มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1663
หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะให้พวกนางอยู่ต่อ การที่คนพวกนี้ได้รับอิสระอีกครั้งนั้น ก็เป็นการพึ่งพาบารมีของช่าจื่อเยียนเช่นกัน
ในส่วนของเรื่องที่ว่าหลังจากพวกนางจากไป ชะตากรรมต่อจากนี้ของพวกนางจะเป็นอย่างไรนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวต้องไปพิจารณา
ผู้บำเพ็ญเซียนหญิงทั้งเจ็ดล้วนคำนับให้เขาอย่างตื้นตันใจ ก่อนจะพากันกลายร่างเป็นลำแสงแล้วบินหายไปจากสถานที่แห่งนี้
ภายในถ้ำอันเรียบง่ายที่บุกเบิกขึ้นมา ถูกหลัวซิวแบ่งออกเป็นห้องพักสองห้อง ผลการฝึกตนในปัจจุบันของช่าจื่อเยียนเป็นเพียงเทพมารขั้นสาม หลัวซิวเอาแก้วเทวและยาจำนวนมากให้นาง นางก็ฝึกตนปิดขังอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พรสวรรค์ของช่าจื่อเยียนถือว่าไม่เลวเลยจริง ๆ ครั้นเมื่อยังเป็นวัยรุ่น นางก็เป็นสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์หนึ่งยุคเช่นกัน แต่ทว่าต่อมาเนื่องจากถูกความรักผูกมัด ถูกปล่อยลงไปในโลกามนุษย์หมื่นปี นางถึงหยุดอยู่ที่เทพมารขั้นสูงมาโดยตลอด
ต่อมามีโอกาสย้อนกลับมายังโลกเสวียนเทียน และประสบกับภัยพิบัติการล่มสลายของสำนักเทียนช่า ผลการฝึกตนจึงร่วงหล่นลงไปในทีเดียว เส้นทางชีวิตเปี่ยมล้นไปด้วยอุปสรรค
อย่างไรก็ตามความทุกข์ทรมานเหล่านี้กลับทำให้นางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หากมีเวลาที่มากพอ รวมไปถึงทรัพยากรที่ตัวเองสามารถจัดเสนอให้ หลัวซิวเชื่อว่าสามารถทำให้นางบรรลุถึงแดนราชาเทพภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดได้แน่นอน
ภายในห้องพักของตนเอง หลัวซิวพลิกมือหยิบแหวนเก็บของของชายร่างใหญ่นั่นในงานประมูลอัคคีนภาออกมา
ในเมื่อเขาจะตามหาเบาะแสเบื้องหลังของผู้ที่จับกุมตัวญาติพี่น้องและสหายของตนไปผ่านงานประมูลอัคคีนภา เช่นนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือทำความเข้าใจกับฝ่ายตรงข้าม
ภายในแหวนเก็บของ หลัวซิวเจอป้ายบัญชาการบอกตัวตนหนึ่งชิ้น ด้านบนมีคำว่าผู้ดูแลสลักอยู่ น่าจะเป็นตัวตนของชายร่างใหญ่คนนั้นที่อยู่ในงานประมูลอัคคีนภา
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ตำแหน่งผู้ดูแลไม่ถือว่าสูงมากนัก ตำแหน่งถัดจากผู้ดูแล ยังมีผู้คุมกฎและผู้อาวุโสต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนผลการฝึกตนของชายร่างใหญ่คนนั้นคือราชาเทพขั้นเจ็ด กลับเป็นได้เพียงผู้ดูแลคนหนึ่งเท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นแล้วว่าภูมิหลังของงานประมูลอัคคีนภาน่าจะไม่เล็กเลย มีความเป็นไปได้สูงมากว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพคอยปกปักรักษา
“มาตรแม้นว่าเป็นอุโมงค์มังกรและถ้ำเสือ ก็ต้องลองฝ่าฟันดูสักตั้ง!”
หลัวซิวที่อยู่ในถ้ำลุกขึ้นยืน และตัดสินใจได้แล้ว
การมุ่งหน้าเดินทางไปเมืองอัคคีนภาในครั้งนี้ เขาไม่ได้พาช่าจื่อเยียนไปด้วย แต่เป็นการให้นางฝึกตนอยู่ที่นี่ต่อ สถานที่แห่งนี้มีค่ายเทพระดับ 8 ที่เขาจัดวางไว้เป็นจำนวนมาก ขอเพียงไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไร ก็จะไม่ถูกผู้อื่นค้นพบ
อาศัยทรัพยากรยาจำนวนมากที่เขาทิ้งไว้ ช่าจื่อเยียนใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็น่าจะสามารถฝึกตนถึงแดนเทพมารขึ้นสูงได้แล้ว และทลายสู่แดนเทพฟ้าต่อ
ออกจากถ้ำมา หลัวซิวบินตรงไปยังทิศทางของเมืองอัคคีนภา และรูปร่างโฉมหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน กลายเป็นลักษณะของร่างกลวัฏสงสารที่สอง
หากไม่ถึงจุดที่จนตรอกจริง ๆ เขาจะไม่เปิดเผยร่างแท้ของตน ส่วนร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งนั้นไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหวภายในเมืองอัคคีนภาแล้ว
ถึงแม้รูปร่างลักษณะจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ในความเป็นจริงร่างกายของหลัวซิวเป็นร่างแท้มาโดยตลอด ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองฝึกตนและตระหนักรู้ในตัวหยั่งรู้ตลอดมา
ก่อนจะเดินทางไปเมืองอัคคีนภา หลัวซิวก็มีแผนการแล้ว ฉะนั้นหลังจากที่เขามาถึงเมืองอัคคีนภา เขาก็ทำการเช่าร้านค้าร้านหนึ่งในเมืองด้วยแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งล้านชิ้น
เขาแขวนป้ายไว้ตรงประตูหน้าร้าน ซึ่งบนป้ายเขียนไว้ว่า: กลั่นยา ของขลัง ผังค่าย ต่ำกว่าระดับ 7 ห้ามเขา!
“ต่ำกว่าระดับ 7 ห้ามเขาอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากที่เริ่มเปิดร้าน ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนทันที อย่างไรเสียการที่ค่าเช่าที่สูงถึงปีละแก้วเทวชั้นกลางหนึ่งล้านชิ้นนั้น ทำเลที่ตั้งของร้านแห่งนี้ถือเป็นแปลงที่ดินที่ค่อนข้างคึกคักในเมืองอัคคีนภาเลย
ในโลกะดาราคุนหลุน ผลการฝึกตนระดับราชาเทพคือกระแสหลัก เป็นแกนกลางของกองกำลังใหญ่ทั้งหลาย ยอดฝีมือที่สามารถกลั่นยาเทพระดับเจ็ดและราชาแห่งศัสตราวุธนั้น ต้องเป็นผู้ที่กองกำลังทั้งหลายต่างแข่งกันดึงเข้าพวกอย่างแน่นอน