มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1721
จุดลมปราณร่างเนื้อ ก็คือทุก ๆ แดนใหญ่หลังจากแดนใหญ่แดนเทพมาร สอดคล้องกับสิบสองจุดลมปราณ แต่ไม่ใช่สิบแปดจุด
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้มีเฉพาะในเคล็ดฟ้าดินมหาวาลเท่านั้น วิชาบรรพเทพโลหิต บำเพ็ญพลิกทมิฬ รวมถึงวรยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพอื่น ๆ ก็มีส่วนที่คล้าย ๆ กัน สามารถผนึกรวมเวทย์ดาราได้มากที่สุดคือเคล็ดจักรพรรดิดึกดำบรรพ์สามารถผนึกรวมเวทย์ดาราได้สิบห้าดวง ส่วนวรยุทธ์เปิดจุดลมปราณร่างเนื้อ ที่แข็งแกร่งที่สุดคือวิชาบรรพเทพโลหิต ทุกแดนสอดคล้องกับสิบสี่จุดลมปราณ
จากสิ่งนี้สามารถเห็นได้ว่า ระดับวรยุทธ์จักรพรรดิเทพ ก็ไม่ใช่วรยุทธ์ชั้นยอดที่สุดในจักรวาล กระทั่งหลัวซิวสงสัยว่าวรยุทธ์ที่จักรพรรดิเทพมากมายหลายท่านในประวัติศาสตร์สร้างขึ้นนั้น น่าจะเคยได้รับชิ้นส่วนตำราเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าหรืออาจจะเป็นวิชาอาถรรพณ์จุดลมปราณ ใช้สิ่งนี้เป็นรากฐาน จากนั้นก็สร้างวรยุทธ์ที่เป็นของตนเองขึ้นมา
ไม่เหมือนกับวรยุทธ์จักรพรรดิเทพ บำเพ็ญหลักกลั่นร่างจุดลมปราณหรือบำเพ็ญหลักเวทย์ดารา เคล็ดฟ้าดินมหาวาลคือฝึกคู่ร่างเวทย์ ค่อนข้างสมดุลกว่า จำนวนผนึกรวมเวทย์ดาราไม่เท่าเคล็ดจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ จำนวนการเปิดจุดลมปราณไม่เท่าวิชาบรรพเทพโลหิต แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว กลับไม่ได้ด้อยไปกว่าวรยุทธ์ทั้งสองวิชาเลย
เสิ่นปิงหยูผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้า ผลการฝึกตนของนางคือกึ่งมกุฎเทพ แต่จุดลมปราณร่างเนื้อเปิดเพียงสิบสองจุด นั่นหมายความว่าแดนร่างเนื้อของนางไม่สูง อย่างมากก็สามารถเทียบเท่าได้กลับร่างยุทธ์ระดับราชาเทพ
“แก่นสารปีศาจเพลิงข้าต้องการเพียงครึ่งหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่ข้ายอมถอยให้เจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้น ก็ทำได้แค่เพียงลงมือแล้ว” ท่าทางของเสิ่นปิงหยูมั่นคงหยัดยืนอย่างมาก
“ข้าก็ไม่ได้กลัวเจ้าแต่อย่างใด”
หลัวซิวโคจรวรยุทธ์ ร่างเนื้อดารายี่สิบสองดวงปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ประกอบไปด้วยสิบแปดจุดลมปราณที่แขนซ้าย รวมถึงเปิดจุดลมปราณสี่จุดที่แขนขวา ในตอนนั้นที่เมืองมังกรครามยักษ์ได้รับยาเซียนระดับเก้าจึงเปิดจุดลมปราณเพิ่มอีกสองจุด หลังจากนั้นที่ดาราแห่งกาลเวลาอาศัยกมลโลกาก็สามารถเปิดจุดลมปราณได้อีกสองจุด ดังนั้นร่างเนื้อดาราของเขาในวันนี้ ได้บรรลุถึงยี่สิบสองดวงแล้ว
เหตุที่ไม่สำแดงเวทย์ดารา เพราะนั่นจะเป็นการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ถึงอย่างไรเวทย์ดาราที่เขาผนึกรวม ก็มีมากถึงยี่สิบหกดวง รวมถึงดาราแปดดวงที่สอดคล้องกับกฎชีวิต ความตาย เวลา และปริภูมิ สี่กฎใหญ่ชั้นยอด
ต่อให้ไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ เพียงแค่ร่างเนื้อดารายี่สิบสองดวงมันก็มากเพียงพอแล้ว เสิ่นปิงหยูที่เผชิญหน้าอยู่นั้นมีสีหน้าที่เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและตกใจ
“นี่เจ้าฝึกตนวิชากลั่นร่างถึงแดนระดับนี้แล้วหรือ?”
เสิ่นปิงหยูรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ ถึงแม้จะเป็นสำนักตระกูลใหญ่ระดับมหาจักรพรรดิ น้อยคนนักที่จะฝึกตนวิชากลั่นร่างได้ถึงแดนที่สูงส่งเช่นนี้
เพราะว่าการกลั่นร่างจำเป็นต้องสิ้นเปลืองสมบัติทรัพยากรอย่างมาก มันมากกว่าการยกระดับเวทย์ผลการฝึกตนอย่างมาก อย่างเช่นหากต้องการยกระดับวิชากลั่นร่างฝึกตนให้ถึงแดนราชาเทพ ทรัพยากรที่ต้องนำมาใช้นั้น มากพอที่จะทำให้เวทย์ผลการฝึกตนยกระดับถึงแดนมกุฎเทพ
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนมากจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเวทย์ผลการฝึกตนเป็นส่วนใหญ่ เช่นนี้พลังก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เงื่อนไขทางทรัพยากรที่เหมือนกัน สามารถบดขยี้นักยุทธ์กลั่นร่างได้
แต่หากว่าผลการฝึกตนอยู่ในระดับเดียวกัน พลังของนักยุทธ์กลั่นร่าง กลับแข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ฝึกปราณเป็นอย่างมาก
ร่างเนื้อดารายี่สิบสองดวง หมายความว่าคนตรงหน้าได้เปิดยี่สิบสองจุดลมปราณร่างเนื้อ อาศัยเพียงร่างยุทธ์ร่างเนื้อ ก็สามารถเทียบเท่าราชาแห่งศัสตราวุธ ร่างเนื้อเช่นนี้ นอกจากจะเรียกใช้ศัตราวุธราชา ไม่เช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไร้เทียมทานแล้ว
เสิ่นปิงหยูรู้สึกถึงแรงกดดันจากร่างของหลัวซิว ร่างยุทธ์ร่างเนื้อยี่สิบสองจุดลมปราณ เว้นแต่คุณจะใช้ไพ่ไม้ตายจึงจะทำลายการป้องกันได้ ส่วนเรื่องที่คิดจะสังหารนั้น ยากเสียยิ่งกว่า!
ยิ่งกว่านั้นพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเขาจะไม่มีไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งได้อย่างไร?
สิ่งนื้ทำให้เสิ่นปิงหยูต้องประเมินการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองอีกครั้ง