มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1881
ถึงแม้ตัวจีเสวียนคงเองจะรู้อยู่ว่าลูกศิษย์คนนี้ของตัวเองไม่ธรรมดา อยู่ในแดนเทพฟ้าก็สามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพได้ ทว่าอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์คืออัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงเชียวนะ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพช่วงปลายก็ต้านทานได้ยากมาก
หลัวซิวพยักหน้าอย่างไม่คัดค้าน “ลูกศิษย์ยืนยันแล้วขอรับ”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูสงบนิ่งมาก ๆ จีเสวียนคงก็ทราบแล้วว่าปณิธานวิถียุทธ์ของลูกศิษย์คนนี้ของตัวเองนั้นแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ขอแค่ทำการตัดสินใจแล้วก็จะก้าวรุดหน้าไปอย่างองอาจ แท้จริงแล้วจิตใจที่ไม่เกรงกลัวทุกสิ่งอย่างเช่นนี้เป็นเนื้อแท้สภาพจิตใจที่นักยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนควรมี
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ จีเสวียนคงก็ไม่คิดที่จะพูดโน้วน้าวอะไรอีกแล้ว จากผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพรวมไปถึงตัวตนมหาปรมาจารย์ยาเซียนของเขา ถึงแม้หลัวซิวจะกลั่นแปรหลอมรวมอัคคีเทพล้มเหลว เขาก็มั่นใจมาก ๆ ว่าสามารถรักษาชีวิตของหลัวซิวเอาไว้ได้
แต่ทว่าสาเหตุที่เขาไม่ได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมานั้น แท้จริงแล้วก็อยากดูว่าปณิธานวิถียุทธ์ของหลัวซิวว่าแน่วแน่จริงหรือไม่ และผลลัพธ์ก็เป็นประจักษ์ชัดแจ้ง ปณิธานวิถียุทธ์ของลูกศิษย์คนนี้ของตัวเองทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก
หลัวซิวนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิแล้วค่อย ๆ หลับตาลง ไม่นานนักเขาก็ปรับสภาวะของตัวเองให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด ในเมื่อเขากล้าไปหลอมรวมอัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงหนึ่งดวง เขาก็ต้องมีความมั่นใจที่แน่นอนอยู่แล้ว และความมั่นใจดังกล่าวก็มาจากพลังอมตะของร่างอมตะนั่นเอง
ร่างอมตะเป็นพลังที่แปรเปลี่ยนวิวัฒนาการมาจากผู้เป็นอมตะ ตราบใดที่อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์นั่นยังไม่สามารถแผดเผาเขาให้กลายเป็นฝุ่นผงภายในเสี้ยววินาที เช่นนั้นเมื่ออาศัยพลังอมตะของร่างอมตะ เขาก็ไม่เกรงกลัวความเสียหายที่สาหัสใด ๆ
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”จีเสวียนคงแบฝ่ามือออก อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ลุกโชนอยู่กลางฝ่ามือเขา ชี่ฉกรรจ์หนึ่งที่หนาวเหน็บแผ่กระจายออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในคุกสนามรบ จิตใจสั่นคลอนเพราะความกลัว
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าอย่างสงบนิ่ง มีความคิดที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่มั่นคงทะลุออกมาจากแววตา
ภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียว หลัวซิวก็ลงมือแล้ว เห็นเพียงเขาง้างมือขึ้นมาแล้วพุ่งไปคว้าอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์พลังเวทย์ผลการฝึกตนทั้งหมดปะทุออกมาพร้อมกัน ดาราจำนวนมากที่อยู่ภายในร่างกายสั่นเทิ้ม ปลดปล่อยพลานุภาพที่มากมายมหาศาลออกมา แผ่คลุมอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ดวงนี้เอาไว้
“ฮู่ว ๆ ๆ ……”
จู่ ๆ อัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับมีใบหน้าหนึ่งปรากฏในเพลิงอัคคี พร้อมกับกรีดร้องเสียงสูงอย่างโกรธเกรี้ยว
ในฐานะที่เป็นอัคคีเทพขั้นดำชั้นสูงดวงหนึ่ง มันหล่อเลี้ยงภูตอัคคีโลหิตฉกรรจ์ได้ตั้งนานแล้ว มันจึงต่อต้านคัดค้านและโกรธเกรี้ยวต่อทุกคนที่พยายามกลั่นแปรมันด้วยสัญชาตญาณ
ด้วยเหตุนี้ในขณะที่หลัวซิวยื่นมือไปจับอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์อยู่นั้น จู่ ๆ อัคคีเทพดวงนี้ก็โจมตีใส่หลัวซิว กลายเป็นมังกรอัคคีสีเลือดตัวหนึ่ง คำรามแล้วกระโจนไปทางหลัวซิว
“หึ!”
และในเวลานี้เอง จีเสวียนคงก็ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น ออร่าอันยิ่งใหญ่ที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้บังเกิดขึ้น แรงกดดันที่เหมือนดั่งเขาไท่ซานกดกบาลกดอัดอยู่บนตัวอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ออร่าของมังกรอัคคีสีเลือดที่กลายมาจากอัคคีเทพตัวนี้อ่อนแอลงไปเยอะมาก ๆ
“โฮก!”
อัคคีเทพคำรามพิโรธ ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจบารมีของจักรพรรดิเทพ มันกลับไม่มีแรงที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
“อาจารย์สามารถช่วยเจ้าลดพลังของมันได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทว่ากลับไม่สามารถทำให้พลังของมันลดลงได้เยอะมากนัก มิเช่นนั้นระดับขั้นของอัคคีเทพดวงนี้ก็จะลดลง ทันทีที่อัคคีเทพดวงนี้ถูกเจ้าดูดกลืนเข้าไปภายในร่างกาย ทุกอย่างที่เหลือล้วนต้องพึ่งพาเจ้าผู้เดียวแล้ว หากเจ้าทนไม่ไหวก็อย่าฝืน อาจารย์จักอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ!”
จีเสวียนคงใช้อำนาจบารมีของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพลดทอนพลังของอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์พลางพูดกับหลัวซิว มีความจริงใจและความห่วงใยของผู้อาวุโสที่มีต่อลูกศิษย์แฝงอยู่ในน้ำเสียง
ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์นี้ทำให้จิตใจของหลัวซิวสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เขาพยักหน้าพลางตอบกลับว่า: “ขอรับ อาจารย์”