มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1767
เสี้ยววินาทีที่ฉีเตียหลงถูกสังหาร ระดับสูงของตระกูลฉีก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว เนื่องจากโลกะอัมพรเทวและโลกะดาราคุนหลุนห่างกันค่อนข้างไกล มาตรแม้นว่าอาจารย์มกุฎเทพอยากเร่งเดินทางมา ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
ในส่วนของชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวสีทองที่ปรากฏตรงหน้าหลัวซิวนี้นั้น คือมกุฎเทพคนหนึ่งที่รับผิดชอบนำทีมมายังดาราแห่งกาลเวลาในครั้งนี้ ซึ่งมีนามว่าฉีเฉียวซาน
ในโลกามนุษย์ มกุฎเทพถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นตำแหน่งของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพจึงสูงมาก ๆ ขอแค่เพียงบรรลุถึงแดนมกุฎเทพ ก็จะถูกผู้คนเรียกว่าอาจารย์ด้วยความยกย่อง สามารถเปิดสำนักตั้งพรรค บรรลุเรื่องการเป็นอาจารย์ในยุคสมัยหนึ่ง
ผลการฝึกตนของฉีเฉียวซานคือมกุฎเทพชั้น 1 ถึงแม้จะเป็นมกุฎเทพที่อ่อนมากที่สุดก็ตาม ทว่าก็สามารถสังหารกึ่งมกุฎเทพสิบกว่าคนได้อย่างง่ายดายเช่นกัน เนื่องจากแดนแห่งมกุฎเทพนั้นเป็นแดนที่อยู่เหนือแดนราชาเทพโดยสิ้นเชิง
ขณะที่ฉีเตียหลงถูกสังหาร รูปภาพของฆาตกรก็ส่งตรงไปทางฉีเฉียวซานผ่านวิชาพิเศษแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงรีบมุ่งหน้าตรงมาทางเมืองคุนซาน
หลัวซิวไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวเองอีกครั้งแต่อย่างใด ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายจึงพบกันกลางทาง
การปรากฏตัวของฉีเฉียวซานทำให้สีหน้าฉียู่หรงเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อครู่นางยังบอกอยู่เลยว่าที่นี่ไม่มีอาจารย์มกุฏเทพคอยปกปักรักษา แต่ต่อจากนั้นก็มีมกุฎเทพคนหนึ่งมาถึง จึงทำให้สภาพจิตใจของนางลุกลนขึ้นมาทันที
“ศิษย์พี่เย่ท่านรีบหนีไปเถอะ ผลการฝึกตนมันคือมกุฎเทพ!”ฉียู่หรงส่งเสียงผ่านตัวสำนึกไปให้หลัวซิวด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด
“ยู่หรง เจ้าถึงกับจ้างคนมาฆ่าคนในตระกูลฉีของเราด้วยกันอย่างนั้นหรือ เจ้าทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมาก!”ฉีเฉียวซานมองฉียู่หรงด้วยสายตาที่เยือกเย็นรอบหนึ่ง เขาต้องสัมผัสได้ถึงคลื่นการส่งเสียงผ่านตัวสำนึกในเมื่อครู่นี้ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ครั้นเมื่อพ่อข้าถูกพวกเจ้าทำร้ายจนตาย ก็ไม่เห็นพวกเจ้าคำนึงถึงความสัมพันธ์ของคนร่วมตระกูลนี่”ใบหน้าของฉียู่หรงดุจน้ำแข็ง ไม่นึกเลยว่านางจะก้าวเท้าออกไป บังอยู่ตรงหน้าหลัวซิว พร้อมกับส่งเสียงพูดเร่งผ่านตัวสำนัก “ศิษย์พี่เย่ท่านรีบหนีไป!”
หลัวซิวมองเงาหลังของฉียู่หรงด้วยความแปลกใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพนางจะยังมีความกล้ายืดอกออกมา ต่อให้นางรู้ทั้งรู้ว่าเมื่อเทียบศักยภาพของตนกับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพแล้ว ความต่างก็เหมือนดังแสงไฟจากหิ่งห้อยและแสงจันทร์
“เจ้าคุกเข่าลงไปซะ!”
ใบหน้าของฉีเฉียวซานเยือกเย็นลง ปลดปล่อยพลังอำนาจของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพออกมา กดอัดตรงมาเหมือนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง
ภายใต้การกดอัดจากพลังอำนาจนี้ หลัวซิวไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทว่าสีหน้าของฉียู่หรงกลับขาวซีด ใช้ฟันกัดฟันริมฝีปากจนเลือดไหล ประคับประคองร่างตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก
“เห็นแก่ไมตรีจิตที่ภายในร่างกายเจ้าก็มีสายเลือดของตระกูลฉีไหลเวียนอยู่เช่นกัน ส่งแร่ชีวิตออกมา แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้ตายอย่างสบาย ๆ ”ฉีเฉียวซานพูดอย่างเยือกเย็น
อดีตพ่อของฉียู่หรงเคยเป็นนายท่านตระกูลฉี ขณะที่เขาถูกผู้อื่นลอบฆ่า ฉียู่หรงและหนิงหานยู่พี่น้องทั้งสองคน หนีเอาชีวิตรอดออกไปจากตระกูลฉีพร้อมกับสิ่งล้ำค่าสองชิ้น ภายใต้การคุ้มกันอย่างสุดชีวิตของคนบางกลุ่ม
ซึ่งสิ่งล้ำค่าสองชิ้นนั้นหนึ่งในนั้นก็คือแร่ชีวิต ซึ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการรักษาบาดแผลของตระกูลฉี
เมื่อเห็นว่าฉียู่หรงกำลังประคับประคองอย่างยากลำบากอยู่ตรงหน้าตน หลัวซิวจึงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะย่างเท้าออกไปแล้วพูด: “เป็นผู้หญิงควรยืนอยู่ข้างหลังข้า ไอ้หมอนี่เดี๋ยวปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
หลัวซิววางมือลงบนไหล่ฉียู่หรง ทำให้พลังอำนาจของมกุฎเทพที่กดอัดนางจนหายใจลำบากหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว
“ศิษย์พี่เย่……”ฉียู่หรงมองหลัวซิวที่อยู่ข้าง ๆ อย่างตะลึง ใบหน้าของเขาเหมือนดั่งคมมีด ใบหน้ามุมข้างชัดเจนได้รูป
เขาทำให้พลังอำนาจของมกุฎเทพสลายหายไปได้อย่างไร?
การฝึกยุทธ์มีแดนใหญ่ ๆ ที่เปรียบเสมือนช่องกว้างคั่นกลาง ช่วงระยะความต่างของแดนใหญ่ก็เหมือนดั่งเผชิญหน้ากับศัตรูโดยธรรมชาติ พลังอำนาจของราชาเทพสามารถกดอัดเทพฟ้าจนไม่สามารถต่อต้านได้ มกุฎเทพก็สามารถกดอัดราชาเทพได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านศักยภาพหรือพลังออร่า ล้วนสามารถกดอัดได้โดยสิ้นเชิง!