มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1625
ไม่ได้มีรัศมีพลังใด ๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา ดูแล้วเหมือนกับคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับให้ความรู้สึกอยากที่จะหยั่งถึงกับผู้คน
“เจ้าประสาทเสียหรือเปล่าน่ะ? กล้ามาล้อเล่นต่อหน้าของข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือสันโดษหรืออย่างไร?”
เจ้านภาของปราสาทดาร์กเดวิลผู้นี้ได้มีท่าทางเย้ยหยันออกมา โบกดาบรบที่อยู่ในมือ ฟันแสงดาบที่มีสีดำสนิทออกมา ลงมืออย่างเหี้ยมโหด ไปสังหารแรงกล้า
หลัวซิวไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา ยกมือแล้วดีดนิ้วในอากาศ แสงดาบแตกสลาย เจ้านภาของปราสาทดาร์กเดวิลผู้นั้นโรงโอดครวญขึ้นมา กระอักเลือดและลอยกลับออกไป
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันขึ้นมาทันที แม้แต่ราชาเทพทั้งสามคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ยังได้หยุดการต่อสู้ และต่างมองมาที่หลัวซิวพร้อม ๆ กัน
“ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าถูกใจเขาทิพย์แห่งนี้ พวกเจ้ารีบจากไปเสีย”
หลัวซิวยังคงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบสงบ น้ำเสียงก็ราบเรียบมาก แต่กลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม ไม่อาจปฏิเสธได้
“บังอาจ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกัน……” ศิษย์ของปราสาทดาร์กเดวิลผู้หนึ่งตวาดขึ้นมาด้วยความโมโห ในสายตาของเขาเห็นว่ามีผู้แข็งแกร่งราชาเทพสองคนประจำการอยู่ คนผู้นี้ได้มารนหาที่ตายชัด ๆ
เพียงแต่ว่าเขายังไม่ทันได้กล่าวจบ หลัวซิวก็ได้มองไปที่เขาอย่างเย็นชา เสียงของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าขั้นปลายของ ปราสาทดาร์กเดวิลผู้นี้ พลันได้หยุดลงอย่างกะทันหัน เป็นเหมือนดั่งเป็ดที่ถูกบีบคอ
ผลัวะ!
ศีรษะของเขาแตกกระจาย ตัวหยั่งรู้พังทลายลง ทุกส่วนของร่างกายต่างได้กลายเป็นผุยผง ร่างแตกสลายหายไป
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อตกอยู่ในสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แต่ละคนต่างพากันหัวใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที นี่มันพลังอมตะอะไรกัน?
ต่อให้เป็นราชาเทพทั้งสามคนที่อยู่ตรงนั้น ถามตัวเองว่าสังหารเทพป้าขั้นปลายผู้หนึ่งนั้นไม่ยาก แต่ถ้าหากจะทำให้ถึงขั้นนี้ได้ กลับเป็นไปไม่ได้
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของหลัวซิวก็ได้เย็นชาลง ราวกับได้สูญเสียความอดทนไป นัยน์ตาที่ลึกซึ้งได้ปรากฏแววอันเย็นชาขึ้นมา กลายเป็นแรงกดดัน ครอบคลุมไปทั้งสี่ทิศ
รัศมีพลังของเขาทำให้คนรู้สึกหวาดผวาจนต้องตกตะลึง เพียงชั่วพริบตาทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็น ๆ ได้รดลงมาจากศีรษะ ราวกับว่ามีภูเขามากมายปรากฏขึ้นมาบนหลัง กดทับจนยากที่จะหายใจ
ฝึกฝนแดนเทพมารจนถึงขั้นบริบูรณ์ถึงขีดสุด รัศมีพลังที่หลัวซิวแผ่ซ่านออกมาในตอนนี้ ทัดเทียมได้กับแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งราชาเทพช่วงปลาย!
“ราชาเทพช่วงปลาย!……
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักไป๋หยุน หรือราชาเทพทั้งสองคนของปราสาทดาร์กเดวิล ต่างก็มีสีหน้าซีดเซียวลงไปในทันที
อยู่ในแดนราชาเทพเช่นเดียวกัน ระหว่างขั้นปฐมภูมิและช่วงกลางขั้นยังมีความแตกต่างกันมากแล้ว ขั้นปฐมภูมิสิบกว่าคนร่วมมือกันยังสู้ช่วงกลางคนหนึ่งไม่ได้ ยิ่งไปต้องพูดถึงช่วงปลาย?
สามารถบรรลุถึงแดนราชาเทพช่วงปลาย นับเป็นยอดฝีมือระดับสูงของขั้นนี้แล้ว ในสามสำนักหกตระกูล ก็สามารถนั่งในตำแหน่งผู้อาวุโสได้
“ผู้เพื่อนยุทธ์ถูกใจเขาลูกนี้ ถือเป็นเกียรติของสำนักไป๋หยุนของข้า”
เจ้าสำนักสำนักไป๋หยุนเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วกำหมัดโค้งคารวะหลัวซิว
การเคลื่อนไหวของเขา ทำให้หัวใจของราชาเทพทั้งสองคนของปราสาทดาร์กเดวิลสั่นสะท้าน แอบด่าอยู่ในใจว่าสมควรตาย
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร สายตาที่เย็นชาแฝงไปด้วยความสงบ กวาดสายตามองไปยังราชาเทพทั้งสองคนของปราสาทดาร์กเดวิลอย่างเรียบ ๆ
ในตอนที่สายตาของเขาตกอยู่บนร่างของทั้งสองคน ราชาเทพขั้นปฐมภูมิทั้งสองคนอดไม่ได้ที่สั่นสะท้านขึ้นมา ไม่กล้าที่จะขยับเลยแม้แต่น้อย หยาดเหงื่อได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก ราวกับวินาทีที่ถูกอีกฝ่ายจ้องมองนั้น ชีวิตของตนไม่ได้เป็นของตนเองไปเสียแล้ว
พวกเขาไม่สงสัยเลยสักนิด หากคนผู้ที่คิดจะสังหารพวกเขาทั้งสอง ใช้แม้แต่หนึ่งกระบวนท่ายังไม่ถึง
“ไสหัวไป!”
เขาพูดเพียงสามคำ แต่กลับได้ประกาศว่านับจากนี้ไป ข้าคือเจ้าของเขาทิพย์แห่งนี้