มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1912
ทุกคนที่เข้ามาในแดนเทวนิรันกาลล้วนเข้าใจดีมากว่าของดีจริง ๆ มีแต่จะคงอยู่ในส่วนลึกของแดนเทวนิรันกาล
เพราะฉะนั้นขอแค่เป็นคนที่มีความมั่นใจในศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ก็จะล้วนมุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ศูนย์กลางของแดนเทวนิรันกาล
เมื่อเปรียบเทียบกับเขตรอบนอกที่กว้างใหญ่มากกว่า ขอบเขตของเขตพื้นที่ศูนย์กลางจะเล็กกว่ามาก ๆ หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อบินตรงมาตลอดทาง ก็ประสบพบเจอกับสายรุ้งยาวที่กลายมาจากนักยุทธ์คนอื่น ๆ อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปนอกเหนือจากศึกการแก่งแย่งผลประโยชน์ วัยรุ่นยอดฝีจำนวนมากจะไม่ลงมือเข่นฆ่ากันง่าย ๆ เนื่องจากทุกคนต่างทราบกันดีว่าผู้ที่สามารถเข้ามาในแดนเทวนิรันกาลได้นั้น ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในมหาโลกาต่าง ๆ ต่างมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ในมือก็ต้องมีไพ่เด็ดอุบายที่สามารถเอาตัวรอดได้แน่นอน
แม้ไพ่เด็ดอุบายเหล่านี้ก็มีการแบ่งแยกความแข็งแกร่งและอ่อนแอ ทว่าสิ่งของที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้เช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนต่างหวาดหวั่นซึ่งกันและกันแล้ว
“พระโอรสจ้านเทียนสังหารอสูรโบราณแดนมกุฎขั้น 9 ตัวหนึ่ง!”
หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อได้ยินข่าวคราวดังกล่าว ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งคนจำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้
นั่นมันพระโอรสจ้านเทียนเชียวนะ ลูกหลานเชื้อสายตรงของมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนยุคปัจจุบัน!
คนจำนวนมากต่างรู้สึกช็อกต่อข่าวคราวดังกล่าว ต้องท้าวความก่อนว่าปัจจุบันในบรรดาเด็กรุ่นใหม่จำนวนมาก มีน้อยคนมาก ๆ ที่บรรลุถึงแดนมกุฎเทพ และเมื่อไม่นานมานี้พระโอรสจ้านเทียนก็บรรลุถึงมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิแล้ว
หากผู้อื่นบรรลุถึงแดนมกุฎเทพ โดยส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาในแดนเทวนิรันกาลอีกเลย เนื่องจากจักรพรรดิเทพทั่วไป หรือแม้แต่จักรพรรดิเทพช่วงปลายก็ไม่มีศักยภาพทะลวงปราการดาราของแดนเทวนิรันกาล ส่งมกุฎเทพเข้ามาได้
ทว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนกลับทำเช่นนั้นได้!
ในกาลเวลาที่ยาวนาน ก็มีเพียงมหาโลกาจ้านเทียนเท่านั้นที่เคยมีมหาจักรพรรดิยุทธ์บังเกิดสองท่าน มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนในยุคปัจจุบันเป็นรุ่นที่สอง ในยุคโบราณที่ผ่านมายาวนานอย่างไม่รู้จบ มหาโลกาจ้านเทียนเป็นมหาโลกาที่มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนยุคแรกบุกเบิก
“ตำหนักเทวจ้านเทียนน่ากลัวมากจริง ๆ เคยมีมหาจักพรรดิยุทธ์คนหนึ่งบังเกิดในอดีต ยุคปัจจุบันก็มีมหาจักพรรดิยุทธ์คอยปกปักรักษาด้วย”
“นอกเหนือจากพวกโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดที่มีการถ่ายทอดสืบสานที่เก่าแก่มากกว่าแล้ว ในมหาโลกาพันสาม เรียกได้ว่าตำหนักเทวจ้านเทียนเป็นสำนักจักรพรรดิอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อสงสัยเลย”
“มหาจักพรรดิยุทธ์สองยุค เท่ากับริเริ่มวรยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิสูงสุดสองประเภท ข่าวลือเล่ากันว่าพระโอรสจ้านเทียนคนนี้ฝึกพลังจักรพรรดิสองประเภท เพิ่งบรรลุสู่มกุฎเทพก็สามารถสังหารอสูรโบราณแดนมกุฎขั้น 9 ได้แล้ว”
ในเขตพื้นที่ศูนย์กลางของแดนเทวนิรันกาล ที่นี่มีดวงดาวที่เล็กและใหญ่นับร้อยดวง หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อเจอจุดหยุดพักตรงยอดเขาที่พลังจิตดาราถือว่าค่อนข้างเข้มข้นลูกหนึ่งบนดวงดาวนับร้อยนี้
ในแดนเทวนิรันกาลมีสมบัติทั้งหมดสามชิ้น หนึ่งดอกหนึ่งหินหนึ่งกระบี่ หากสมบัติเทวเช่นนี้ปรากฏ เช่นนี้พื้นที่ที่มีโอกาสปรากฏมากที่สุดก็คือบริเวณดวงดาวนับร้อยนี้
“เสี่ยวจื่อ ผลการฝึกตนของเจ้าก็สะสมอยู่ในแดนกึ่งมกุฎเทพมาพอประมาณแล้ว ก็สามารถพิจารณาบรรลุสู่แดนมกุฎเทพได้แล้วนะ”
หลัวซิวลงมือบุกเบิกถ้ำแห่งหนึ่งตรงกลางเขาด้วยตนเอง เขานั่งท่าขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำ พลางพูดกับจีเสี่ยวจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ห๊ะ? บรรลุสู่มกุฎเทพ?”จีเสี่ยวจื่อชะงักไป ผู้ที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่านางในเด็กรุ่นใหม่ยังบรรลุไม่ถึงแดนมกุฎเทพเลย นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าตนเองจะต้องทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ของแดนใหญ่เร็วเช่นนี้
“ทว่าบนตัวข้าไม่มีโอสถมหามกุฎนะเจ้าคะ”จีเสี่ยวจื่อแบมือพลางพูดอย่างจนปัญญา : “ต่อให้มีโอสถมหามกุฎ ข้าก็ไม่สามารถบรรลุสำเร็จในครั้งเดียวแน่นอน”
โอสถมหามกุฎที่กล่าวถึงนั้นก็คือยาที่สามารถทำให้นักยุทธ์บรรลุสู่มกุฎเทพได้ เนื่องจากเมื่อยิ่งถึงช่วงปลายของการฝึกยุทธ์ การที่อยากทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ของแดนใหญ่นั้นก็จะยิ่งทำได้ยาก อาศัยเพียงกำลังแรงของตัวบุคคลเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาฤทธิ์ยาด้วย