มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 186 หอคอยมังกรบินแห่งเขามังกรหมอบ
บทที่ 186 หอคอยมังกรบินแห่งเขามังกรหมอบ
บนจัตุรัส มีแผ่นศิลาสีดำตั้งอยู่ตรงนั้นหนึ่งแผ่น ตัวอักษรสีทองถูกแกะสลักเรียงรายอยู่บนนั้น ในขณะเดียวกันก็มีการทำสัญลักษณ์แต่ละคนได้คะแนนเท่าไหร่
ผู้ที่ติดอันดับหนึ่งคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อเจ้าหินดำอาศัยผลการฝึกตนแดนฝึกจิตขั้นสี่ ได้รับคะแนนรวมทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยกว่าคะแนน
ด้านหลังของเขาก็เป็นผู้ฝึกจิตขั้นสี่สองคน หนึ่งในนั้นคือช่าวชูเจิ้งฉี ติดอันดับสาม
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่แผ่นศิลา ดวงตาของคนหนุ่มสาวแต่ละคนลุกวาวเป็นประกาย กำลังหาชื่อของตัวเองบนแผ่นศิลา
ไม่นาน หลัวซิวก็เจอชื่อของตัวเอง ชื่อของเขาติดอันดับที่ยี่สิบสาม อันดับนี้ไม่ได้ถือว่าสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ต่ำเกินไป อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการแข่งขันรอบแรกเท่านั้น
ต่อจากนั้นหลัวซิวเจอชื่อของเหยียนซีโรว่ที่ด้านหลัง อันดับคืออันดับที่ยี่สิบเจ็ด
หลังจากดูอันดับเรียบร้อย มีทั้งคนดีใจมีทั้งคนรู้สึกเศร้า ติดห้าร้อยอันดับแรก แม้จะอยู่ห่างจากสิบอันดับแรกอีกยาวไกล แต่ก็ยังมีโอกาสเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สอง
และคนที่ติดสิบอันดับแรก ในขณะที่กำลังรู้สึกโล่งอกก็ต้องเฝ้าระวังไปด้วย เพราะการติดสิบอันดับแรกในการแข่งรอบแรก มันไม่สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้อย่างแม่นยำ การแข่งขันต่อจากนี้มีแต่โหดร้ายและน่ากลัวยิ่งขึ้น
หลังจากการแข่งขันรอบแรกสิ้นสุดลง คนที่ติดอันดับห้าร้อยแรก จะมีเวลาพักผ่อนและเตรียมตัวสามวัน
หลังจากนี้สามวัน คนทั้งห้าร้อยต้องมารวมตัวกันที่จัตุรัสแห่งนี้ ทำการคัดเลือกรอบที่สองต่อ
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนู คิดไม่ถึงว่าจะติดอันดับที่ยี่สิบสาม”
หลังจากที่กลับมา บนใบหน้าของหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกพึงพอใจกับสถิติของหลัวซิวมาก
อย่างไรก็ตามในมุมมองของเขา แม้หลัวซิวจะมีพลังที่เทียบเท่ากับปรมาจารย์ฝึกจิต ทว่าท้ายที่สุดผลการฝึกตนของเขาต่ำเกิน สามารถเจิดจรัสท่ามกลางอัจฉริยะมากมายขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
และเมื่อเทียบกับอันดับของหลัวซิว หลินเจียเอ๋อร์สมาชิกอัจฉริยะของแก๊งเขตการปกครองโตว้ไห่ กลับติดอันดับที่ร้อยกว่า
ผลการฝึกตนของนางบรรลุถึงพรสวรรค์ขั้นเก้าแล้ว สถิตินี้โดดเด่นกว่าผู้ฝึกจิตครึ่งไปเยอะมาก แต่หากต้องการแย่งสิบอันดับแรก กลับมีความเป็นไปได้น้อยมาก
ภายในใจของหลินเจียเอ่อร์ยังคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย นางรู้สึกว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวสูงกว่าตนเองเพียงน้อยนิด เขามีสิทธิ์อะไรติดอันดับยี่สิบสาม ส่วนตนเองกลับต้องมาอยู่ร้อยอันดับหลัง?
และในขณะนั้นเอง เสิ่นหยวนหนานสังเกตถึงผลการฝึกตนของหลัวซิว เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ไอ้หนูเจ้าทะลวงแดนฝึกจิตแล้ว?”
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชายุทธ์ขั้นห้า การรับรู้ของเสิ่นหยวนหนานเฉียบคมเพียงใด เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปบนตัวของหลัวซิว
“บังเอิญโชคดีทะลวงผ่านก็เท่านั้น” หลัวซิวยิ้มติดตลก
“โชคดีบ้านเจ้าสิ! สามารถทะลวงได้เป็นเพราะความสามารถของเจ้า เส้นทางของการฝึกตนมีคำว่าโชคดีด้วยหรือ?” เสิ่นหยวนหนานเบ้ปาก ยิ้มแล้วพูดตำหนิ
ที่จริงภายในใจของเขาก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย อัจฉริยะเช่นนี้เหตุใดไม่ปรากฏที่เขตการปกครองโตว้ไห่ แต่ไปปรากฏขึ้นที่เขตการปกครองหยุนหลงของเหวินเซวียนหง?
ทั้งที่เขตปกครองโตว้ไห่กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าเขตปกครองหยุนหลง ประชากรก็มีมากกว่า โอกาสที่จะมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นก็ควรจะสูงกว่า ทว่าเขตปกครองหยุนหลงไปทำอะไรถึงโชคดี มีอัจฉริยะแบบนี้ปรากฏขึ้น?
ต้องบอกก่อน หลัวซิวเพิ่งอายุสิบห้าปี!
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยุนหนานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย หากหลัวซิวเกิดเร็วกว่านี้ไม่กี่ปี ด้วยความเร็วในฝึกตนของเขาคิดจะแย่งสิบอันดับแรกเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายเวลาไม่คอยคน แดนปริศนาจะเปิดเพียงครั้งเดียวในรอบสามปี
ในบรรดาอัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่ง มีฝึกจิตขั้นสี่สามคน ฝึกจิตขั้นสามแปดคน หลัวซิวทะลวงถึงฝึกจิตขั้นหนึ่งอย่างกะทันหัน คิดจะแย่งสิบอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องง่าย
ได้ยินอาจารย์ของตนเองบอกว่าหลัวซิวบรรลุดินแดนปรมาจารย์ฝึกจิต จิตใจของหลินเจียเอ่อร์รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที แอบคิดในใจหมอนี่โชคดีชะมัด ถึงว่าเหตุใดสามารถติดอันดับยี่สิบสาม
หากตนเองก็มีผลการฝึกตนของฝึกจิต อันดับจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ครั้งแรกที่เจอกัน อาจารย์เสิ่นหยวนหนานก็บอกว่าตนเองสู้หลัวซิวไม่ได้ ดังนั้นหลินเจียเอ่อร์จึงรู้สึกไม่พอใจมาโดยตลอด และพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าเขา
ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ นางเพิ่งเกิดความรู้สึก ความเร็วในการฝึกตนของหลัวซิวเร็วเช่นนี้ นางจะสามารถไล่ตามเขาทันหรือ?
เวลาของการพักผ่อนเตรียมพร้อมสามวัน สำหรับผู้เข้าแข่งขันคนหนุ่มสาวผู้ฝึกยุทธ์ นี่ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมในสำหรับการทะลวงระดับการฝึกฝน
อย่างไรก็ตามการแข่งเอาตัวรอดในรอบแรก ต้องผ่านประสบการณ์เข่นฆ่าวันละไม่น้อย ผู้คนมากมายค้นพบโอกาสในการทะลวงภายใต้สถานการณ์ความเป็นความตาย แต่เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์อันตราย ตั้งแต่เริ่มจนจบจึงไม่มีโอกาสฝ่าทะลวงก็เท่านั้น
ได้รู้ข่าวหลัวซิวผ่านเข้ารอบที่สอง ยิ่งไปกว่านั้นยังติดอันดับค่อนข้างอยู่แนวหน้า ลู่เมิ่งเหยารู้สึกดีใจมาก แต่หลังจากที่นางได้ยินว่ามีผู้คนตายมากมายในการแข่งเอาชีวิตรอด อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อย โชคดีที่หลัวซิวกลับมาอย่างปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นยังติดอันดับที่ไม่เลว
เพียงแค่รอบแรก ฝูงชนนับแสนถูกคัดออกเหลือเพียงห้าแสน พวกคนที่ถูกคัดออก มีสองสามหมื่นคนที่ไม่ทันบีบยันต์หยกแดงให้แหลกจนต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น อัตราการตายถือว่าไม่น้อย
และการต่อสู้แย่งชิงของรอบที่สอง จะปฏิบัติตามกฎการแข่งเหมือนทุกครั้ง จะเดินทางไปที่หอคอยมังกรบินบนเขามังกรหมอบ
หอคอยมังกรบินแห่งนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่หอคอยมังกรบินของสำนักเซียวเหยาสามารถเทียบได้
ในประเทศเทียนหวูมีกองกำลังมากมาย ล้วนแต่สร้างหอคอยมังกรบิน แต่หอคอยมังกรบินพวกนี้ ล้วนแต่สร้างตามแบบของหอคอยมังกรบินแห่งเขามังกรหมอบ
หอคอยมังกรบินของเขามังกรหมอบ เป็นโบราณวัตถุที่หลงเหลือจากยุคโบราณ เอากันว่าเป็นสถานที่ปลูกฝังลูกศิษย์ของกองกำลังโบราณใดกองกำลังหนึ่ง
เวลาต่อจากนี้สามวัน หลัวซิวยังคงรักษาความสมดุลผลการฝึกตนฝึกจิตขั้นหนึ่งของตนเองเอาไว้ และในระหว่างนี้ ผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวมากมายก็กำลังฝ่าทะลวงผลการฝึกของตนเอง
เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างจากหลัวซิวคือทันทีที่คนพวกนั้นทะลวงได้สำเร็จ ไม่มีเวลาเพียงพอมาทำให้ผลการฝึกตนสมดุลแล้ว
มีผู้ฝึกจิตครึ่งก้าวมากมายที่ทะลวงถึงดินแดนฝึกจิต มีผู้ฝึกแดนพรสวรรค์ขั้นก้าวไม่น้อยที่ทะลวงถึงการฝึกจิตครึ่งก้าว
ส่วนพวกคนที่อยู่เหนือกว่าแดนฝึกจิต กลับฝ่าทะลวงได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อไหร่ที่ผลการฝึกตนมาถึงระดับนี้ คิดจะพัฒนาอีกก้าวไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งกว่านั้นในระหว่างนี้ ผู้เข้าแข่งขันห้าร้อยคนที่เข้าสู่การแข่งรอบที่สองต่างก็กำลังเตรียมความพร้อม หลังจากนั้นสามวัน ทุกคนไปรวมตัวกันที่ใจกลางจัตุรัสขนาดใหญ่ของเขตการปกครองชิงฮัว
ตอนที่หลัวซิวมาถึงที่นี่ สังเกตเห็นผู้คนหลายหมื่นมารวมตัวกันอยู่โดยรอบของจัตุรัส ส่วนใจกลางจัตุรัส มีเรือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงนั้น ความยาวหลายสิบฟุต บนลำตัวของเรือมีตราสัญลักษณ์รูนของค่ายกลและยันต์นับไม่ถ้วน
“นี่คือ…….เรือรบ?”
########################