มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1642
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1642
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวหยุดมือแล้ว ชายชราที่น่าเวทนาก็พลิกตัวขึ้นคลานขึ้นมาจากพื้น มือข้างหนึ่งลูบฝุ่นบนร่างกายของเขา มืออีกข้างหยิบยาออกมาแล้วโยนเข้าปาก
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าบาดเจ็บสาหัสเกินไป ต่อให้มีเจ้าสิบคนรวมกันก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้” ชายชรามุ่ยปากพลางจ้องไปที่หลัวซิว
“คิดดูแล้วข้าหยูจือโจวดำรงอยู่ที่โลกะอัมพรเทวมานับหมื่นปี ยังไม่เคยถูกเอาเปรียบมากถึงเพียงนี้!” ชายชรากัดฟันกรามแน่น แต่คำพูดที่พูดออกมากลับไม่ได้โมโหมากถึงขนาดนั้น เห็นได้ชักว่ากลัวอีกฝ่ายจะกลับมาตบตนอีกรอบ
แต่สิ่งที่ทำให้ชายชราพูดไม่ออกก็คือ หลัวซิวได้ยินชื่อหยูจือโจวนี้แล้ว กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แม้แต่น้อย
“เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของข้าหรือ?”
“อย่างไร? ชื่อเจ้าโด่งดังมากหรือ?” หลัวซิวมุ่ยปากไม่สนใจ
“ไร้สาระ โลกะอัมพรเทวมีใครไม่รู้จักชื่อของข้า? เจ้าหนูหากอยากออกไปจากที่นี่ ก็จำเป็นต้องฟ้งข้า!” หยูจือโจวพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
แต่ว่าเมื่อเขาเห็นประกายแสงที่น่ากลัวในแววตาของหลัวซิว ก็อดไม่ได้ที่จะหดคอลงไปทันที
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ว่าสถานที่นี้คือที่ใด?” หลัวซิวเอ่ยถาม เมื่อครู่หยูจือโจวก็เพิ่งพูดไป เพื่อที่จะหนีจากการไล่ฆ่าของฝูงปลากระบี่บิน จึงจงใจหนีมาทางนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่ามีหลุมดำอยู่ที่นี่
“ที่นี่คือหุบเขาผนึกปีศาจ ในตำนานเล่าว่าเป็นสถานที่ซึ่งมีพลังอำนาจโบราณเพื่อปราบปรามเหล่ามารร้าย หลุมดำที่เราเข้าไปนั้นเป็นทางเข้า”
“ออกไปอย่างไร?” หลัวซิวถามต่อ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าแก่ชราของท่านหยูจือโจวก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา มองไปยังหลัวซิวอย่างประเมิน พร้อมเอ่ย “เจ้าหนูเพิ่งจะทุบตีชายชราไปอย่างโหดร้ายเมื่อครู่นี้ ยังต้องการให้ข้าบอกอีกว่าจะออกไปอย่างไรหรือ?”
“เจ้าไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าก็จะตีจนกว่าเจ้าจะพูดออกมา” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าแก่ชราของหยูจือโจวแข็งทื่อ โกรธจนทึ้งผมตนเองไม่หยุด “แม่มเอ่ย ข้าเป็นถึงมกุฎเทพ…… สามารถทนได้สิ่งนี้ได้จะมีสิ่งใดที่ทนไม่ได้อีก!”
หลัวซิวค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน หมัดของมือขวากำแน่น มีท่าทางมากมายที่หมายจะตีคนจริง ๆ
“เอ๋?” ทันใดนั้นหยูจือโจวก็ทำหน้าสงสัย จ้องไปยังหลัวซิว “บนตัวเจ้าเหตุใดจึงมีตราประทับของตระกูลจู้อยู่?”
“โดยทั่วไป มีเพียงศิษย์ใจกลางคนสำคัญของตระกูลจู้ถูกสังหาร ตราประทับเช่นนี้จึงจะปรากฏนอยู่บนร่างของฆาตกร เจ้าสังหารศิษย์ใจกลางคนหนึ่งของตระกูลจู้หรือ?”
หยูจือโจวเหมือนได้ค้นพบทวีปใหม่ มองหลัวซิวด้วยความประหลาดใจ
ได้ยินดังนั้น คิ้วของหลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน ตัวสำนึกของเขากวาดไปทั่วเรือนร่างนับครั้งไม่ถ้วน กลับไม่พบตราประทับใด ๆ เลย
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่จู้หงเทียนพูดก่อนที่เขาจะตาย “ฆ่าข้า เจ้าจะต้องเสียใจ!”
เห็นได้ชัดว่า จู้หงเทียนรู้ว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว จะมีรอยประทับบนร่างกายของตน จะถูกผู้แข็งแกร่งตระกูลจู้ค้นพบ จากนั้นก็สังหาร
“เหย ๆ คิดไม่ถึงว่านอกจากข้าแล้ว ภายในกาแล็กซี่อัมพรเทวแห่งนี้ ยังมีคนกล้าท้าทายเจ้าพวกสามสำนักหกตระกูลอีก”
เสียงหัวเราะของหยูจือโจวเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “แน่นอนว่าเพราะข้าสังหารศิษย์ใจกลางคนหนึ่งของตระกูลจ้าว ถูกตามล่ามาหลายครั้งแล้ว ขึ้นฟ้าก็ไม่มีทาง ลงดินก็ไม่มีที่หลบ ต่อมาก็ไปฆ่าศิษย์ของสำนักกระบี่ฟ้ามกุฎอีกคนหนึ่ง ศิษย์ตระกูลจู้อีกสองคน จนถึงขณะนี้ถูกตามล่านับแสนครั้งแล้ว!”
“เหย ๆ ไอ้หนู เจ้ากับข้านี่มันใจตรงกันจริง ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยูจือโจว ในใจของหลัวซิวก็รู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย ตอนที่อยู่ในโลกะอัมพรเทว เขาก็ได้ยินคำพูดเกี่ยวกับสามสำนักหกตระกูลมามากมาย เก้ากองกำลังใหญ่นี้ครองตำแหน่งสูงสุดในโลกะอัมพรเทว พูดได้โดยไม่ลังเล หากทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจ ภายในโลกะอัมพรเทวไม่มีที่ให้ยืนแล้ว