มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1759
แน่นอนอยู่แล้วการเลือกเส้นทางนี้เป็นการแบกรับภารกิจอันหนักหน่วง เนื่องจากวัฏสงสารโบราณทลายสูญสิ้นไปยาวนานอย่างไม่รู้จบแล้ว การที่จะทำให้พลังวัฏสงสารสูงสุดปรากฏขึ้นมาอีกครั้งนั้น จึงเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และการคงอยู่ของตัวมรณานั้น ก็คือธาตุทิพย์ที่กำเนิดมาจากการสร้างวัฏสงสารของจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก หากมองว่าวัฏสงสารโบราณเป็นอัญแห่งบรรลุของจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก ชั้นนั้นก็สามารถเรียกตัวมรณาว่าเป็นญาณแห่งของขลังหรือจิตภัณฑ์ได้เช่นกัน
ลูกแก้วความเป็นตาย ตำหนักวัฏสงสาร ล้วนเป็นสิ่งที่กลายมาจากเศษชิ้นส่วนของวัฏสงสารโบราณหลังทลายสูญสิ้น และสามารถมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวมรณาได้เช่นกัน
ในส่วนของสาเหตุที่ตัวมรณาบอกว่าศักยภาพของหลัวซิวแข็งแกร่งนั้น กลับเป็นเพราะเขาเป็นผู้ที่ฝึกคู่ในนอก
วิชาวัฏสงสารฝึกนอก สิ่งที่ฝึกคือวิถีแห่งกฎที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกฎฟ้าดิน สรรพวิชาล้วนอยู่ในจำพวกวัฏสงสาร ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างและไม่อาจมีสิ่งใดมาเทียบเคียงได้
และศักยภาพที่แท้จริงของหลัวซิวอยู่ที่ฝึกในตนของเขา ยิ่งกว่านั้นคือผลสำเร็จสูงกว่าวิชาวัฏสงสารฝึกนอกด้วยซ้ำ
“จ้าววัฏสงสารรุ่นแรกเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อฝึกในตนวิญญาณจะถึงขีดสุด ซึ่งสามารถอยู่เหนือฟ้าดิน อยู่เหนือวัฏสงสาร”
“ทว่าพละกำลังของมนุษย์คนหนึ่งมีขีดจำกัด ในเมื่อเจ้าฝึกคู่ในนอกจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องใช้เวลาอย่างมาก หากเจ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็ทำได้เพียงตั้งใจเดินเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง มาตรแม้นว่าเป็นจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก ก็เน้นวิชาวัฏสงสารฝึกนอกเป็นหลัก ฝึกในตนเป็นเสริม”
“หากเจ้ายึดมั่นในความคิดตนเลือกที่จะเดินเส้นทางฝึกคู่ในนอกละก็ ข้าพูดได้แค่ว่าเส้นทางนี้มันจะยากลำบากมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือมีโอกาสที่เจ้าจะบรรลุฝึกนอกฟ้าดินหรือฝึกในตนไม่ถึงขีดสุดทั้งคู่”
น้อยครั้งมากที่ตัวมรณาจะพูดมากกับหลัวซิวเช่นนี้ ราวกับว่าเขาได้เข้าสู่บทบาทสมมติแล้วยังไงอย่างนั้น ใช้ตัวตนของเทพแห่งวัฏจักรชีวิตมาช่วยเหลือชี้แนะการเพ็ญตนของหลัวซิวที่เป็นผู้สืบทอดจ้าววัฏสงสารคนต่อไป
“จ้าววัฏสงสารทั้ง 9 รุ่น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ใดหรือ?”หลัวซิวถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย
“แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นแรกอยู่แล้ว”ตัวมรณาตอบกลับโดยไม่ลังเลใจเลย “วัฏสงสารโบราณถูกสร้างมาจากจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก หลังจากทิ้งการถ่ายทอดสืบสารของพลังวัฏสงสารสูงสุดเอาไว้แล้ว จ้าววัฏสงสารรุ่นแรกก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่รุ่นที่ 2 จนกระทั่งถึงรุ่นที่ 9 ล้วนยึดวัฏสงสารโบราณเป็นพื้นฐาน และได้กลายเป็นจ้าววัฏสงสารจนสำเร็จ ถึงแม้พวกเขาทุกคนล้วนเดินบนเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ทว่าก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับจ้าววัฏสงสารรุ่นแรกได้เลย”
“อิงจากวิธีพูดของเจ้า มาตรแม้นว่าเป็นจ้าววัฏสงสารรุ่นแรกก็แค่ฝึกวิชาวัฏสงสารฝึกนอกฟ้าดินจนถึงขีดสุด ผลสำเร็จด้านฝึกในตนไม่ค่อยสูงใช่หรือไม่?”หลัวซิวถาม
“สามารถกล่าวเช่นนี้ได้ ทว่าเมื่อมองในมุมระดับแดนของจ้าววัฏสงสารรุ่นแรกแล้ว ถึงแม้ผลสำเร็จด้านฝึกในตนของเขาจะไม่ถือว่าสูงมากนัก ทว่าก็บรรลุถึงแดนอมตะอยู่ ใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งที่เรียกว่าจักรพรรดิเทพให้ตายได้อย่างง่ายดายแล้ว”ตัวมรณาพูดอย่างเรียบนิ่ง
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ถึงแม้จะมีการคาดเดาในใจตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม ทว่าหลัวซิวก็ยังรู้สึกตะลึงเล็กน้อยอยู่ดี เห็นได้ชัดเจนเลยว่าจ้าววัฏสงสารน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือจักรพรรดิเทพ ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าเหนือแดนจักรพรรดิเทพ ยังมีแดนที่แข็งแกร่งมากกว่า
อีกทั้งวัฏสงสารโบราณทลายสูญสิ้น จ้าววัฏสงสารทั้ง 9 รุ่นดับสลายสูญสิ้น ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่ายังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจ้าววัฏสงสารคงอยู่มิใช่หรือ?
หลัวซิวส่ายหน้าไปมา เขาค้นพบว่ายิ่งตัวเองเข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กน้อยมากขึ้น อย่าว่าแต่ระดับจ้าววัฏสงสารเลย ถึงแม้จะเป็นจักรพรรดิเทพ สำหรับเขา ณ ปัจจุบันแล้ว จักรพรรดิเทพก็ยังเป็นระดับความสูงที่เขาทำได้เพียงแหงนหน้ามองและไม่อาจบรรลุได้
“แล้วถ้าหากข้าฝึกคู่ในนอก ฝึกทั้งสองสิ่งให้ถึงขีดสุด ก็จะแข็งแกร่งกว่าจ้าววัฏสงสารรุ่นแรกใช่หรือไม่?”หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานคนหนึ่งเช่นกัน สิ่งที่เขาแสวงหาคือขีดสุดของวิถียุทธ์ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องกำหนดเป้าหมายที่ยากที่จะบรรลุให้แก่ตัวเอง ปลุกเราให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งอยู่เหนือทุกคน!