มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1905
สรุปแล้วแดนเทวนิรันกาลกว้างใหญ่มากเพียงใดกันนั้น ไม่มีผู้ใดทราบได้เลย มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ๆ อีกแห่งหนึ่งที่ยังไม่เคยมีผู้ใดสืบเท้าเข้าไป
ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำลงบนดาวเคราะห์ หลัวซิวก็สามารถสัมผัสได้ถึงชี่โหดมหากาฬที่แฝงซ่อนอยู่ กระแสสัมผัสของเขาผนึกพิกัดของจีเสี่ยวจื่ออยู่ตลอดเวลา
และมันก็เหมือนดังที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้ในตอนแรกเริ่มทุกประการจริง ๆ สิ่งเดียวที่ยัยจีเสี่ยวจื่อนั่นเกรงกลัวก็คือใต้หล้านี้ไม่วุ่นวายอลหม่าน อุปนิสัยที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินนั่น นางไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่รอบนอกของแดนเทวนิรันกาลอย่างซื่อตรงแต่อย่างใด แต่เป็นการบุกไปยังเขตพื้นที่ศูนย์กลางของห้วงดาราแห่งนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลัวซิวจึงไม่กล้าอยู่ห่างไกลจากนางมากนัก มิเช่นนั้นหากมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นละก็ เขาอาจจะลงมือช่วยเหลือไม่ทัน
“โฮกก!”
อสูรโบราณตัวหนึ่งคำรามพลางกระโจนเข้ามาฆ่า ซึ่งมันคืออสูรเสือตัวหนึ่ง ตรงกลางศีรษะของมันมีนอที่เฉียบคมดุจดาบกระบี่
นั่นคืออสูรโบราณระดับราชาเทพตัวหนึ่ง ซึ่งหาพบได้บ่อยในแดนเทวนิรันกาล
หลัวซิวไม่ต้องลงมือเลยด้วยซ้ำ อสูรดูดจิตก็คำรามแล้วพุ่งตรงไปแล้ว อสูรเสือที่มีนอกลางศีรษะตัวนั้นถูกชนจนบินลอยออกไปอย่างรวดเร็ว ขนหนังและเลือดเนื้อทั้งตัวเละจนเลือนลาง เลือดสีแดงสดไหลนองกองเต็มพื้น
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็ประสบพบเจอกับฝูงหมาป่าขจันทราสีเงินอีก หมาป่าขจันทราสีเงินประเภทนี้ก็เป็นอสูรโบราณประเภทหนึ่งเช่นกัน เชี่ยวชาญด้านความเร็วในการเคลื่อนที่ ถูกขนานนามว่าสามารถไล่ตามแรงลมและแสงจันทร์ เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันเฉียบคมดุจกระบี่ ขนหนังเรียบลื่นและแข็งแกร่ง พลังโจมตีสร้างความเสียหายให้พวกมันได้ยากมาก
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของฝูงหมาป่าขจันทราสีเงินนี้รวดเร็วมาก ๆ แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันนอกจากราชาหมาป่าแล้ว ศักยภาพโดยรวมของพวกมันกลับค่อนข้างอ่อนมาก
ตั้งแต่เข้ามาในแดนเทวนิรันกาลจนกระทั่งถึงบัดนี้ หลัวซิวก็เคยลงมือต่อเยาเย่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เวลาส่วนมากเขาล้วนนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนศีรษะอสูรดูดจิตด้วยสมาธิที่แน่วแน่แม้จะมีเรื่องยุ่งใจมากมายก็ตาม
อสูรดูดจิต ณ ปัจจุบันบรรลุถึงระดับราชาเทพ เริ่มตั้งตัวขึ้นมาจนมีอิทธิพลในระดับหนึ่งแล้ว มันคำรามเสียงดังทีหนึ่ง แขนขาทั้งสี่ข้างของหมาป่าขจันทราสีเงินนับสิบตัวที่เข้ามาใกล้ก็อ่อนแรง แล้วล้มลงไปบนพื้นจนเสียงดังฟึ่บ
จากนั้นฝูงหมาป่าที่อยู่ด้านหลังกลับกระโจนเข้ามาฆ่าโดยไม่เกรงกลัวความตายดั่งกระแสน้ำ
กรงเล็บทั้งแปดของอสูรดูดจิตข่วนออกไปพร้อมกัน ฟาดหางใหญ่และแข็งแรงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหนานไปมา ในขณะเดียวกันมันก็อ้าปากกว้าง ทุกครั้งล้วนสามารถสังหารหมาป่าขจันทราสีเงินได้หลายสิบตัว
ทว่าจำนวนของหมาป่าขจันทราสีเงินมีเยอะเกินไป จากระดับความเร็วในการสังหารของอสูรดูดจิต แต่ก็ไม่เห็นว่าปริมาณของหมาป่าขจันทราสีเงินจะลดลงไปมากเท่าไหร่นัก
หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ง้างมือข้างหนึ่งขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง นิ้วมือทั้งห้าของเขาก็กางออก ฝ่ามือขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง นิ้วมือทั้งห้ากลายเป็นปราณกระบี่ความตายสีดำสนิทห้าเล่ม
ปราณกระบี่ทั้งห้าเล่มนี้ล้วนผนึกรวมมาจากกฎความตาย ทุกเล่มยาวหลายร้อยเมตร ม้วนซัดผ่านไปดั่งพายุที่โหมพัดกระหน่ำ ชำระสะสางทุกอย่างจนกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมที่มีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่ว
อสูรดูดจิตแหงนหน้าขึ้นไปแล้วคำรามเสียงดัง ส่วนหลัวซิวนั้นก็ควบคุมปราณกระบี่ความตายทั้งห้าเล่มนี้พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ ตัดเฉือนในแนวตั้งและแนวนอน ฆ่าได้สบายอกสบายใจ ถึงอกถึงใจถึงขีดสุด
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วขณะ ศพที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็กองรวมกันดั่งภูเขาแล้ว เลือดไหลนองเป็นทาง แทบจะไม่มีศพของหมาป่าขจันทราสีเงินตัวใดที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เลย
อสูรดูดจิตอ้าปากแล้วสูดลมเข้าไปทีหนึ่ง ช่องจิตแต่ละดวงจึงบินออกมาจากศพหมาป่าขจันทราสีเงินของเหล่านี้ ถูกมันกลืนกินลงไปในทีเดียว
อสูรจิตในจักรวาลฟ้าดิน ไม่ว่าจะเป็นในยุคดึกดำบรรพ์หรือปัจจุบัน ขอเพียงหลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงระดับเทพมารแล้ว ก็จะมีช่องจิตผนึกรวมขึ้นมาในร่างกาย
และตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ช่องจิตประเภทนี้เป็นอาหารของเผ่าพันธุ์อสูรดูดจิตอย่างพวกมัน
“อ่าวู๊!”
เบื้องล่างถูกสังหารจนหมดสิ้น ราชาหมาป่าที่เทียบเท่านักยุทธ์ราชาเทพช่วงปลายตัวนั้นเห่าหอนอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วบินตรงเข้ามา ขนหนังสีขาวเงินเปล่งแสงระยิบระยับดั่งแสงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้า ความเร็วรวดเร็วมากจนเหมือนเงากระพริบ
อย่างไรก็ในสายตาของหลัวซิว ตามความเร็วของราชาหมาป่าตัวนี้กลับธรรมดามาก ปราณกระบี่ความตายทั้งห้าเล่มแผ่คลุมลงมา เสียงฟึ่บฟับดังขึ้นสามสี่ที ร่างศพที่เละเทะของราชาหมาป่าก็ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าแล้ว