมานบาดแผลเพื่อห้ามเลือด
จากนั้น หลัวซิวก็เดินทางไปในป่าอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนทิศทางอยู่หลายครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสะกดรอยตาม
……
เขตการปกครองโตว้ไห่ เทือกเขากวนเหลย มีคนชื่อซิวหลัวปรากฏตัวขึ้น
ข่าวแพร่สะพัดไปถึงเมืองโจว๋ซิง รวมไปถึงทั่วทั้งเขตการปกครองโตว้ไห่อย่างรวดเร็ว แม้แต่ผู้ฝึกตนในเขตการปกครองหยุนหลง ยังได้ยินชื่อของเด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ซิวหลัว” เป็นผู้ฝึกตนในแดนพรสวรรค์ชั้น 6 สามารถฆ่าจอมยุทธ์ใหญ่และผู้ฝึกจิตครึ่งได้ !
เด็กหนุ่มที่ชื่อซิวหลัวผู้นั้นถึงกับข่มขู่ว่า วันหนึ่งเขาจะเหยียบสำนักเหลยหวู่ให้จมดิน และตัดหัวของเจ้าสำนักเหลยหวู่ออกมาให้ได้ !
หลังจากที่สำนักเหลยหวู่รู้ข่าวเรื่องนี้ ทุกคนในสำนักต่างรู้สึกโกรธจัด
“ซิวหลัว ?”
ในเขตการปกครองโตว้ไห่ ลู่เมิ่งเหยา ซึ่งตอนนี้เป็นจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น 1 หลังจากที่ได้ยินเรื่องของซิวหลัว ในสมองก็อดนึกถึงหลัวซิวไม่ได้
หลัวซิว ซิวหลัว ?
นางไม่ได้นำทั้งสองคนมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพียงแต่เพราะคำว่าซิวหลัว จึงทำให้นึกถึงหลัวซิวขึ้นมา
ตอนที่แยกจากกัน นางจำได้ว่าหลัวซิวยังไม่ได้เข้าสู้แดนพรสวรรค์
ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนสั้น ๆ ต่อให้หลัวซิวจะฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มาทางฝึกตนถึงแดนพรสวรรค์ขั้น 6 ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าจอมยุทธ์ใหญ่ได้ในทันที และการสังหารผู้ฝึกจิตครึ่ง
“ข้าฝึกตนถึงแดนพรสวรรค์แล้ว หากในตอนแรกเจ้ายอมเข้าร่วมกับสำนักเหลยหวู่ด้วย ไม่แน่ว่าอาจก้าวสู่แดนพรสวรรค์แล้ว”
ตอนนั้น หลังจากที่หลัวซิวเดินทางเข้ามาในเมืองโจว๋ชิงพร้อมกับตนเองและอาเล่อ เขาก็จากไปโดยไม่ร่ำลา
“ตอนนี้เจ้ายังสบายดีอยู่ไหม ?”
ลู่เมิ่งเหยาเอนตัวลงข้างหน้าต่างและจับแก้มของนาง คิดถึงทุกช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกับหลัวซิว
ภายหลังนางลองคิดดูอย่างละเอียด ก็พอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่หลัวซิวจากไปโดยไม่ร่ำลา หากจะว่ากันตามตรงก็เป็นเพราะตัวนางเองที่พูดเรื่องความเร็วในการฝึกตนของเขาขึ้นมา เขากลัวว่าอาเล่อจะทำไม่ดีต่อเขา
“อาเล่อเป็นเพื่อนตายของพ่อข้า จะปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีได้อย่างไรกัน ?” ลู่เมิ่งเหยาถอนหายใจออกมา
“เมิ่งเหยา”
ประตูห้องถูกผลักออก ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา เขามองดูลู่เมิ่งเหยาด้วยรอยยิ้ม
“อาเล่อ”
ลู่เมิ่งเหยาเอ่ยเรียก และรีบถามขึ้นว่า : “ได้ข่าวของหลัวซิวบ้างไหมคะ ?”
หลังจากที่หลัวซิวหายตัวไป นางก็ขอร้องให้เล่อเผิงเฉิงช่วยออกตามหาที่อยู่ของเขา นางเชื่อว่าหากได้อธิบายกับหลัวซิวอย่างชัดเจน เขาจะต้องยินยอมเข้าร่วมกับสำนักเหลยหวู่อย่างแน่นอน
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ว่าเจ้าวางใจเถอะ อาจะออกตามหาอย่างสุดกำลัง” เล่อเผิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม
อันที่จริงแล้วเขาเองก็สงสัยว่าซิวหลัวที่ปรากฏตัวขึ้นที่วัดกวนเหล่ย อาจจะเป็นหลัวซิว แต่เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มที่ยังไม่อาจเข้าสู่แดนสวรรค์ในตอนนั้นได้ จะสามารถพัฒนาความสามารถได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
ไม่แน่ว่าอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ซิวหลัวและหลัวซิวอาจจะเป็นคนละคนกัน
ในใจของเล่อเผิงเฉิงคิดเช่นนี้
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลัวซิวใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงครึ่งปี ในการไต่ระดับจากการกลั่นร่างขั้น 2 ขึ้นสู่แดนฝึกชี่ไห่ อีกทั้งยังสามารถข้ามขั้นไปฆ่าโกวจินชวนซึ่งเป็นผู้ฝึกตนแดนพรสวรรค์ได้ เล่อเฉิงเผิงก็มั่นใจว่าในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องมีความลับซ่อนอยู่
ไม่แน่ว่าอาจได้รับการถ่ายทอดวิชาจากผู้แข็งแกร่งสักท่าน หรือไม่แน่ว่าอาจฝึกตนในวิชายุทธ์ที่ทรงพลัง หรืออาจมีสมบัติล้ำค่าที่ทรงพลังบางอย่างอยู่ในครอบครอง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เล่อเผิงเฉิงก็รู้สึกว่าหากตัวเขาได้มาครอบครอง จะต้องเป็นโอกาสที่ดีอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้นหลัวซิวจะหนีไปทำไม ? ยิ่งเขาหนี ก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าบนตัวของเขาจะต้องมีความลับซ่อนอยู่
จากการบอกเล่าของลู่เมิ่งเหยา เล่อเผิงเฉิงได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลัวซิว ขอแค่ลู่เมิงเหยายังอยู่ในสำนักเหลยหวู่ ไม่ช้าก็เร็วเด็กหนุ่มคนนั้นจะต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเองแน่นอน
ในเขตการปกครองโตว้ไห่ ข่าวลือเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อซิวหลัวเริ่มหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ
“ได้ยินว่าหลังจากซิวหลัวคนนั้นออกจากวัดกวนเหลยแล้ว มีปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตสองคนแอบสะกดรอยตามไป”
“ปรมาจารย์ยุทธ์อาวุโสทั้งสองท่านกล่าวว่า มีปรมาจารย์ยุทธ์ท่านหนึ่งนามว่าหังเซี่ยงเฉินฆ่าซิวหลัวตายแล้วไม่ใช่หรือ ?”
“ดูเหมือนซิวหลัวผู้นั้นจะหนีไปแล้ว ส่วนปรมาจารย์ยุทธ์หังเซี่ยงเฉินก็ตายไปโดยไร้ร่องรอย !”
“แดนพรสวรรค์ขั้น 6 เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร ? ได้ยินมาว่าซิวหลัวผู้นั้นฝึกวิชายุทธ์ระดับ 8 มือของเขาถือกระบี่ยุทธ์ระดับล่าง อีกทั้งยังมีสมบัติขั้นสูง มากมาย น่าจะเป็นอัจฉริยะที่มาจากกองกำลังหลักสักแห่ง”
ข่าวลือทุกอย่าง ล้วนมีพื้นฐานมาจากการเล่าต่อความเท็จกันไป จากนั้นยิ่งเล่าก็ยิ่งฟังดูร้ายแรงมากขึ้น
คำพูดจำนวนมากยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่นอน แต่ตอนที่ผู้คนนำไปลือและพูดคุยกัน กลับฟังดูเหมือนเป็นเรื่องจริง และกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ
ทว่า ท่ามกลางข่าวลือเหล่านี้ ก็มีบางส่วนที่เป็นเรื่องจริง หลัวซิวฝึกตนวิชายุทธ์พลังก่อรวมวิญญาณระดับ 8 จริง และกระบี่ยุทธ์ที่อยู่ในมือของเขาก็อยู่ในระดับล่าง อีกทั้งยังเป็นของชั้นกลางในระดับล่าง
หังเซี่ยงเฉินผู้นั้นเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ เขาใช้พลังทั้งหมดโจมตีด้วยดาบเดียว แม้แต่หลัวซิวซึ่งอยู่ในร่างยุทธ์ชั้นสูง ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
การป้องกันดาบนั้น อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่หลัวซิวจงใจ